ร่างที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเว่ยชงหนึ่งในสิบสองผู้อาวุโสของสำนักดับนิวรณ์นั่นเอง
“เจ้าเศษสวะ เจ้ามีชีวิตกลับมาได้อย่างนั้นรึ ฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย”
แผลเป็นรอยดาบที่หน้าผากของเว่ยชงบิดเบี้ยว
เขาเมินเฉยคนอื่นๆ ทั้งหมด มองประเมินหลี่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าตกใจ
จากการไล่สังหารหนึ่งวันหนึ่งคืน หลี่มู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงใด ในใจของเว่ยชงรู้ดีกว่าใคร เพราะเป็นเขาที่ไล่ทุบอีกฝ่ายจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเละๆ ดังนั้นหนึ่งก้านธูปก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้ข่าวลับจากสำนักดับนิวรณ์ และรู้ว่าหลี่มู่กลับมายังที่ว่าการอำเภอแล้ว เว่ยชงจึงรีบร้อนมาในทันที ด้วยกลัวว่าหลี่มู่มาเก็บของแล้วจะหนีไปอีก
สำหรับเขา หลี่มู่ที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ต่อให้ฟื้นฟู อย่างมากก็แค่ฟื้นชีวิตกลับมาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าหลี่มู่ที่อยู่ต่อหน้าจะมีสภาพดียิ่งยวด ไม่พบบาดแผลทั่วร่างเลย เห็นได้ชัดว่าฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ฮี่ๆ เจ้าเศษสวะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ตายอย่างสบายๆ บอกมา ใครทำลายเรื่องสนุกของข้า กล้ามาช่วยเจ้าไป ทั้งยังรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าจนหายสนิท? แล้วซ่อนเลือดเจียวไว้ที่ไหน?”
เว่ยชงรัวถามเป็นชุด
เขาเชื่อมั่นอย่างมาก คิดว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา และตนสังหารหลี่มู่ได้แน่
หลี่มู่ไม่ตอบเขา เพียงแค่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
ย่ำรองเท้าเหล็กสึกไม่พานพบ ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย[1]
หลี่มู่ในวันนี้ไม่เห็นเว่ยชงอยู่ในสายตา
เขาแค่ปลงอนิจจัง โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเสียจริง
หลังจากที่อาการบาดเจ็บฟื้นฟูดีแล้ว สิ่งที่หลี่มู่อยากทำมีมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือสังหารเว่ยชงศัตรูคนนี้
ต้องรู้ไว้ว่า เพื่อที่จะรักษาตัว เขาต้องทำให้เนื้อหนังและกระดูกแหลกเหลวแล้วปั้นขึ้นใหม่ ไม่ต้องพูดถึงว่าหากไม่มี ‘วิชาก่อนกำเนิด’ แล้วละก็ ตัวเองได้ตายไปแล้วแน่ ลำพังแค่ขั้นตอนการรักษาตัวสร้างร่างใหม่ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับถูกแล่เนื้อเถือหนังไม่ใช่สิ่งที่คนจะสามารถรับได้เลย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเว่ยชง
ไม่ว่าจะเป็นช่วงอนุบาล ประถม หรือมัธยมต้น เด็กชายหลี่มู่ไม่เคยเป็นพ่อพระที่จิตใจกว้างขวาง ใช้ความดีตอบแทนความแค้น ดังนั้นแค้นนี้จะต้องคิดบัญชีแน่
แต่เดิมเขายังกังวลอยู่ ศูนย์กลางของสำนักดับนิวรณ์ไม่ได้อยู่แถวแนวเขาขาวพิสุทธิ์ และคนในสำนักนี้ต่างลึกลับซับซ้อน เจอตัวยาก คิดไม่ถึงว่าเว่ยชงจะละโมบไม่รู้จักพอ คิดอยากได้เลือดเจียวจากตน จึงได้แอบเฝ้าอยู่ หลังจากได้ยินข่าวว่าตนกลับมาแล้วก็รีบบุกมาหาถึงที่
นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ
คิดได้ถึงตรงนี้ หลี่มู่ก็หัวเราะอย่างเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ “ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ…”
สีหน้าของเว่ยชงเหี้ยมเกรียม “เจ้าเศษสวะ จะตายอยู่แล้ว เจ้าหัวเราะอะไร?”
“ฮ่าๆๆ ข้าหัวเราะเจ้าไง สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไม่มีประตูเจ้ากลับบุกเข้ามา เว่ยชง วันนี้เป็นเจ้าที่รนหาที่ตายเอง” หลี่มู่ปรับลมหายใจ พลังภายในกายหมุนโคจร โดยเฉพาะที่กระดูกสันหลัง พลังไหลเวียนราวมีมังกรทะลวง
และท่าทางหัวเราะลั่นเช่นนี้ของเขา ยามอยู่ในสายตาของพวกจ้าวหลิงลูกศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ก็กลายเป็นท่าทางของราชาปีศาจตัวร้ายโรคจิตโดยสมบูรณ์ ยิ่งเป็นการยืนยันการวิเคราะห์และความดูถูกที่มีต่อหลี่มู่ของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์
เว่ยชงได้ยิน ไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ “ฮี่ๆ เจ้าสวะ พูดจาโอหังนัก อีกประเดี๋ยวเจ้าได้หัวเราะไม่ออกแน่”
ฝ่ามือเขาเพียงสะบัดไป โซ่เหล็กเหมันต์ที่พันอยู่บนร่างก็ขยับมีชีวิตราวงูเหลือมสีดำ ค้อนยักษ์สั่นดังวิ้งๆ กำลังภายในสีดำชั้นหนึ่งแนบลงไปที่โซ่และพื้นผิวค้อนยักษ์ แผ่กระจายกลิ่นอายราวกับเพลิงมารสีดำที่มาจากนรก มีความรู้สึกชั่วร้ายที่ชวนให้คนขาดอากาศหายใจ
ลูกศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์และคนในยุทธจักรคนอื่นๆ ที่นั่นหน้าเปลี่ยนสีทันที
พวกเขาตระหนักได้ว่า ยอดฝีมือแปลกหน้าซึ่งจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
“ลิ้มรสของความรู้สึกที่กระดูกแหลกอีกครั้งหนึ่งเสียเถอะ”
เว่ยชงแค่สะบัดมือ ค้อนยักษ์ก็พุ่งทะยานออกไป
เสียงมังกรคำรามคล้ายมายาคล้ายความจริง ภายใต้คลื่นกระแสอากาศ ค้อนยักษ์สีดำนั้นเสมือนกลายเป็นมังกรเกล็ดดำ แยกเขี้ยวกางกรงเล็บพุ่งไปกัดกินหลี่มู่
“ขั้นปรมาจารย์ระดับสูงสุด!”
ใบหน้างดงามของจ้าวหลิงเปลี่ยนสี กรีดร้องเสียงหลง
ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หรือคนจากสำนักอื่นๆ เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้
เห็นได้ชัดว่า พลังของยอดฝีมือแปลกหน้าคนนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังสูงสุดที่พวกเขาประเมินไว้ก่อนหน้านี้
กำลังภายในถูกปลดปล่อยออกมาข้างนอก แปรเปลี่ยนประดุจเทพ!
นี่เป็นสัญลักษณ์ของขั้นปรมาจารย์สูงสุด
“ดีจริงๆ หลี่มู่ตายแน่แล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดพรรคมังกรฟ้าดีใจยกใหญ่
“ด้วยการโจมตีนี้ หลี่มู่จะต้องไม่เหลือซากแน่” ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเขี้ยวพยัคฆ์หัวเราะเสียงเย็น
“แค้นของลูกชายข้าได้คิดบัญชีแล้ว” โจวเจิ้นไห่ดีใจยิ่งนัก การปรากฏตัวของยอดฝีมือชั้นยอดที่ประสงค์ร้ายต่อหลี่มู่แน่นอนเช่นนี้ ช่างทำให้เขายินดีเป็นล้นพ้น
ในขณะเดียวกัน…
“หยุด”
เสียงหนึ่งดังมาจากนอกประตูใหญ่ สายลมเย็นโหมซัด เป็นนักเวทกลางคนชุดดำที่ตามมา
แต่ทุกอย่างไม่ทันกาลเสียแล้ว
เปลวเพลิงกำลังภายในสีดำปกคลุมไปยังหลี่มู่ที่ยืนอยู่ที่เดิม ท่ามกลางเสียงคำรามยาวขาดๆ หายๆ ของมังกรดำ
ระยะห่างและองศาเช่นนี้ ไม่อาจหลบหลีกได้แล้ว
ครืน!
ค้อนยักษ์สั่นสะเทือน มังกรดำแสงเพลิงท่วมมิดร่างของหลี่มู่
“ฮ่าๆ ข้าบอกแล้ว ครั้งนี้ต่อให้เจ้าติดปีกก็หนีไม่รอด ข้าจะให้เจ้าตายทั้งเป็น” เว่ยชงหัวเราะลั่น อีกฝั่งหนึ่งของโซ่เหล็กเหมันต์พันอยู่กับท่อนแขนของเขา จากการสั่นสะเทือน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าค้อนยักษ์โจมตีเข้าเป้าแล้ว
เสียงร้องยินดีดังมาจากเหล่าศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์และคนในยุทธจักรเช่นพรรคมังกรฟ้า
“งั้นรึ?”
เสียงของหลี่มู่ดังขึ้นอย่างเยียบเย็น
เห็นเพียงกำลังภายในแสงเพลิงดำสลายไป มังกรดำภาพมายาเลือนรางบิดเบี้ยวดิ้นรน สุดท้ายก็หายไปเหมือนโดนทำลาย
รูม่านตาของเว่ยชงหดเล็กลง
ด้านตรงข้าม บนบันไดหินหน้าประตูโถงหลัก ร่างของหลี่มู่ไม่เปลี่ยนไปเลย
เขาแค่ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง
แค่ยื่นมืออกมาข้างเดียวเท่านั้น
นิ้วทั้งห้ากางออกช้าๆ ทุกนิ้วขาววิจิตรราวหยกสลัก ทั้งเรียวยาวทั้งทรงพลังราวกับหัตถ์เทพ จากนั้นคว้าหัวค้อนยักษ์สีดำเอาไว้
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ารนหาที่ตาย”
หลี่มู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา