จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 118

“อมิตาภพุทธ อย่าวู่วาม อย่าลงมือ” หลี่มู่พูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “โยมทั้งหลายมีอะไรก็ขอให้พูดกันดีๆ ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้ด้วยเล่า…แล้วก็ เจ้าว่าอาตมาเป็นพระ อาตมาเห็นด้วย แต่ขออย่าเรียกอาตมาว่าเจ้าโล้น แท้จริงอาตมามีผม ไม่เชื่อพวกเจ้าดูให้ละเอียดสิ”

“มารดามันเถอะ หรือเจ้าโล้นนี่จะปัญญาอ่อน?”

อันธพาลคนหนึ่งชักกริชออกมาจากเอว ประชิดเข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ พลางหัวเราะเหี้ยม “เจ้าโล้นเวร เจ้าโล้นเวรๆๆ ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าโล้นเวร ฮ่าๆๆ ไม่เห็นด้วยแล้วเจ้าจะทำไม” พูดแล้วกริชก็พุ่งแทงไปที่จุดเยาเหยี่ยน[1]ของหลี่มู่

เยาเหยี่ยนเป็นจุดตายบนร่างของมนุษย์ หากกริชนี้แทงลงไป ทั้งส่วนล่างและส่วนบนของคนก็นับว่าพิการแล้ว

“อย่านะ…พี่ชายหลบเร็ว” เด็กน้อยร้องอย่างตกใจ คิดจะพุ่งไปขัดขวางโดยไม่รู้ตัว

“อย่า ท่านหม่าออมมือด้วย…” ท่านยายไช่สีหน้าร้อนรน คิดอยากห้ามไว้ แต่ถึงอย่างไรก็แก่ชราไร้เรี่ยวแรง ปฏิกิริยาตอบสนองตามไม่ทันเลย

สตรีชุดขาวที่อยู่อีกด้านจับด้ามกระบี่เงียบๆ ด้วยมือเดียว

เคร้ง!

เสียงเบาๆ ของโลหะดังสอดประสาน

“เอ๋?” อันธพาลคนนั้นตะลึง

เขารู้สึกแค่ข้อมือสะเทือนจนชา เหมือนกริชแทงเข้าไปในก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น

“มารดามัน เจ้าโล้นเวรนี่ใส่เกราะอ่อน”

เขามองไปอย่างตกตะลึง พบว่ากริชเล่มนี้ไม่ได้แทงเข้าไปเลย กลับกระเด็นออกมาเหมือนกระทบของแข็งๆ อะไรสักอย่าง เหมือนกับแทงไปบนเกราะอ่อน

“อามิตตาพุทธ พุทธองค์คุ้มครอง…ประสก ที่จริงมิใช่เกราะอ่อน แต่เป็นเนื้อของอาตมาเอง อาตมามีพระธรรมคุ้มกาย แข็งแกร่งฟันแทงไม่เข้า” หลี่มู่พูดส่งเดชไปเรื่อย แต่กลับทำท่าเหมือนพระมีคุณธรรมสูงส่ง “ประสกทั้งหลาย อาตมารับกริชของพวกเจ้าแล้วหนึ่งที ตอนนี้ทุกคนเสมอกันแล้ว มิสู้กลับเนื้อกลับตัวหันหน้าเข้าสู่พระธรรม รีบทิ้งทองไว้แล้วไปเสียเถอะ”

เด็กหญิงตัวน้อยกับท่านยายไช่อ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง

สตรีชุดขาวที่อยู่อีกข้างหนึ่ง ผ้าขาวโปร่งปกปิดใบหน้าของนางไว้ จึงมองอารมณ์บนใบหน้างามได้ไม่ชัด แต่ฝ่ามือที่กำด้ามกระบี่คลายออกช้าๆ แล้ว

อันธพาลหน้ายาวฟันเหลืองและคนอื่นๆ ตกใจ

“ฟันแทงไม่เข้าเป็นอมตะ? หลอกใครกัน…บัดซบ ข้าไม่เชื่อ…” อันธพาลคนนั้นอาฆาตมาดร้าย กัดฟันแกว่งกริชในมือ กระหน่ำแทงลงไปหลายสิบทีราวห่าฝน พร้อมคำรามว่า “เจ้าพระโล้น ข้าจะแทงเจ้าให้ตายๆๆ…”

หลี่มู่ไม่หลบหลีก

แต่ว่า จวบจนข้อมือของอันธพาลคนนั้นสะเทือนจนบวมแดง แขนใกล้จะหลุด ปลายกริชหัก ก็แทงร่างของหลี่มู่เข้าไม่ได้ ไม่แม้แต่จะทำให้เป็นรอยบาดเล็กๆ กลับเป็นเขาที่เหนื่อยจนหอบ

ท่านยายไช่มองหลี่มู่อย่างยากจะเชื่อ

เด็กหญิงตัวน้อยที่แอบอยู่ข้างหลังย่ายิ่งอ้าปากค้าง บนใบหน้าผอมซูบเซียวเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

สายตาของสตรีชุดขาวเฉียบคม

นางมองรอยขาดบนเสื้อผ้าที่กริชแทงขาดแต่ละรอย จากรอยขาดสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อที่อยู่ข้างใต้ ใส่เกราะอ่อนที่ไหนกัน นั่นเป็นร่างกายที่มีเลือดเนื้อชัดๆ เมื่อครู่ไม่มีคลื่นกำลังภายใน อธิบายได้ว่าเณรน้อยผู้นี้ไม่ได้ใช้กำลังภายใน ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของกายเนื้อก็ต้านทานการจ้วงแทงของกริชเล่มนั้นได้…

อืม วิชาหมัดมวยสำนักสงฆ์ไม่เลวเลย

นางวิจารณ์เช่นนี้ในใจ

“อามิตตาพุทธ ก็ได้ เจ้าจะเรียกอาตมาว่าเจ้าโล้นให้ได้ก็เอา แต่ขออย่าได้เพิ่มคำว่าเวร อย่างไรเสียอาตมาก็ยังมีชีวิตอยู่ดี ยังไม่ฉิบหาย” หลี่มู่พูดอย่างจริงจัง ราวกับว่าถูกกริชแทงหลายทีเมื่อครู่ ยังไม่สำคัญเท่าที่อีกฝ่ายเติมคำว่าเวรไว้ในคำเรียก

“ฮ่าๆ ข้าว่าอยู่ เจ้ากล้ามาแส่เรื่องของข้า หึๆ ที่แท้ก็เป็นวรยุทธ์นิดหน่อยนี่เอง” อันธพาลหน้ายาวฟันเหลืองอดกลั้นความตะลึงไว้ในใจ ก่อนหัวเราะเสียงเย็น

เขาทำท่าทางอันธพาลไร้เหตุผลอีกครั้ง “สองวันก่อนหน้านี้คนนอกตำบลรนหาที่ตายนั่นพอจะเก่งกาจอยู่บ้าง แต่ว่าในตำบลสุขสงบแห่งนี้ ต่อให้เป็นมังกรก็ยังต้องขดตัว…ฮี่ๆ เจ้าโล้นเวร เจ้าเก่งกาจขนาดนี้แล้วอย่างไร หอกดาบในที่แจ้งหลบง่าย ธนูลอบสังหารหลบยาก เจ้ารับมือกับยาสลบ ปูนขาว กับอาวุธลับของพวกเราพี่น้องได้หรือ? ยามเจ้านอนก็ยังฟันแทงไม่เข้าอยู่อีกรึ? ตอนนี้เจ้ายังไม่ตาย แต่อีกเดี๋ยวข้าจะให้เจ้าตาย”

“อามิตตาพุทธ ประสกเจ้าพูดเช่นนี้ไม่ถูก เจ้านี่ดื้อดึงนัก” หลี่มู่ประนมมือ สีหน้าเมตตาปรานี เอ่ยนามพุทธองค์[2]ไม่หยุด

สตรีชุดขาวที่อยู่อีกข้างหนึ่งส่ายหน้า

เณรน้อยผู้นี้ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน ไยจึงโง่ทึ่มได้ถึงขนาดนี้

ถึงแม้จะเชี่ยวชาญวิชาหมัดมวยสำนักสงฆ์ พลังไม่เลว แต่เห็นได้ชัดว่าศึกษาวิชาธรรมจนทึ่มทื่อ ท่าทางโง่เขลา คนแบบนี้เดินอยู่ในยุทธจักร ไม่ช้าก็เร็วคงโดนหลอกจนหมดตัว

ไม่รู้ว่าสำนักของเณรน้อยอยู่ที่ไหน ถึงได้วางใจปล่อยเขาออกมาคนเดียว

ก่อนหน้านี้ตอนที่สตรีชุดขาวเดินผ่าน เหตุการณ์ที่เณรน้อยจงใจสั่งบะหมี่ผักสามชามเพื่อช่วยย่าหลานสองคนดึงดูดความสนใจของนาง ตอนนั้นนางก็เห็นว่าย่าหลานคู่นี้น่าสงสารจริงๆ โดยเฉพาะภาพที่เด็กน้อยผอมแห้งจนหน้าตอบนับนิ้วนับเงิน ยิ่งสะกิดความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ลึกในใจ

ดังนั้นนางจึงนั่งลงสั่งบะหมี่เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจุดประสงค์ในการเก็บเงินของเด็กน้อยคืออะไร นางอยากช่วยให้เป็นจริงในวันนี้เลย

ตอนนั้นนางแค่รู้สึกว่าเณรน้อยจิตใจดีงาม แต่ยามนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นางพลันรู้สึกสนใจเณรน้อยโง่ทึ่มคนนี้เสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา