ภายนอกฐานที่มั่นของพรรคเสินหนง บรรยากาศเงียบอย่างประหลาด เหล่าคนที่แอบดูเหตุการณ์เหมือนกับลืมแม้แต่จะหายใจ เงียบจนพวกเขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองชัดเจน
หม่าจวินอู่สีหน้าเปลี่ยนไปมา
ท่านขุนนางเมืองชนะแล้วกระมัง?
ขณะเขาลังเลใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจจะเข้าไป
ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงเกือกม้าดังราวอัสนีบาตตรงเข้ามา
ทหารและองครักษ์กว่าห้าร้อยนายของอำเภอขาวพิสุทธิ์รีบเร่งยกพลมาภายใต้การนำของนายตรวจการเจิ้งหลงซิง
“หม่าจวินอู่ ท่านขุนนางเมืองอยู่ที่ใด?” เขาตะโกนถามจากไกลๆ
“เรียนใต้เท้า ท่านขุนนางเมืองหลี่บุกเข้าไปแล้ว…” หม่าจวินอู่ตอบอย่างนอบน้อม
เขาคือหัวหน้าองครักษ์ เจิ้งหลงซิงคือผู้บังคับบัญชาของเขา เขาจึงไม่กล้าเพิกเฉยแม้แต่น้อย
“เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ภายนอก? ทุกคน อย่าหยุดทัพ ตามข้าไปช่วยท่านขุนนางเมือง” เจิ้งหลงซิงตะโกนเสียงดัง สีหน้ากระวนกระวาย จากนั้นกระทุ้งม้าตรงเข้าไปในซากประตูใหญ่พรรคเสินหนงด้วยความเร็วปานสายฟ้า
เจิ้งหลงซิงมา?
กลุ่มผู้สังเกตุการณ์รอบด้านเห็นแล้วก็รู้สึกประหลาด
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ใครๆ ก็รู้ หลายปีที่ผ่านมาผู้สนับสนุนพรรคเสินหนงอยู่เบื้องหลังก็คือนายตรวจการเจิ้งนี่เอง
ทำไมพรรคเสินหนงจึงยั่วโทสะหลี่มู่ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง คนมีปัญญาและเข้าถึงข่าวสารต่างก็เดาออกกันทั้งนั้น มาวันนี้พรรคเสินหนงถูกทำลายก็เท่ากับตัดแขนข้างหนึ่งของเจิ้งหลงซิงไป ไม่เท่าเป็นการยกหินโยนใส่เท้าตัวเองหรอกหรือ?
การที่เจิ้งหลงซิงรีบร้อนมา เดาว่าคงอยากทำลายหลักฐานที่เกี่ยวพันกับพรรคเสินหนง หวังจะเอาตัวรอด
แต่ว่าเรื่องจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ทุกคนรู้ว่าครั้งนี้นายตรวจการเจิ้งประสบปัญหาครั้งใหญ่แล้ว
หลังจากที่เจิ้งหลงซิงและไพร่พลเข้าไป ก็มีเสียงฝีเท้ารีบร้อนดังมาจากไกลๆ
เมื่อมองไปก็เห็นผู้ช่วยขุนนางเมืองโจวอู่นำทหารกว่าสามร้อยนายรีบเดินทางมา
ทว่าคนที่อยู่ด้านหน้าสุดกับโจวอู่ นอกจากนายทะเบียนเฝิงหยวนซิงก็เป็นชิงเฟิงและหมิงเยวี่ยเด็กรับใช้ของหลี่มู่ ไม่รู้ว่ามากับโจวอู่ได้อย่างไร
“หม่าจวินอู่ ใต้เท้าหลี่ล่ะ?” โจวอู่แสดงท่าทางเหมือนเจิ้งหลงซิงทุกประการ ตะโกนถามมาจากระยะไกล
หม่าจวินอู่ชี้ไปที่ประตูใหญ่พรรคเสินหนง ยังไม่ทันเอ่ยปากพูด…
….ก็มีลมโฉบผ่านข้างตัวเขาไป
“คุณชาย คุณชาย ท่านอยู่ข้างในหรือไม่ ท่านยังไม่ตายใช่ไหม? ท่านยังมีชีวิตอยู่กระมัง?” หมิงเยวี่ยเด็กหญิงผู้ซื่อบื้อสติแตก วิ่งปรี่เข้าไปเหมือนหมาเตลิด พร้อมลากผู้รับใช้บัณฑิตชิงเฟิงที่เหงื่อท่วมและมีสีหน้ากระวนกระวายเข้าไปด้วย ทิ้งโจวอู่และคนอื่นให้งงอยู่ด้านหลัง
เร็วมาก!
หม่าจวินอู่นิ่งอึ้ง
เด็กหญิงคนนี้เลี้ยงให้โตมาด้วยอะไร ทำไมถึงวิ่งไวอย่างนี้?
“อะไรนะ? นายตรวจการเจิ้งเข้าไปแล้ว? เร็ว…เร็วเข้า เข้าไปช่วยใต้เท้า!” เมื่อโจวอู่ได้ยินว่าเจิ้งหลงซิงเข้าไปในซากฐานที่มั่นแล้ว เขาก็พลันร้อนรน คิดว่าต้องไม่ให้เจิ้งหลงซิงตัดหน้าทำลายหลักฐานจนหมด รีบพาพรรคพวกพุ่งเข้าไปโดยไม่สนสิ่งใด
ดูจากลักษณะของโจวอู่ที่กังวลและร้อนรน หากเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าพ่อแม่ของเขาติดอยู่ในนั้นเป็นแน่
ในเวลานี้หม่าจวินอู่ไม่ลังเลใจอีกต่อไป รีบตามเข้าไปเช่นกัน
ไม่นานพวกเขาก็เห็นภาพซากปรักหักพังในป่าหิน
“สวรรค์ นี่มัน…”
ในป่าหินอันเป็นฐานที่มั่น ทุกคนต่างตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภายในป่าหินของพรรคเสินหนงไม่เหมือนเพิ่งผ่านการต่อสู้มา แต่เหมือนมีแผ่นดินไหวรุนแรงเสียมากกว่า
สิ่งปลูกสร้างเกือบทั้งหมดล้มระเนระนาด หินพังทลายลง บางจุดเห็นรอยเว้าเป็นรูปหมัดหรือรอยเท้า แขนขาขาดกระจายอยู่ทั่ว ทั้งยังมีรอยเลือดสาดกระเซ็น ชิ้นเนื้อที่แหลกเละ และกระดูก…ศพของจตุรเทพมีองครักษ์ที่เข้ามาก่อนหน้าจัดการรวบรวมเอาไว้แล้ว ศิษย์คนสำคัญของพรรคเสินหนงแทบไม่มีศพไหนมีอวัยวะอยู่ครบ ทั้งหมดถูกทำให้แหลกทั้งเป็น
เมื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในใจของโจวอู่ เฝิงหยวนซิง และหม่าจวินอู่ก็สั่นเทา
สามารถจินตนาการได้เลยว่า การต่อสู้ในตอนนั้นน่ากลัวถึงระดับไหน
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้ยินข่าวจากข้ารับใช้คนสนิท แต่เมื่อโจวอู่ได้เห็นสถานที่ต่อสู้ด้วยตาตนเอง เขาก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ภายในใจหวาดกลัวและรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เป็นที่แน่ชัดว่าพลังที่แท้จริงของหลี่มู่มากกว่าที่เขาคาดการณ์ไปไกล เขารู้สึกรางๆ ว่าเหมือนตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายบ้าคลั่งสมัยบรรพกาล ไม่ใช่บุคคลอายุไม่เต็มสิบห้าปีที่สอบจิ้นซื่อได้
โจวอู่สะกดความกลัวที่อยู่ภายใน หันไปหานายทะเบียนเฝิงหยวนซิงที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกดเสียงต่ำกระซิบบอกบางอย่าง
เฝิงหยวนซิงพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือแล้วนำกลุ่มองครักษ์ชั้นยอดแยกย้ายไปทั่วสารทิศ
หม่าจวินอู่ขบคิดสักครู่ แต่ก็ยังอยู่ข้างโจวอู่ไม่จากไปไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา