หวางเฉินรีบกล่าว “การตายของขุนพลถังชวนให้คนโกรธแค้นจริงๆ ภรรยาและลูกของเขายิ่งต้องช่วยเหลือ แต่องค์หญิงอย่าได้เสด็จไปโดยพระองค์เองเด็ดขาด หรือฝ่าบาทไม่เคยคิดมาก่อนว่าจักรวรรดิกว้างใหญ่ มีเมืองหลายสิบเมือง ทำไมภรรยาและลูกของขุนพลถังถึงได้ถูกส่งมาหน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอัน? มีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่นคือองค์หญิงมาเมืองฉางอันอย่างไรล่ะ ท่านผู้นั้นคิดอยากดึงองค์หญิงเข้ามาพัวพันด้วย เกรงว่าคงจะวางกับดักต่างๆ เอาไว้แล้ว รอแค่องค์หญิงบุกเข้าไป เรื่องล่าสัตว์ฤดูวสันต์เพิ่งจะจบสิ้นลง ระลอกคลื่นที่เหลือยังไม่จางหายไป ฝ่าบาทยังทรงกริ้วอยู่ หากองค์หญิงเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ เกรงว่า…ผลลัพธ์จะเลวร้ายจนไม่กล้าคาดคิด”
ฉินเจินถอนหายใจ “ทำไมข้าจะไม่รู้เรื่องพวกนี้”
“เช่นนั้นทำไม…”
“อาจารย์หวาง ท่านคิดว่าข้ายังมีทางเลือกอื่นหรือไม่?”
“นี่…”
น้ำเสียงของหวางเฉินชะงักไป
แน่นอนว่าเขาก็รู้ นับหลังจากเรื่องล่าสัตว์ฤดูวสันต์ ยอดฝีมือที่วันนี้ยังคงติดตามข้างกายองค์หญิงน้อยนิดยิ่งนัก แทบจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนใช้การได้ ภรรยาม่ายและลูกของแม่ทัพถัง วันนี้คือนักโทษของจักรวรรดิ จะช่วยคนมันง่ายอย่างนั้นเสียที่ไหน ต่อให้แผนวางไว้ละเอียดรัดกุมเพียงใด ถึงตอนนั้นต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน หากไม่มียอดฝีมือระดับหนึ่งขั้นปรมาจารย์ขึ้นไปคอยดูแล โอกาสที่แผนจะสำเร็จริบหรี่นัก
“หากไม่ได้จริงๆ ข้ายินดีไปเมืองฉางอันเพื่อองค์หญิง” หวางเฉินกัดฟันพูด
ฉินเจินมองเขาแวบหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วกล่าวตอบ “มีแค่เจ้าคนเดียว ไม่ไหว”
“เรื่องนี้…ข้าลองไปหาสหายเก่าในยุทธจักรบางคนได้ พวกเขา…” หวางเฉินเสนอ
ฉินเจินหัวเราะ
ในรอยยิ้มราบเรียบมีความสุขุมอย่างที่มองโลกขาด
น้ำเสียงของนางเยาะเย้ยตัวเองรางๆ ถามขึ้นเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์หวางคือผู้มีปัญญา ไยจึงต้องโกหกตัวเองด้วย ใจท่านน่าจะรู้ดี เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก มีเพียงคนที่ควรค่าให้เชื่อมั่นที่สุดถึงจะฝากฝังได้ แต่เรื่องใดๆ ก็ตามแต่ เมื่อไปอยู่ในยุทธจักรจะมีความลับอะไรที่ไหน ท่านรับประกันได้หรือไม่ว่าสหายเก่าเหล่านั้นยังพึ่งได้อยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างทุกวันนี้? ต่อให้พึ่งได้ ท่านทำใจให้สหายเก่าทั้งหลายที่เหลืออยู่ทิ้งชีวิตสุขสงบทุกวันนี้ แล้วเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องที่ไม่อาจย้อนคืนมาได้หรือ?”
หวางเฉินถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“แต่องค์หญิงเสด็จด้วยองค์เองจะเข้ามาพัวพันมากเกินไป…อืม หรือพวกเราจะยืมกำลังของหลี่มู่?” เขาลองเสนอแนะดู “หากหลี่มู่ยินดีลงมือช่วยพวกเรา ด้วยพลังที่น่ากลัวของเขา ความเป็นไปได้ที่แผนการสำเร็จจะมากขึ้น…”
พูดแล้ว ดวงตาของหวางเฉินก็ยิ่งเปล่งประกาย
หากพูดว่าตอนแรกเขาแค่คิดจะลองโน้มน้าวฉินเจินไม่ให้ไปด้วยตัวเอง เช่นนั้นเขาพลันรู้สึกว่าข้อเสนอแนะนี้ของตนมีความเป็นไปได้สูงมาก
ทว่าฉินเจินปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างเฉียบขาด
“อุดมการณ์ต่างกัน ไม่ร่วมทางกัน” องค์หญิงกล่าวอย่างเด็ดขาด
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่าอะไรทั้งนั้น…ขุนนางเมืองคนนี้ต่อให้มีความสามารถยิ่งใหญ่เกรียงไกร ข้าก็ไม่ยินดีที่จะร่วมกลุ่มกับเขา เรื่องนี้ทำตามที่ข้าบอกแล้วกัน รบกวนอาจารย์หวางจัดเตรียมด้วย เจ็ดวันหลังจากนี้ พวกเราแอบปลอมตัวไปเมืองฉางอัน ความปลอดภัยของเจิ้งเอ๋อร์มอบให้พี่น้องหลิวเฮ่าหลิวเหิงรับผิดชอบชั่วคราวเถอะ”
“น้อมรับคำสั่ง”
หวางเฉินถอนใจอยู่ข้างใน
ปมในใจขององค์หญิงปมนี้ เมื่อใดจึงจะคลายออกได้
เวลาไม่รอข้าแล้ว
เสียแรงช่วยสำคัญเช่นหลี่มู่ไป จะต้องเป็นการสูญเสียที่เสียใจก็สายไปแล้วแน่
……
ส่วนลึกในเขาขาวพิสุทธิ์
ทิวเขาสลับวกวนราวมังกรเลื้อยคดเคี้ยว
ป่าไม้ในเขาแน่นขนัดเป็นระลอกคลื่นเขียวดุจทะเล ทิวทัศน์ตระการตา สภาพแวดล้อมธรรมชาติเก่าแก่ดั้งเดิมมาก เงียบสงบงดงามเป็นที่สุด
ยอดเขาขาวพิสุทธิ์คือยอดเขาหลักของทิวเขาขาวพิสุทธิ์ เขาสูงสี่พันหนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดจั้ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตพื้นที่เมืองฉางอัน
หิมะที่ทับถมตลอดทั้งปีบนยอดเขาปกคลุมมาเนิ่นนาน ราวผู้ชราผมขาวทรงปัญญาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายก้มลงมองภูเขาป่าไม้รอบๆ อย่างเงียบงัน ส่วนบริเวณแนวสันเขาและเชิงเขากลับเขียวขจีราวมหาสมุทร ยามลมพัดดั่งคลื่น เหมือนกับกระโปรงของสตรีแรกรุ่นที่สดใสเบิกบาน เต็มไปด้วยพลังชีวิต
ทางเข้าสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ตั้งอยู่ ณ จุดสูงสองในสามของยอดเขาขาวพิสุทธิ์
สิ่งก่อสร้างงดงามแปลกตาแบบโบราณ สร้างจากอิฐกระเบื้องและไม้ ไล่ระดับสูงต่ำสลับกันไปตามภูเขา ราวกับที่พักอาศัยของเซียน ระฆังบอกเวลายามเช้า เสียงกลองบอกเวลายามค่ำ หมู่เมฆขาวลอยวน ราวดินแดนในอุดมคติก็ไม่ปาน
พื้นที่ด้านนอกของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์อยู่ที่เชิงเขา
ทุกวันลูกศิษย์หนุ่มสาวหลายร้อยคนจะฝึกฝนวิชากระบี่ ฝึกกำลังภายในที่ลานใหญ่ด้านนอกทั้งสาม
ทุกวันเมื่อตะวันลอยโด่ง ศิษย์ทุกคนตวัดกระบี่ฝึกฝน ประกายกระบี่ส่องสะท้อน ปราณกระบี่ถาโถมทั่ว คึกครื้นกันยิ่งนัก
“ผู้อาวุโส เหตุใดท่านรักษาความลับเรื่องการตายของผู้ตรวจสวีแทนหลี่มู่?” ลูกศิษย์หนุ่มสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์จางเจามาที่ ‘หอสงบจิต’ ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “พวกเราสามารถใช้เรื่องนี้ข่มขู่หลี่มู่ ให้เขาปล่อยศิษย์พี่หญิงจ้าวได้”
เวลาห่างจากพวกโจวเจิ้นกลับมายังสำนักกระบี่หลายวันแล้ว
เรื่องที่ขุนนางเมืองเล็กๆ จำใจรับดอกไม้แห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ให้เป็นหญิงรับใช้ยังไม่แพร่งพรายออกไป
สาเหตุหลักๆ เพราะศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายที่รู้เรื่องนี้เป็นห่วงว่าหากเล่าลือออกไปจะกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติของจ้าวหลิง
แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หวังว่าคนระดับสูงสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์จะลงมือ ช่วยดอกไม้แห่งสำนักกระบี่ออกมาจากเงื้อมมือของราชาปีศาจโดยเร็วที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา