มือเท้าของเว่ยชงเกร็งกระตุก ลมหายใจรวยริน แม้แต่แรงจะพูดก็ไม่เหลือแล้ว
หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาสำแดงพลังขั้นปรมาจารย์สูงสุดออกมา คงไม่มีใครเชื่อจริงๆ ว่าเขาที่หลี่มู่ลากเหมือนสุนัขขี้เรื้อนจะเป็นยอดฝีมือจริงๆ
ขณะนี้ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ลูกศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หนุ่มสาวทั้งหลายต่างตะลึงตาค้างตัวแข็ง
ผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเขาไม่อาจรับได้
คนชั่ว คนลอบวางแผนร้าย คนสารเลวโหดเหี้ยม คนโง่กำเริบอวดดีในสายตาของพวกเขา กลับสำแดงพลังที่ไม่อาจเข้าใจได้และคาดไม่ถึงออกมา พลังโจมตีบดขยี้ซึ่งหน้าเช่นนั้น แม้แต่ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์สูงสุดอยู่ต่อหน้าคนคนนี้ยังพ่ายแพ้ยับเยิน ลบล้างทัศนคติทั้งสาม[1]ของพวกเขาไปแล้ว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
จอมยุทธ์น้อยทั้งหลายไม่อาจเข้าใจได้
ในหมู่พวกเขา โจวเจิ้นไห่ที่ก่อนหน้านี้สีหน้าลิงโลดยินดี ตอนนี้เหมือนใจร่วงไปในหุบเหวลึกหมื่นจั้ง เย็นเยียบไปทั้งร่าง
ความพ่ายแพ้ของยอดฝีมือระดับเว่ยชง หมายความว่าแค้นที่สังหารลูกของเขาเหมือนจะชำระไม่ได้ไปตลอดกาลแล้ว
ต่อให้วันหลังหลี่มู่ตายในยุทธจักร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอีก
พลังที่เขาสามารถขับเคลื่อนได้ รวมถึงแผนการต่างๆ จนถึงวันนี้ก็มาถึงขีดจำกัดที่เศรษฐีบ้านนอกของที่นี่จะทำได้แล้ว แต่เมื่อขีดจำกัดนี้อยู่ต่อหน้าหลี่มู่ กลับไร้ค่าเสียจนน่าหัวเราะ
เขาหันหลับมามองพี่ชายร่วมสายเลือดโจวเจิ้นชิวที่อยู่ข้างๆ ตามสัญชาตญาณ
“หากพี่ใหญ่ลงมือสุดกำลังแล้วละก็…”
เขาประเมินอยู่ในหัวครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์อะไร
เวลานี้ โจวเจิ้นชิวหลับตาลง
ในหัวของเขาสังเกตและศึกษาไม่หยุด หากเมื่อครู่ตนเองลงมือ เผชิญหน้ากับความเร็วและพลังประหลาดจนถึงขั้นไร้เหตุผลแบบนั้นของหลี่มู่ ตนจะมีโอกาสชนะหรือไม่
ส่วนคนในยุทธจักรเหล่านั้น สีหน้าตอนนี้ยิ่งน่าขบขันเข้าไปใหญ่
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองของสำนักเขี้ยวพยัคฆ์และพรรคมังกรฟ้า ใบหน้าแสบร้อนเหมือนโดนตบแรงๆ หลายฉาด ศัตรูคู่อาฆาตคู่นี้มองตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และต่างเห็นความหวาดกลัวลนลานในดวงตาของอีกฝ่าย
มีเพียงแค่ในเวลานี้เท่านั้น พวกเขาถึงได้กระจ่างอย่างแท้จริงว่าตนเองล่วงเกินศัตรูแบบไหนเข้าแล้ว
ไม่ใช่ หากพูดให้ชัดยิ่งกว่าก็คือ ความจริงพวกเขา สำนักเบื้องหลังพวกเขา รวมถึงสำนักทั้งหมดที่ก่อเรื่องในอำเภอขาวพิสุทธิ์เสียจนบรรยากาศอึมครึมเมื่อหลายวันก่อน ต่อให้ร่วมมือกันแล้วก็เกรงว่าคงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นศัตรูของผู้เยาว์คนนี้ได้เลย
ทุกคนรวมกันแล้ว น่ากลัวว่ายังไม่อาจสู้กับขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่ใช้เพียงมือเดียวได้
ขนาดเว่ยชงที่เป็นระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์ เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังพ่ายแพ้ยับเยิน เหมือนหุ่นกระบอกร้อยเชือก เช่นนั้นพลังที่แท้จริงของหลี่มู่ไปถึงขั้นใดกัน?
คำถามนี้ คิดๆ ดูแล้วรู้สึกว่าจะทำให้คนสติแตก
คิดให้ละเอียดแล้วน่ากลัวยิ่งนัก
คิดให้ละเอียดแล้ว…อยากจะร้องไห้
คนในสำนักยุทธจักรทุกคนต่างกำลังขบคิด วันนี้ตนเองไม่ควรมาปรากฏตัวที่ลานแห่งนี้เลย
บนขั้นบันได หลี่มู่โยนโซ่เหล็กเหมันต์ในมือทิ้งไป
“ข้าจำได้ว่า เจ้าบอกจะให้ข้าตายทั้งเป็น?” เขามองไปยังเว่ยชง
เว่ยชงหอบหายใจคล้ายวัวตัวผู้ใกล้ตาย ดวงตาแดงก่ำ กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างลนลานว่า “เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“วางใจได้ ข้าจิตใจดีมีเมตตา ไม่ซี้ซั้วทรมานใครหรอก” หลี่มู่ยิ้มแยกเขี้ยว
ไม่ซี้ซั้วทรมานใคร?
หากหนิงจ้งซานและฉู่ซูเฟิงที่อยู่ในนรกได้ยินคำนี้แล้วละก็ ต้องเต้นผางโต้แย้งอย่างแน่นอน
แน่นอน เว่ยชงไม่รู้ว่าลานหน้าของที่ว่าการอำเภอเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินหลี่มู่พูดเช่นนี้ เขาก็พอจะโล่งใจได้บ้าง คนที่ปากชอบพูดให้ผู้อื่นตายทั้งเป็นอย่างเขา ที่จริงแล้วในใจกลัวเป็นที่สุดว่าตนจะพบกับการปรนนิบัติเช่นนั้นบ้าง
“ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกอย่างสบายๆ” หลี่มู่เอ่ยเสริมอีกประโยค
สีหน้าของเว่ยชงแข็งค้างไปในทันที
“เจ้า…ข้าคือผู้อาวุโสของสำนักดับนิวรณ์ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ มิฉะนั้นสำนักดับนิวรณ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ขั้วอำนาจของฝั่งเรากระจายอยู่ทั่วแผ่นดินใหญ่เสินโจว มหาจักรวรรดิทั้งสาม แม้แต่ในที่ราบทุ่งหญ้าก็มียอดฝีมือของสำนักเรา หากเจ้าฆ่าข้า จะโดนไล่ล่าสังหารสุดหล้าฟ้าเขียว”
เว่ยชงร้องลั่น
สำนักดับนิวรณ์?
โจวเจิ้นชิวที่ลืมตาขึ้นแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที
คนในยุทธจักรบางคนที่เคยได้ยินชื่อเสียงของสำนักดับนิวรณ์ สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
นี่เป็นกลุ่มอำนาจที่ใหญ่มากทีเดียวเชียว ในเมืองฉางอันแห่งจักรวรรดิฉินตะวันตก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนสำนักขั้นหกก็ล้วนยิ่งใหญ่ทรงอิทธิพล ต่อให้เป็นสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์แห่งจักรวรรดิฉินตะวันตกที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เทียบกับสำนักดับนิวรณ์แล้วยังห่างชั้นกันอีกไกล
ถึงอย่างไร สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก็มีชื่อเสียงโด่งดังแค่ในฉินตะวันตกเท่านั้น ทว่าดับนิวรณ์เป็นสำนักเก่าแก่มาแต่โบราณ ขั้วอำนาจกระจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่เสินโจว หากพูดถึงประวัติศาสตร์ กระทั่งว่ายาวนานเสียยิ่งกว่าสำนักเทพทั้งเก้าบางสำนักด้วยซ้ำไป
ยอดฝีมือที่ใช้ค้อนคนนี้ ที่แท้เป็นคนของสำนักดับนิวรณ์?
ภูมิหลังแบบนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่และน่าตกใจ
แต่สีหน้าของหลี่มู่กลับดูไม่สนใจอะไร เขาพูดขึ้นว่า “อ้อ เจ้าพูดมาก็ถูกอยู่ เช่นนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ข้าฆ่าเจ้าเงียบๆ คนของสำนักดับนิวรณ์ไม่มีทางรู้หรอก”
“เจ้า…คนที่นี่เยอะขนาดนี้ อย่างไรข่าวก็ต้องแพร่ออกไปแน่” เว่ยชงร้อนรนแล้ว
หลี่มู่พยักหน้าคล้ายครุ่นคิดอะไร “อ้อ เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ว่าเรื่องนี้ง่ายจะตาย ข้าฆ่าพวกเจ้าปิดปากให้หมดก็ไม่มีใครรู้แล้ว”
เพียงพูดออกมาเช่นนี้ คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดต่างหน้าเขียวคล้ำ
เหล่าลูกศิษย์หนุ่มสาวของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ใบหน้าพลันฉายแววตื่นตระหนกอย่างยากจะควบคุมได้ เก็บอาการไว้ไม่อยู่แล้ว โดยเฉพาะจ้าวหลิง มือนางกุมด้ามกระบี่ทันที ส่วนลูกศิษย์ชายที่ชมชอบนางมาตลอดยิ่งตกใจจนแม้แต่กระบี่ก็ชักออกมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา