“ใสสะอาดหนักแน่น?” [1]สตรีชุดขาวคิดเชื่อมโยงอย่างอดไม่ได้ ใสสะอาดดุจสายน้ำ หนักแน่นดุจศิลา?
เทียบกับบ้าบอแล้ว ฉายาทางธรรมนี้ดูน่าเชื่อถือมาก และก็เหมาะกับรูปลักษณ์ทึ่มทื่อของเณรน้อยคนนี้
“พี่ชาย พี่สาว พวกท่านรีบไปเสียเถอะ คนไม่ดีพวกนั้นจะต้องกลับมาอีกแน่…พวกเขาน่ากลัวมาก” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยเตือนอย่างร้อนใจ
แม่เฒ่าไช่ก็เอ่ยเตือนพวกหลี่มู่ทั้งสองคนไม่หยุด
กลุ่มอันธพาลที่มีหม่าซานเป็นพวกหัวหน้า ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีเป็นแค่อันธพาลทั่วไปของตำบล ยังไม่กล้ากำเริบโอหังขนาดนี้ แต่ก่อนหน้านี้ปีหนึ่ง หลังจากท่านผู้ดูแลคนใหม่มารับตำแหน่ง ไม่รู้ว่าหม่าซานใช้วิธีอะไร ถึงได้รับความชื่นชอบจากผู้ดูแลคนใหม่คนนี้ ภายใต้การสนับสนุนทั้งต่อหน้าและลับหลังจากผู้ดูแลคนใหม่ พวกเขาก็กำเริบเสิบสานกันทันที
โดยเฉพาะครึ่งปีนี้ยิ่งกำแหงจนถึงขีดสูงสุด ใจกล้าและอำมหิต ก่อกรรมทำชั่วไม่เว้น ฆ่าคนไม่กะพริบตา
หลี่มู่ฟังแล้วโกรธแค้นในใจ
ขุนนางท้องถิ่นของจักรวรรดิฉินตะวันตกเน่าเฟะได้ถึงขั้นนี้แล้ว?
ผู้ดูแลเล็กๆ ก็สามารถทำให้สภาพแวดล้อมของตำบลที่แต่เดิมสงบเป็นสุขเสื่อมโทรมได้ถึงระดับนี้ จนคนแทบจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้
เขาไม่ได้คิดจะปล่อยพวกหม่าซานไปง่ายๆ เช่นนี้อยู่แล้ว ครั้นได้ยินคำพูดนี้ ความคิดในใจก็ยิ่งชัดแจ้ง
กลับเป็นสตรีชุดขาวที่เงียบงันมาโดยตลอด และไม่ได้พูดอะไรอีก
จากบทสนทนา หลี่มู่รู้ว่าชื่อเล่นวัยเด็กของเด็กหญิงคือไช่ไช่
“ไช่ไช่ พ่อแม่เจ้าเล่า? ไปอยู่ที่ไหน?” หลี่มู่หัวเราะหยอกล้อกับเด็กหญิง
“ท่านพ่อออกไปรบ ไม่ได้กลับมาห้าปีแล้ว ท่านแม่ไปเก็บโอสถในภูเขาลึก ท่านย่าบอกว่ารอท่านแม่กลับมาก็จะพาไช่ไช่ไปที่ไกลแสนไกลเพื่อตามหาท่านพ่อ แล้วพาท่านพ่อกลับมา” ไช่ไช่ก้มหน้า ยามที่พูดใบหน้าไร้ซึ่งความสุข “แต่ เมื่อไหร่ท่านแม่จึงจะกลับมาเล่า นางไม่ได้กลับมาปีหนึ่งแล้ว ไช่ไช่คิดถึงท่านแม่จริงๆ”
แม่เฒ่าไช่ที่อยู่ข้างๆ เก็บของไปด้วย เช็ดน้ำตาไปด้วย ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
แต่ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้หลี่มู่และสตรีชุดขาวเดาอะไรในใจได้
น่ากลัวว่ามารดาของไช่ไช่คงกลับมาไม่ได้แล้ว เก็บโอสถบนภูเขาต้องใช้เวลานานขนาดนี้เสียที่ไหนกัน
“พ่อของไช่ไช่เป็นทหาร?” สตรีชุดขาวเปิดปากถาม
แม่เฒ่าไช่เช็ดน้ำตา กล่าวว่า “มิผิด ปลายปีของเมื่อห้าปีก่อน ที่บ้านติดหนี้ ผลผลิตเก็บเกี่ยวไม่ได้ ที่ดินครึ่งสุดท้ายจะถูกแย่งไปหักบัญชี คนในครอบครัวใกล้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ พ่อของไช่ไช่จึงกัดฟันออกไปรับเงินก้อนหนึ่ง ปีนั้นฤดูหนาวก็ติดตามกองทัพไปออกรบ หลังจากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลย หลังจากนั้น หลังจากนั้น…เฮ้อ”
พูดจนถึงตอนสุดท้าย เมื่อเห็นไช่ไช่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งจ้องตนตาโต หญิงสูงอายุที่ใบหน้าแก่ชรายับย่นพลันตระหนักอะไรได้ จึงปิดปากเงียบ พูดอะไรต่ออีกไม่ได้
หลี่มู่เงียบงัน
เขาอดคิดถึงกวี ‘ชายชราขายฟืน’ ผลงานมรดกของไป๋จวีอี้ที่เคยเรียนในวิชาวรรณคดีตอนมัธยมต้น และ ‘เกณฑ์ทหารออกรบที่หมู่บ้านสือหาว’ ของตู้ฝู่กวีผู้ยิ่งใหญ่อีกคน ในบทกวีบรรยายถึงชะตาชีวิตที่น่าสังเวช ไม่ว่าจะอยู่ที่โลกใบไหน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชั้นล่างล้วนลำบากยากเข็ญเช่นนี้ รับกับวรรคหนึ่งในบทกวีว่า…
‘รุ่งเรือง ประชากรลำบาก ล่มสลาย ประชากรลำบาก’
สตรีชุดขาวเงียบงัน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อไป
นางนิ่งไปชั่วครู่เหมือนนึกอะไรได้ “ห้าปีก่อน? กองทัพที่บิดาของไช่ไช่ไปเข้าร่วม หรือจะเป็นกองทัพพิทักษ์ชายแดนของเมืองฉางอัน?”
แม่เฒ่าไช่เช็ดน้ำตาให้แห้ง เก็บร้านไปด้วยพยักหน้าไปด้วย “เหมือนว่าจะชื่อนี้ ตอนนั้นท่านผู้ดูแลรีบร้อนเกณฑ์ชายหนุ่มไป ได้ยินว่าแม้แต่คนหนุ่มในสกุลของท่านก็สมัครไปด้วยเหมือนกัน…”
สตรีชุดขาวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อแล้ว
ในใจของนาง ความจริงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประวัติศาสตร์ช่วงนี้เป็นอย่างดี
ห้าปีก่อน สามจักรวรรดิปะทุสงครามสามด้านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ฉินตะวันตกเสียหายมหาศาล สถานการณ์อันตรายมาก มณฑลใหญ่ทั่วดินแดนเรียกเกณฑ์ทหารด่วน กองทัพใหม่ที่เกณฑ์มาจากเมืองฉางอันชื่อว่ากองทัพพิทักษ์ชายแดน สุดท้ายจักรวรรดิพลิกจากอันตรายเป็นปลอดภัยได้ ในระหว่างนั้นกองทัพพิทักษ์ชายแดนสร้างคุณูปการใหญ่หลวง พูดว่าพลังของทัพเดียวพลิกผันสถานการณ์เลวร้ายได้ก็ไม่เกินไป
แต่หลังจากสงครามครั้งนั้น กองทัพพิทักษ์ชายแดนพ่ายแพ้ยับเยินในสงครามครั้งสุดท้าย แทบจะไม่มีใครรอดสักคน แม่ทัพระดับผู้บังคับบัญชารบจนตายทั้งสิ้น
ดังนั้น หากตอนนั้นลูกชายของแม่เฒ่าไช่เข้าร่วมกองทัพพิทักษ์ชายแดนแล้วละก็ เขาอาจจะตายไปห้าปีแล้ว
ดูจากท่าทางของแม่เฒ่าไช่ ในใจของนางคงพอจะรู้ผล เพียงแต่ไม่ได้บอกเรื่องราวอันโหดร้ายนี้กับไช่ไช่
“ท่านยายไม่มีลูกหลานคนอื่นรึ?” หลี่มู่อดไม่ได้ถามอีกคำถามหนึ่ง
ในโลกใบนี้ไม่ได้มีนโยบายคุมกำเนิดอะไร ปกติแล้วในครอบครัวหนึ่งควรจะมีบุตรมาก
แม่เฒ่าไช่ถอนหายใจ ราวกับถอนเอาความทุกข์และความสิ้นหวังในใจทั้งหมดออกมา “สามีของข้าเคยเป็นทหารตำแหน่งเล็กๆ สิบหกปีก่อนออกรบตาย มีลูกชายสามคน แต่ว่า…เฮ้อ คนโตกับคนกลางเกณฑ์เข้ากองทัพเร็วกว่าคนเล็ก ยังไม่ทันแต่งงานมีลูกก็สู้รบตาย ลูกชายคนเล็กก่อนหน้าที่จะไปร่วมกองทัพ ในที่สุดก็ได้แต่งงาน แต่มีไช่ไช่เพียงคนเดียว…”
หลี่มู่อึ้งไปทันที
ผู้ชายและลูกชายล้วนตายในสงคราม ในใจแม่เฒ่าไช่ผู้นี้จะแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมายเพียงใด
ชะตาชีวิตไม่ยุติธรรมกับบ้านสกุลนี้เลย
ในยามที่มองไช่ไช่อีกครั้ง ใจของหลี่มู่เต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นใจและสงสารเด็กหญิงผู้น่าสงสารคนนี้
โดยพื้นฐานแล้ว คนอายุเดียวกันในช่วงอายุนี้ควรจะได้อยู่กับพ่อแม่ เหมือนกับเด็กปกติที่ได้รับความรักจากพ่อแม่ แต่นางอายุน้อยแค่นี้กลับหิวโหย ชีวิตความเป็นอยู่บีบบังคับ ทุกวันต้องฝ่าฟันอุปสรรคออกมาขายบะหมี่กับท่านย่า มีชีวิตอยู่ในความอันตราย ใบหน้าเล็กๆ นั่นหิวจนใกล้จะเปลี่ยนรูปทรงแล้ว
หลี่มู่ที่สาบานว่าจะไม่เป็นพ่อพระเด็ดขาด ชั่วขณะนี้ใจพ่อพระท่วมท้นจริงๆ
ชะตาชีวิตของไช่ไช่คล้ายกับหลี่มู่นัก
หลี่มู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เล็ก ไม่มีพ่อแม่เหมือนกับนาง ได้ผู้สูงอายุคนหนึ่งเลี้ยงดูจนเติบใหญ่อย่างยากลำบาก แต่ว่าหลี่มู่โชคดีกว่าเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นสุข ได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน แม้ซินแสเฒ่าจะโป้ปดหลอกลวง แต่อย่างน้อยก็มีความสามารถ หลี่มู่จึงยังได้เรียนหนังสือ ความเป็นอยู่ไม่ทุกข์ร้อนนัก
เทียบกันแล้ว ชะตาของไช่ไช่น่าเวทนากว่ามาก
หลี่มู่ตัดสินใจช่วยย่าหลานคู่นี้ทันที
เขายิ่งตั้งปณิธานบางอย่างในใจตนด้วย
ท่าทีของสตรีชุดขาวก็อ่อนโยนลงไปมากอย่างเห็นได้ชัดเจน “ตามกฎหมายของจักรวรรดิต้าฉิน ครอบครัวทหารเช่นบ้านของท่านยายสามารถยกเว้นภาษี ได้เงินบำรุงขวัญ ที่ดินจัดสรร สามารถกำหนดวันรับเงินรายเดือนที่แน่นอนก้อนหนึ่งตามแต่การเปลี่ยนแปลงของราคาข้าวราคาน้ำมันในตำบล ทำไมท่านยาย…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา