อีกทั้งไม่ใช่ทุกที่จะเหมาะกับการวางค่ายกล
การวางค่ายกล แก่นแท้คือการสื่อสารกับธรรมชาติ เป็นขั้นตอนการหยิบยืมพลังจากฟ้าดิน
และพลังของฟ้าดินก็ลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก คิดจะยืมก็ได้มาง่ายดายอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่
ยืมพลังฟ้าดิน จะขาดเวลา สถานที่ และแรงคนสามสิ่งใดสิ่งหนึ่งนี้ไปไม่ได้เลย
ดังนั้น เงื่อนไขของภูมิประเทศและฮวงจุ้ยจึงสูงมาก ลักษณะพื้นที่ที่ต่างกันควรจะวางค่ายกลแบบไหน และวางค่ายกลแบบไหนไม่ได้ ล้วนมีรายละเอียดซับซ้อนทั้งนั้น
หากศึกษาค่ายกลจนถึงจุดลึกซึ้ง จะติดต่อกับฟ้าดินได้ กระทั่งสามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน
จากคำพรรณาของซินแสเฒ่า ในจุดลึกที่สุดของจักรวาลอันไกลโพ้น เคยมีบุคคลเป็นเอกผู้หนึ่งสมญาว่าเทพจักรพรรดิจ้าวพิภพ ใช้ดวงดาวทั้งหลายเป็นหมากอาวุธเวทวางค่ายกล สร้างทั้งดาราจักรให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามลึกลับเกินหยั่ง เพียงแค่ชั่วความคิดเดียวก็สังหารเซียนได้ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นบุคคลจำนวนไม่มากที่หลี่มู่ได้ยินซินแสเฒ่าชมเชยและชื่นชม เวลาส่วนมากที่เหลือ ซินแสเฒ่ามักจะมีท่าทีราว ‘ฟ้าดินคือน้องรอง ข้าคือพี่ใหญ่’ เห็นได้ว่าเทพจักรพรรดิจ้าวพิภพคนนี้สง่างามสูงส่งเพียงใด
น่าเสียดาย ซินแสเฒ่าพูดถึงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น และพูดไม่ละเอียด
เมื่อหลี่มู่ถามโดยละเอียดอีกครั้ง ซินแสเฒ่าก็ไม่ยอมพูดอะไรมาก กล่าวแค่ว่าจักรวาลเวิ้งว้าง กว้างใหญ่ไกลโพ้น ดวงดาวและดาราจักรมีมากมายเพียงใด เรียกได้ว่ามากมายนับไม่ถ้วนดุจมหาสมุทร เทพจักรพรรดิจ้าวพิภพจากปากของเขาคนนี้คือบุคคลในส่วนลึกที่สุดของจักรวาลอันเป็นอนันต์ ห่างไกลจากโลกและระบบสุริยะจักรวาล อีกทั้งระบบทางช้างเผือกต่างๆ มากนัก ต่อให้เป็นต้าหลัวจินเซียน[1]ก็ไม่มีทางข้ามผ่านระยะทางเช่นนี้ได้
ใช้ดวงดาวมาเป็นหมากค่ายกล นั่นเป็นขอบเขตที่หลี่มู่ไม่กล้าจะคิดถึง
สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือใช้วัสดุต่างๆ ที่พรรคมังกรฟ้า สำนักเขี้ยวพยัคฆ์ และสำนักในยุทธภพต่างๆ จ่ายมา เปลี่ยนแปลงลักษณะพื้นที่ ต้นไม้ใบหญ้า หรือธารน้ำ เพื่อรวบรวมพลัง เก็บพลัง จากนั้นใช้พลังงานของ ‘พลัง’ ชนิดนี้มาปกป้องที่ว่าการ
นี่คือขั้นแรกเริ่มของ ‘ค่ายกล’
และก็เป็นขั้นที่หลี่มู่ทดลองอยู่ในตอนนี้
เวลาสามวันติด หลี่มู่ไม่ว่างเลยแม้แต่ชั่วขณะเดียว
เขาวัดพื้นที่รอบที่ว่าการทุกชุ่นอย่างละเอียด ทั้งยังขุดดินด้วยตัวเองลงไปอีกสองจั้ง สำรวจองค์ประกอบของดิน สำรวจระดับความเข้มข้นของน้ำใต้บาดาล ทั้งยังรวบรวมสรุปชนิดพืชพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่รอบที่ว่าการ ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาตลอดทั้งสิบสองชั่วยามของตาน้ำ กระทั่งมีรังมดกี่รัง มีงูแมลงสัตว์อะไรบ้าง ล้วนแต่รวบรวมไว้อย่างตั้งอกตั้งใจ
สำหรับหลี่มู่ การวางค่ายกลก็เหมือนทำโจทย์คณิตศาสตร์ซับซ้อน จะต้องรับประกันว่าทุกขั้นตอนการแก้โจทย์ไม่มีช่องโหว่อะไร สุดท้ายถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง
ซินแสเฒ่าปกติบ้าๆ บอๆ พึ่งพาอาศัยไม่ได้ แต่ในด้านวางค่ายกลกลับเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ทำพิธีที่ธรรมดามากหรือสำรวจฮวงซุ้ยก็ล้วนแต่ละเอียดรอบคอบ ความเข้มงวดนี้ส่งอิทธิพลมาถึงหลี่มู่ด้วย
ในตำนานเรื่องเล่ามากมายบนโลก ตัวเอกแค่สะบัดมือ โยนอาวุธวิเศษอะไรไปตามอารมณ์ หรือประทับตราอะไรบางอย่างตามใจก็จัดวางค่ายกลได้ เช่นนั้นเหลวไหลทั้งเพ
การวางค่ายกลที่แท้จริงไม่มีทางง่ายแบบนั้น แต่ต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นด้วย ต่อให้เป็นรายละเอียดเล็กๆ ก็จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ละเลยเรื่องตาน้ำ น้ำบาดาลก็อาจจะทำให้รากฐานผุกร่อน ค่ายกลไม่มีผล ละเลยรังมดก็อาจทำให้ ‘พลัง’ ที่กักเก็บรั่วไหลออกเพราะการขุดขยายพื้นที่ของรังมด ละเลยเรื่ององค์ประกอบชั้นดิน หากใต้ดินมีชั้นทรายอาจทำให้เครื่องหยกกำเนิดค่ายกลที่ฝังอยู่ใต้พื้นดินจม ส่งผลให้พลังของค่ายกลทั้งหมดสลายไป…
ว่ากันตามจริง การวางค่ายกลจุดหนึ่งไม่ต่างอะไรกับการสร้างตึกหรืออาคาร ล้วนแต่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน
หลี่มู่ยุ่งจนหัวปั่นเป็นเวลาสามวันเต็ม
หลี่เจาเฉินในฐานะที่เป็นผู้ช่วยชั่วคราว หลายวันมานี้จึงอยู่ข้างกายหลี่มู่โดยตลอด ในใจรู้สึกประหลาด แอบงึมงำไม่หยุดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือจู่ๆ ท่านขุนนางเมืองจะเปลี่ยนนิสัย ทำไมถึงมาสนใจดินทรายต้นไม้ใบหญ้าภูเขาน้ำตกขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นราชาปีศาจจนเบื่อแล้ว?
หลี่เจาเฉินคือน้องภรรยาของหัวหน้าพัศดีเจินเหมิ่ง
หลายวันก่อนในช่วงเวลาสำคัญ เขาสร้างผลงานไม่เลว ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเฝิงหยวนซิงและเจินเหมิ่งพักฟื้นไม่มีคนใช้งานได้ หลี่มู่จึงเลื่อนขั้นพัศดีคนนี้เป็นมือปราบข้างกาย เอามาไว้ข้างตัว
พัศดีหนุ่มที่ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบแปด เคารพหลี่มู่ขุนนางเมืองคนนี้อย่างเต็มอก
ความเคารพนี้ไม่ใช่แค่เพราะความแตกต่างของระดับขุนนาง แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งที่หลี่มู่แสดงออกมาในเรื่องใหญ่หลายเรื่องที่ผ่านมามากกว่า ทั้งปกป้องคุ้มครองผู้ใต้บังคับบัญชา และพลังที่แทบจะไร้เทียมทาน ทั้งหมดนี้ตรงกับนิยามของวีรบุรุษสำหรับคนหนุ่มที่จิตใจฮึกเหิม
หรือพูดให้ตรงอีกหน่อยคือ น่าจะเป็นความเลื่อมใส
หลี่เจาเฉินเหมือนกับพัศดีคนหนุ่มคนอื่นๆ กลายเป็นสาวกที่คลั่งไคล้และผู้นับถือบูชาหลี่มู่
“รวมๆ ก็เรียบร้อยแล้ว”
หลี่มู่วัดรอบๆ ทั่วที่ว่าการอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย ก็กลับมายังห้องหนังสือและเริ่มวาดภาพ
ครึ่งวันเต็ม หลี่มู่วาดออกมาทั้งหมดสามสิบหกแผ่น
เขาเรียกหลี่เจาเฉินเข้ามา ให้คนหยิบภาพไปเริ่มปรับปรุงสภาพแวดล้อมรอบที่ว่าการทั้งหมดตามที่ร่างบนกระดาษ
“จำเอาไว้ จะให้ภาพรั่วไหลออกไปไม่ได้เด็ดขาด เจ้าดูรอบหนึ่ง จำได้แล้วให้นำกำลังคนด้วยตัวเอง สั่งให้คนไปทำซะ หลังจากขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้น จงนำกลับมาให้ข้าทุกแผ่นอย่าให้ผิดพลาด”
หลี่มู่สั่งการอย่างจริงจัง
น้ำเสียงแบบนี้ ทำให้หลี่เจาเฉินรู้สึกถึงความสำคัญของเรื่องนี้และความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่บนบ่าของตน สามารถทำเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้ใต้เท้าได้ ในใจของเขาตื่นเต้นยิ่งนัก
“ใต้เท้าวางใจขอรับ ต่อให้ข้าน้อยต้องทิ้งชีวิต ก็ไม่มีทางทำภาพหายแม้แต่ภาพเดียวเด็ดขาด” หลี่เจาเฉินตบอกพูด
หลี่มู่หัวเราะ “ชีวิตสำคัญกว่า”
หลี่เจาเฉินจึงหัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา