ซือคงจิ้งกวาดตามอง แววมุ่งร้ายแวบผ่านในดวงตาของเขา อย่างไรผู้หญิงเหล่านี้ก็พาไปด้วยไม่ได้ และไม่อาจให้คนอื่นได้ไปครองด้วย เขาสะบัดมือ เข็มสีเขียวหลายสิบลอยออกไปปักที่หว่างคิ้วหญิงผู้น่าสงสารเหล่านั้น ของรักที่เชยชมอยู่ทุกวันล้วนตายตก พิษละลายศพที่อยู่ในเข็มเปลี่ยนร่างพวกนางเป็นของเหลวสีเขียว
“ซือคงจิ้ง ไสหัวออกมารับความตายได้แล้ว”
ประตูถ้ำหินถูกทลายลง
ท่ามกลางหมอกของฝุ่นหิน มีร่างหนึ่งเหยียบบนประตูหินที่พังทลาย รอบตัวมีฝุ่นควัน มองเห็นได้อย่างเลือนรางว่าเค้าโครงร่างนั้นเข้ามาใกล้ทีละก้าวเหมือนจอมมาร
ร่างนั้นคือหลี่มู่
สีหน้าของซือคงจิ้งดุร้าย เขายิ้มเย็นเยือก ก่อนสะบัดมือออกคำสั่ง “ฆ่ามัน สับมันเป็นชิ้นๆ ให้ข้า!”
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนว่าฆ่าดังก้องฟ้า
ศิษย์ชั้นยอดของพรรคเสินหนงในชุดเกราะพร้อมหอกยาว เกาทัณฑ์ ดาบพิฆาตอาชา ลูกตุ้มดาวตก และอาวุธอื่นๆ เสมือนเป็นกองทัพหนึ่ง มุ่งหน้ามาทางหลี่มู่อย่างบ้าคลั่ง เหมือนดั่งคลื่นโถมเข้ากลืนกินเขา
หลี่มู่เตะขาออกไปหลายครั้ง แผ่นหินใต้เท้าและเศษหินลอยออกไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยแรงส่งมหาศาล
เสียงกระดูกหักดังลั่น เลือดเนื้อแตกกระจาย เสียงร้องโหยหวนดังระงม
ออกศึกยังไม่ทันไร ศิษย์หนึ่งในสามส่วนของพรรคเสินหนงก็สิ้นชีพ
วิธีการต่อสู้ของหลี่มู่ไม่ได้อิงหลักใดๆ ด้วยพละกำลังที่ไร้เทียมทาน เกราะของศิษย์พรรคเสินหนงที่ต้านคมดาบซึ่งหน้าได้เป็นเหมือนแป้งเปียก ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ ซ้ำยังทำให้สูญเสียความคล่องตัวและความเร็ว ผลคือตายเร็วขึ้น
สีหน้าซือคงจิ้งเปลี่ยนไปอย่างมาก
เขารับรู้ได้ในทันทีว่าหากสู้ประจันหน้ากัน แม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่สามารถต้านทานหลี่มู่ได้
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย เอื้อมหยิบเกาทัณฑ์อันใหญ่บนกำแพงหินด้านข้างมา
เกาทัณฑ์นี้มีสีเงินขาว เหมือนเถาวัลย์ฟอกสีขาวชนิดหนึ่ง ด้ามเกาทัณฑ์ประกอบด้วยเถาวัลย์เจ็ดเส้นที่เลื้อยพันกันเหมือนงู พื้นผิวของกิ่งเถาวัลย์หยาบกระด้าง รูปร่างภายนอกดูเรียบง่าย ยาวประมาณสามฉื่อ ส่วนโค้งเล็กกว่าเกาทัณฑ์ทั่วไปมาก สายเกาทัณฑ์เป็นเส้นเอ็นสีขาวนวล ความหนาอยู่ที่หนึ่งนิ้วมือ หนากว่าสายเกาทัณฑ์ปกติอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดา
เกาทัณฑ์นี้หนักมาก
ด้วยพลังฝึกของซือคงจิ้ง เมื่อถือเกาทัณฑ์ แขนของเขาสั่นเล็กน้อย
“ข้าจะใช้เกาทัณฑ์ปราบเทพคันนี้ส่งเจ้าลงนรก”
เขามองหลี่มู่ที่อยู่ท่ามกลางวงต่อสู้ หัวเราะโฉดชั่วโดยไร้เสียง
ลูกศรเขี้ยวหมาป่าที่ทำขึ้นมาพิเศษพาดบนสายเกาทัณฑ์ ซือคงจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ขับเคลื่อนพลังภายในให้วิ่งไปตามจุดชีพจรทั่วร่าง มีควันสีเขียวจางๆ โอบล้อมอยู่รอบแขนของเขา เขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นรวมปราณ เมื่อเดินพลังปราณ กำลังก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เกาทัณฑ์เจ็ดเถาวัลย์กะพริบวูบหนึ่งจนแทบสังเกตไม่เห็น คล้ายมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ซือคงจิ้งใช้พลังดึงสายธนูออกกว้างประมาณหนึ่งในหกส่วน
ปลายลูกศรเล็งที่หลี่มู่
ในเวลานี้ หลี่มู่ฆ่าคนชั้นยอดของพรรคเสินหนงไปมากกว่าสองในสามส่วนแล้ว
เขาฝึกพลังก่อนกำเนิด ทำให้ประสาทสัมผัสดีและตอบโต้ได้อย่างฉับไว ศิษย์ที่นับว่าเป็นชั้นยอดเหล่านี้จับตัวเขาได้ยากนัก อีกทั้งเมื่อเข้าประชิดหลี่มู่ พวกเขาจะเหมือนแตงโมที่โดนค้อนทุบ กระดูกหัก เส้นเอ็นขาด ร่างระเบิดในพริบตา….นี่เป็นวิธีการสังหารที่ไม่เหมือนใคร
“ตายซะ”
ซือคงจิ้งทำเรื่องชั่วช้ามาโชกโชน ใช้จังหวะที่หลี่มู่เปลี่ยนถ่ายพลังยิงลูกศรออกไป
สายเกาทัณฑ์สีขาวนวลถูกง้างออกโดยไร้ซึ่งเสียง
การง้างสายเกาทัณฑ์หนึ่งในหกส่วน ทำให้ศรเขี้ยวหมาป่าพุ่งออกไปเป็นแสงสายหนึ่ง
รวดเร็วเหมือนสารด่วน
ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า
ในชั่วพริบตาเดียว หลี่มู่ที่กำลังต่อสู้สัมผัสได้ถึงอันตรายน่าพรั่นพรึงที่คืบคลานเข้ามา
เขาฝืนบิดเอวหลบไปทางขวาโดยไม่รู้ตัว
ฉึก!
เสียงกระทบกันดังขึ้น
หลี่มู่รู้สึกแค่ว่าไหล่ซ้ายของเขาโดนกระแทกด้วยอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง ร่างลอยไปกระแทกผนังหินที่อยู่ห่างไปจนเกิดเสียงดังตูม
เขาถูกลูกศรดอกหนึ่งแทงเข้าที่ไหล่ซ้าย
ลูกศรเขี้ยวหมาป่าแทงทะลุไหล่ ยึดหลี่มู่ติดกับผนังหิน
ขนนกปลายศรเขี้ยวหมาป่าสั่นไหว
ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นมาจากหัวไหล่ เขาก้มหน้ามองลูกศร แล้วเปิดปากหายใจเสียงดัง
ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนฉีกร่างลามมาจากไหล่ซ้าย ทำให้เขาเกือบหน้ามืด
“ฮ่าๆ เร็วเข้า ฆ่ามัน ฆ่าเลย!”
เมื่อโจมตีด้วยลูกศรสำเร็จ ซือคงจิ้งหัวเราะชั่วร้าย
ศิษย์ชั้นยอดของพรรคเสินหนงสี่ห้าคนที่เหลืออยู่ในสภาวะตกใจสุดขีด พวกเขาต่างยินดีจนคลั่ง แกว่งดาบยาวคมกริบวิ่งเข้าไปสังหาร
ตาของหลี่มู่ร้อนผ่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา