เผชิญหน้ากับหลี่มู่ที่กำเริบเสิบสาน ไม่ว่าจะเป็นฉู่ซูเฟิงหรือเหล่ากองกำลังเกราะดำต่างไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น คุกเข่าลงทุกคนทันที โดยเฉพาะฉู่ซูเฟิง เดิมทีเขาก็เป็นผู้ช่วยขุนนางเมืองที่มารับตำแหน่งใหม่ของอำเภอขาวพิสุทธิ์ ตำแหน่งฐานะล้วนอยู่ใต้หลี่มู่ ดังนั้นคุกเข่าลงก็ไม่มีความกดดันทางจิตใจอะไรอยู่แล้ว
ส่วนหนิงจ้งซานที่โดนลากมาอยู่ข้างๆ ครั้นเห็นภาพนี้แล้วในใจก็เย็นยะเยือก จึงหลับตาแกล้งตายไปเลย
หลี่ปิงก็ตกใจจนสุดขีด ตัวสั่นงันงก สังหรณ์ได้ถึงการมาเยือนของชะตาอันเหี้ยมโหด
หากให้เขาเลือกได้อีกครั้ง เขาจะต้องหนีไปจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ดินแดนปีศาจแห่งนี้ทันทีที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากคุกที่ว่าการ หนีไปให้ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่ขอกลับมาที่นี่อีก เรื่องแก้แค้นอะไรพวกนี้ยิ่งไม่คิดจะพูดถึงอีกต่อไป
อาจารย์เจิ้งที่ฐานะสูงสุดในที่นี้ยังถูกซัดขาหักนอนอยู่บนพื้นราวสุนัข แล้วคนอื่นจะเป็นเช่นไร?
คนที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับมีเพียงรองนายพลกองกำลังทหารเกราะดำสามสี่คนเท่านั้น
แต่ได้เห็นพลังเสมือนทำลายล้างของหลี่มู่แล้ว พวกเขาจะทำอย่างไรได้?
พวกเขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีพลังสยบเหนือชั้นกว่าอาจารย์เจิ้ง หลี่มู่กล้าหยามหมิ่นแม้แต่อาจารย์เจิ้ง เช่นนั้นหักขาของพวกเขาจะไม่ทำได้สบายๆ เลยหรอกหรือ
บุรุษต้องถอยให้เป็น
พวกเขาก้มหน้าคุกเข่าลงเช่นกัน
หลี่มู่อยู่บนที่สูง กวาดตาลงมองคนพวกนี้ มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะหยัน
“พวกขี้ขลาด เศษสวะกำลังรบอ่อนด้อย ยังมีหน้ามาเล่นลูกไม้อะไรกับข้า โง่เขลา”
เขาวิจารณ์พวกเจิ้งฉุนเจี้ยนและฉู่ซูเฟิงตรงๆ
เจิ้งฉุนเจี้ยนในเวลานี้หยุดร้องครวญครางแล้ว สีหน้าเซื่องซึม สภาพน่าสังเวช นอนอยู่บนพื้นโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
แต่ในดวงตาของ ‘ซิ่วไฉใจเหี้ยม’ คนนี้กลับฉายแววเหี้ยมโหดชั่วร้ายดุจงูพิษ จ้องหลี่มู่เขม็งเหมือนจะจำหน้าตาของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ให้ขึ้นใจ
สำหรับเรื่องนี้ หลี่มู่ไม่สนใจ
แต่ก่อน ในช่วงหลายปีที่เขาอยู่ในโรงฆ่าหมูของหมู่บ้าน ฝีมือยังไม่ชำนาญดี หมูที่ฆ่าไม่ตายในทีเดียวพวกนั้น ในตอนที่มันเจ็บจนแทบบ้า ความบ้าคลั่งเหี้ยมโหดในดวงตาน่ากลัวกว่าเจิ้งฉุนเจี้ยนเยอะนัก
แม้แต่สายตายังสู้หมูไม่ได้ จะมีอะไรน่ากลัว
เทียบกันแล้วหลี่มู่เป็นห่วงบาดแผลของเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยมากกว่า
เขามาถึงเบื้องหน้าชิงเฟิง มองหมอที่ตรวจอาการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วก่อนเอ่ย “อาการบาดเจ็บเป็นเช่นไร?”
สีหน้าของหมอคนนั้นซับซ้อน มองสายตาของชิงเฟิงแล้วใจก็เต็มไปด้วยความนับถือที่ยากจะเอื้อนเอ่ย “คุณชายน้อยสมเป็นคนข้างกายของใต้เท้า อาการบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แต่สีหน้ายังเป็นปกติ เหมือนกับที่ดึงลูกธนูให้กับใต้เท้าในวันนั้น ชวนให้คนต้องตะลึงนัก…”
หลังจากพูดอย่างทอดถอนใจแล้ว เขาจึงตั้งสติกลับมาเรื่องสำคัญที่หลี่มู่สนใจ รีบร้อนรายงานว่า “ใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวลไป บนร่างของคุณชายน้อยส่วนมากเป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ต้องทายา พักผ่อนอย่างสงบ กินอาหารบำรุงร่างกายก็ได้แล้ว ไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ เพียงแต่…”
พูดจนถึงข้างหลัง น้ำเสียงของหมอก็ค่อนข้างลังเลแล้ว
“เพียงแต่อะไร” หลี่มู่สัมผัสสิ่งที่ไม่ดีในน้ำเสียงของเขาได้เลาๆ
“เพียงแต่ขาทั้งสองของคุณชายน้อยมีรอยแผลบาดลึกถึงกระดูก เพราะเวลาผ่านมานาน เนื้อขาเน่าตาย ข้าน้อยเกรงว่าจะไม่กล้ารับประกัน…ส่วนฟันถูกอาวุธทื่อๆ งัดหัก ด้วยอายุของคุณชายน้อยยากที่จะงอกออกมาใหม่ได้ จำต้องใส่ฟันปลอม”
หมอพูดอย่างอ้อมค้อม
แต่ในหัวของหลี่มู่กลับเหมือนมีสายฟ้าฟาด เข้าใจความหมายของเขา
เด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงเป็นไปได้ว่าอาจจะเสียขาทั้งสองข้าง?
จะ…กลายเป็นคนพิการ?
เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่เจ้าเด็กนี่ยังยืนได้ตรงมั่นคงอยู่ชัดๆ จะเป็นไปได้อย่างไร?
หลี่มู่ไม่สนใจคนอื่น เลิกชายชุดคลุมของชิงเฟิงขึ้น เมื่อได้เห็นไฟโทสะก็แทบจะท่วมเขาจนมิด
ที่แท้ เนื้อขาทั้งสองใต้ชุดคลุมของเจ้าหนูน้อยเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่เน่าตายแล้ว เลือดสีดำไหลซึม เนื้อที่เน่าเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ ส่วนที่เขาสามารถยืนได้ตรง ยืนได้มั่นอยู่ ก็เพราะที่ขาติดเหล็กเส้นเอาไว้ เหมือนยึดกล้ามเนื้อและท่อนบนไว้กับที่
บาดแผลเช่นนี้…
ต่อให้อยู่บนโลกในยุคที่การแพทย์แผนปัจจุบันดีเยี่ยม เกรงว่าก็คงทำได้แค่ตัดทิ้งเท่านั้นแล้ว?
“คุณชาย ข้า…ไม่เป็นไร ข้า…ท่านอย่าได้…วู่วาม ข้า…” ใบหน้าของเด็กรับใช้บัณฑิตยิ่งซีดขาวลงเรื่อยๆ สีหน้าเริ่มเหม่อลอย สายตาพร่าเลือน ร่างกายโอนเอน
ก่อนหน้านี้ที่เขาฝืนอยู่ก็เพราะไม่อยากนำความเดือดร้อนมาให้หลี่มู่ และไม่อยากให้หลี่มู่วู่วามเพราะเรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้ว เขารู้ว่าตัวเองปิดหลี่มู่ไม่ได้ สติจึงผ่อนคลายลงอย่างยากจะเลี่ยง เมื่อแรงฮึดนี้เมื่อคลายลง แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็สูญเสียการรู้สึกตัวไปแล้ว
ในใจของหลี่มู่ยิ่งรู้สึกผิด
“มีวิธีที่จะรักษาขาทั้งสองเอาไว้หรือไม่?” หลี่มู่มองหมอผู้นั้น
หมอเผยสีหน้าลำบากใจ ครุ่นคิดอย่างยากลำบาก ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสียเลือดมาก เนื้อเน่าตาย บาดเจ็บจนถึงรากฐาน จะรักษาขาเอาไว้ก็ยากยิ่งนัก นอกเสียจากจะมีโอสถเซียนที่แฝงพลังชีวิตแข็งแกร่งในตำนาน บางทีอาจจะมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ว่าโอสถเซียนเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ ร้านขายยาทั้งหลายในอำเภอไม่มีทางมีขาย มีเพียงสำนักเทพของราชวงศ์เท่านั้น บางทีอาจ…”
โอสถเซียนเป็นของวิเศษล้ำค่าของโลกนี้ แน่นอนว่าชนชั้นปกครองคือผู้ครอบครอง อย่างเช่นราชวงศ์ของจักรวรรดิหรือสำนักชั้นยอด
คำพูดเช่นนี้แทบจะตัดความเป็นไปได้ทุกอย่างทิ้งไป
หลี่มู่ขมวดคิ้ว ในสมองผุดความคิดมากมายนับไม่ถ้วนขึ้นมาทันที
ไปชิงมาจากสำนักไม่ก็ราชวงศ์หรือ?
ไม่ทันกาลแล้ว อีกทั้งก็ไม่แน่ว่าจะแย่งมาได้
ซื้อในราคาแพง?
ไม่รู้ว่าต้องรอกันกี่เดือนกี่ปี
ความคิดต่างๆ แทบจะไม่อาจเป็นจริงได้
โอสถเซียนที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่ง โอสถเซียนที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่ง…
เดี๋ยวนะ พลังชีวิตแข็งแกร่ง?
ในหัวของหลี่มู่พลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
เขามองไปยังหมอแล้วถามขึ้น “ขอแค่เป็นสิ่งที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่ง จะบำรุงรากฐานพลังชีวิตให้ชิงเฟิง ไม่จำเป็นต้องเป็นโอสถเซียนก็ได้ใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา