ในครั้งนี้พรรคเสินหนงเตะแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง[1]
จะจบลงอย่างไรก็อยู่ที่ท่านซือคงจิ้งแล้วกระมัง
ตู้ม!
หลี่มู่กระแทกเท้าไปที่เสาหินอีกต้น
เสาหินขนาดสองคนโอบทลายลงราวกับเป็นเพียงแค่แป้งสาลี
เศษหินปลิวว่อนราวกับฝนตก ทับแมลงพิษที่คลานอยู่บนพื้นจนเละเป็นเนื้อสีสันต่างๆ คนพรรคเสินหนงที่ควบคุมแมลงก็ต่างกรีดร้องแล้วล่าถอยไป
หลี่มู่ทะยานขึ้นไปอีกครั้งดุจสัตว์ดึกดำบรรพ์ในร่างคน มุ่งหน้าไปทางส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง
“ช่วยคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เขามองหาเจ้าทุกข์จางหลี่และฉินเอ๋อร์
ตู้ม
เสียงระเบิดดังลั่นมาจากกลางป่าหิน เสาหินหลายต้นพังทลายลงจนเกิดฝุ่นควันปกคลุมทั่วฟ้า มีเสียงร้องเจ็บปวด โหยหวน และตื่นตระหนกดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
เสมือนมีเสือบุกเข้าไปอยู่ในเล้าไก่ก็ไม่ปาน
หลังจากนั้นไม่นาน….
“พวกเจ้า…ทำเรื่องเช่นนี้อย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน สมควรตาย พวกเจ้าจงตายซะให้หมด!”
เสียงตะโกนจากหลี่มู่ที่โมโหจนเกือบถึงขีดสุดราวกับสายฟ้าฟาด ดังสนั่นมาจากส่วนลึกของป่าหิน
จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวและเสียงร้องขอความเมตตาของศิษย์พรรคเสินหนงดังตามมา
ไม่นาน กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของป่าหิน
มีคนจำนวนไม่น้อยถูกปลิดชีพ
หลี่มู่ดื่มด่ำกับการเข่นฆ่า
หม่าจวินอู่ที่ยืนอยู่ภายนอกมองเหตุการณ์นั้นจากระยะไกล เขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่พรรคเสินหนงก่อตั้งขึ้นแรกๆ เป็นการรวมตัวกันของนักสมุนไพรและชาวไร่ที่ปลูกสมุนไพร ซึ่งทำไปเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น นับว่าเป็นกลุ่มธรรมดาเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อมีอาชญากรมากมายเข้าร่วมก็เริ่มขยายใหญ่ ครั้นประมุขพรรคคนปัจจุบันเข้ามาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เข้าสู่ด้านมืดอย่างรวดเร็ว
หลายปีที่ผ่านมา พรรคเสินหนงเปรียบเหมือนโรคร้ายในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ก็ว่าได้ พวกเขาทำเรื่องชั่วร้ายแทบทุกอย่าง หลายปีนี้มีหญิงสาวจำนวนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลักฐานล้วนชี้มาทางพรรคนี้ ว่ากันว่าพวกนางถูกลักพาตัวมายังฐานที่มั่นพรรคเสินหนงให้เหล่าศิษย์พรรคเสินหนงกระทำการหยามเกียรติ ซ้ำประมุขพรรคเสินหนงใช้คนทดลองยาเพื่อฝึกวิชาพิษ และเลี้ยงแมลงพิษด้วยตับและหัวใจคนเป็น พูดได้ว่าเหี้ยมโหดมาก
นอกจากศิษย์พรรคเสินหนงและแขกผู้มาเยือน ผู้อื่นหากโดนจับไปก็มีเพียงหนทางแห่งความตาย
ครั้งนี้ จางหลี่และลูกสาวถูกจับมายังฐานที่มั่น จะต้องตายอย่างแน่นอน
หม่าจวินอู่ดูออกว่าท่านขุนนางเมืองไม่ใช่พวกโหดเหี้ยม ก่อนนี้บุกเข้าพรรคเสินหนงก็เพียงเพราะจะช่วยคน นอกจากตัดหัวจตุรเทพที่ฆ่าองครักษ์จางหรู ก็ไม่ได้สังหารหมู่ศิษย์ธรรมดาในพรรค แต่ในเวลานี้คาดว่าคงเห็นสภาพราวนรกในส่วนลึกของป่าหิน ทั้งยังเห็นศพเจ้าทุกข์ จึงคลุ้มคลั่งลงมือฆ่าฟันเช่นนี้
เสียงร้องน่าเวทนาดังออกมาจากส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกต่างขนลุกขนพองไปตามๆ กัน
ขุนนางเมืองหนุ่มคลุ้มคลั่งไปแล้ว
……
“อะไรนะ?”
ผู้ช่วยขุนนางเมืองโจวอู่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง ถ้วยชาลายครามสีแดงในมือร่วงลงสู่พื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ
“ใต้เท้า หลี่มู่เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือเข้าขั้นน่าหวาดกลัว เพียงดาบเดียวก็จัดการพรรคเสินหนงจนราบคาบ จตุรเทพร่วมมือกันก็ไม่รอดเงื้อมมือหลี่มู่ที่ออกแรงเพียงสี่ท่า หนึ่งดาบหนึ่งคน ทั้งหมดโดนสะบั้นคอขาดไปแล้ว…” ผู้ที่วิ่งกลับมารายงานคือข้ารับใช้สกุลโจว อยู่ในสภาพหอบตัวโยน ใบหน้ายังคงขาวซีดด้วยความกลัว ขณะที่พูดก็ยังรู้สึกขนลุกซู่
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า…ดูผิดไปหรือเปล่า” น้ำเสียงโจวอู่พลันแหบแห้งลงเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น
“ไม่ผิดแน่ขอรับ” ข้ารับใช้กระหืดกระหอบ คล้ายยังไม่หลุดพ้นจากความน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้
โจวอู่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ สีหน้าย่ำแย่ประหนึ่งกินหนูตาย พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ
อีกด้าน นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงโบกมือให้สัญญาณว่าไปสืบมาเพิ่ม
เมื่อข้ารับใช้ออกไป เฝิงหยวนซิงยืนขึ้น ยกมือคำนับแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้า พวกเราคาดการณ์ผิดพลาด เจ้าหลี่มู่ผู้นี้มุ่งร้าย หวังจะแสร้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสือ ก่อนหน้านี้พวกเราถูกมันหลอกเข้าแล้ว พวกเราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเป็นการด่วน เชื่อว่าเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วทั้งอำเภอเมืองอย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกฝ่ายก็จะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลี่มู่”
โจวอู่พยักหน้า แต่ยังคงพูดอะไรไม่ออก
หากหลี่มู่เป็นเพียงเหวินจิ้นซื่อ ไม่มีอะไรน่ากังวล แค่ถอยหลังหนึ่งก้าว หากหลี่มู่เป็นเพียงยอดฝีมือก็คงไม่ถึงตาย แต่ปัญหาในตอนนี้คือหลี่มู่ไม่เพียงเป็นยอดฝีมือที่น่าหวั่นเกรง แต่ยังดำรงตำแหน่งขุนนางเมือง สองสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกันแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ในจักรวรรดิฉิน แม้ว่าขุนนางเมืองจะเป็นขุนนางฝ่ายบริหารที่มีอิสระในตำแหน่งต่ำสุด แต่ก็มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด ด้านการทหารและการปกครองอยู่ภายใต้การควบคุมของขุนนางเมือง ถึงแม้บ้านสกุลโจวเป็นใหญ่ในอำเภอขาวพิสุทธิ์ ทว่าเมื่อเปรียบเทียบในมุมมองที่อำนาจและพลังรวมกัน ก็เสียเปรียบมากแล้ว
………..
ในเวลาเดียวกัน
นายตรวจการเจิ้งหลงซิงนั่งหน้าเคร่งเลื่อนลอยอยู่ในห้องลับ
อารมณ์บนใบหน้ายังไม่จางหายไปหมด
ผู้ที่คิดไปเองว่าควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้วอย่างเจิ้งหลงซิงได้รับแรงกระทบเป็นอย่างมาก เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวตลก แอบอยู่ในมุมมืดและวางแผนทุกอย่างเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วก็ถูกปั่นหัวในกำมือขุนนางเมืองหนุ่มคนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา