หลี่มู่อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจ สตรีชุดขาวผู้นี้จะต้องเห็นเหตุการณ์ที่ตนฝืนกินของไม่อร่อยจนหมดแล้วยังสั่งอีกสองสามชาม เพื่อจงใจช่วยเหลือการค้าขายของย่าหลานสองคนเมื่อครู่เป็นแน่
หึ สตรีชุดขาวคนนี้ก็มีน้ำใจเหมือนกันนี่
ดังนั้นนางจึงได้เลียนแบบสั่งบะหมี่เหมือนกัน
หลี่มู่ยิ้มพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อไปอีก
ไม่นานนัก เด็กน้อยก็ยกบะหมี่ผักสามชามมา
สตรีชุดขาวเลิกผ้าโปร่งบางสีขาวขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้างดงามประณีตดุจหยกไร้ตำหนิ
หลี่มู่รู้สึกเบื้องหน้าสว่างจ้า ราวกับสรรพสิ่งรอบๆ ไร้สีสันไปทันที
ใต้ฟ้ายังมีสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้อยู่อีกหรือ?
ในสมองของเขามีคำพูดเช่นนี้ผุดขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้
ใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าโปร่งสีขาวเบื้องหน้า ดวงตาดุจดวงดารา ริมฝีปากดุจแต้มชาด เครื่องหน้าคมชัด ผิวพรรณขาวผ่อง ไร้ซึ่งตำหนิใดๆ เทียบกับลักษณะสาวงามตามหลักที่เคร่งครัดแล้ว หลี่มู่ไม่อาจพูดได้ทันทีว่าตรงไหนที่สวยเป็นพิเศษ แต่มีความรู้สึกว่าไม่มีใครเทียบเทียมและไม่อาจแทนที่ได้
มองเพียงแค่แวบเดียว หลี่มู่ก็มีความรู้สึกเหมือนโดนไฟดูด
ชั่วขณะนั้น เขามองเหม่ออย่างอดไม่ได้
สตรีชุดขาวสัมผัสได้ถึงสายตาของหลี่มู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจ ยกตะเกียบขึ้นเริ่มกินบะหมี่อย่างสุภาพ กิริยาท่าทางนุ่มนวล ดูแล้วไม่เหมือนสตรีในยุทธจักรที่พกกระบี่ยาว แต่เหมือนองค์หญิงเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับการอบรมมารยาทชนชั้นสูงมา
‘โอ้โห แม้แต่มองนางกินบะหมี่ ยังเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่งเลย’
ในที่สุดหลี่มู่ก็เรียกสติกลับมาได้
ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจความหมายของคำคำหนึ่งแล้ว…สวยจนปานจะกลืนกิน
“พี่ชาย บะหมี่เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตัวคล้ำร่างผอมเห็นหลี่มู่เหม่อลอย จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนเสียงเบา “หากยังไม่กิน จะอืดเละหมดแล้วนะ”
หลี่มู่หน้าแดงทันที รับคำอ้ำๆ อึ้งๆ แล้วยกชามบะหมี่ข้างๆ มา ก้มหน้าก้มตากินคำโต
หน้าอายจริงๆ
หลี่มู่สบถด่าตัวเองในใจ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีเวลาที่ถูกรูปโฉมของสตรีทำให้ตะลึงไปเหมือนกัน
แต่ในใจของเขาไม่มีความคิดไม่ซื่ออะไร ซ้ำยิ่งไม่มีใจจะไปใกล้ชิดเกี้ยวพาสตรีนางนี้
ปฏิกิริยาเมื่อครู่ โดยคร่าวๆ แล้วก็เป็นแค่สัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตเพศผู้เท่านั้น
กวาดบะหมี่สามสี่คำเข้าปากแล้ว หลี่มู่โคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ขึ้นเงียบๆ จิตใจสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลี่มู่กินบะหมี่สองชามหมด สตรีชุดขาวเบื้องหน้าก็เพิ่งจะกินเสร็จ
นางหยิบทองคำก้อนออกมาประมาณสิบตำลึง ก่อนยัดใส่มือของเด็กหญิงตัวน้อย “ไม่ต้องทอน”
“เอ๋?” เด็กหญิงค่อนข้างตกใจ ใบหน้างุนงง รับเงินไปอย่างตกตะลึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หญิงชราที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ตกใจเช่นกัน รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ไม่ได้…” พลางรีบหยิบทองในมือของเด็กหญิงยัดคืนกลับไปในมือสตรีชุดขาว “บะหมี่แค่ชามเดียว แม่นาง เจ้าให้มากเกินไปแล้ว ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก เจ้าให้ข้าอีแปะเดียวก็พอ”
เงินหนึ่งร้อยอีแปะ ก็แค่หนึ่งสองตำลึงเงินเท่านั้น
ทองสิบตำลึงนี้ น่ากลัวว่าจะเป็นหมื่นอีแปะ
สตรีชุดขาวมือเติบ ทำให้ย่าหลานคู่นี้ตกใจ
หลี่มู่ดูอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
ก็รู้ว่าสตรีชุดขาวหวังดีแน่นอน แต่วิธีของนางไม่ค่อยถูกนัก
บางทีทองสิบตำลึงสำหรับนางอาจเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับร้านค้าเล็กๆ ทั้งหลายในตำบลสุขสงบกลับเป็นเงินจำนวนมหาศาล ให้เงินมหาศาลกับย่าหลานที่อยู่ระดับชั้นล่างซึ่งไม่มีความสามารถป้องกันตัวเช่นนี้ อาจเป็นการนำภัยมาสู่พวกนางได้
ตอนนี้หลี่มู่สามารถชี้ขาดได้ว่า สตรีชุดขาวคนนี้ชาติกำเนิดอยู่ในตระกูลร่ำรวย คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่รู้จักความยากลำบากของโลก โดยเฉพาะกฎการดำรงชีวิตของบุคคลเล็กๆ ในระดับล่าง
ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้หลี่มู่ก็ใจดีช่วยสองคนย่าหลาน แต่ไม่ได้ให้เงินไปเลย กลับสั่งบะหมี่เพิ่มอีกสองชาม นี่คือการมอบเกียรติให้กับอีกฝ่ายด้วยเจตนาที่ดี ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยเหลือในขอบเขตที่อีกฝ่ายรับได้ แต่สตรีชุดขาวแม้จะสั่งบะหมี่หนึ่งชามเหมือนกัน แต่เงินที่นางให้กลับเกินบะหมี่หนึ่งชามไปไกล ค่อนข้างคล้ายกับบริจาคไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา