“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าเหี้ยมเกรียม จ้องหลี่มู่เขม็งพลางพูดเสียงเย็น “คิดจะยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ? ในเมืองฉางอันนี้ คนที่กล้ายุ่งเรื่องของข้านั้นมีไม่มาก เณรน้อยเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่”
หลี่มู่ไม่สนใจชายอ้วน
เจ้าอ้วนเจิ้งและพวกสมุนของเขา ในสายตาของหลี่มู่แล้วไม่มีค่าแม้แต่จะเอ่ยถึง
ตอนนี้ สิ่งที่ในหัวของเขาขบคิดคือจะเข้าหน้ากับมารดาหลี่มู่อย่างไร ความทรงจำวัยเด็กที่หลี่มู่อยู่กับมารดาในอดีต เขาไม่รู้แม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ความแตกได้ง่ายจริงๆ เขาไม่รู้กระทั่งว่าหลี่มู่ตอนนั้นเรียกมารดาของตนว่าอย่างไร? เรียกแม่ ท่านแม่ มารดา หรือว่าอย่างอื่น?
“บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น? เป็นมาอย่างไรกัน?” หลี่มู่มองไปยังแม่นางน้อยที่ขอความช่วยเหลือคนนั้น
แม่นางน้อยท่าทางลังเล นางมองหลี่มู่ ไม่ได้ไว้ใจโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เจ้าอ้วนเจิ้งที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวเราะเสียงเย็น “นังหญิงรับใช้สารเลวเป็นอนุที่ข้าจ่ายเงินก้อนโตซื้อมา แต่กลับไม่รักษาคุณธรรมของสตรี ขโมยของในคฤหาสน์ของข้าไป แต่ถูกองครักษ์ในคฤหาสน์พบเข้า ข้าตามมาจึงได้รู้ว่าขโมยมาแสดงความกตัญญูต่อนังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่เอง ฮี่ๆ พวกมันจะต้องสมคบคิดวางแผนกันแน่นอน…” เขาหวาดระแวงพลังยุทธ์ของหลี่มู่อยู่บ้าง ในเมื่อฝ่ามือเดียวก็ตบคนขับรถของเขาลอยกระเด็น จะต้องไม่ใช่พวกไร้ฝีมือแน่
“อ้อ” หลี่มู่ยกมือตบลงไป
เพียะ!
เจ้าอ้วนเจิ้งหมุนอยู่กับที่อยู่สี่ห้ารอบ ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยฝ่ามือประทับชัดเจน ฟันสามสี่ซี่หลุดกระเด็นออกไป
“เจ้า” เจ้าอ้วนเจิ้งโดนตบจนอึ้ง
หลี่มู่รับผ้าสีขาวจากมือเจิ้งฉุนเจี้ยนมาเช็ดมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ฝ่ามือนี้เพื่อเตือนเจ้า พูดจาต้องมีอารยธรรม หากให้ข้าได้ยินคำสกปรกแม้เพียงแค่คำเดียวจากปากของเจ้าอีก ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามาเตะแทนลูกหนังเสีย”
ตอนนี้เจ้าอ้วนเจิ้งถึงตั้งสติกลับมาได้บ้าง กระโดดขึ้นมาราวหมาไนถูกเหยียบหาง ก่อนตวาดอย่างดุดัน “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? เจ้าตายแน่ ไม่มีใครกล้าตบข้าแบบนี้…”
หลี่มู่ไม่สนใจเขา มองมายังแม่นางน้อย
“พูดมาเถอะ พูดออกมา ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง” หลี่มู่กล่าวอีก
คราวนี้แม่นางน้อยถึงได้มีความกล้า เล่าเหตุการณ์ความเป็นมาให้ฟัง
ที่แท้หลี่มู่เดาไม่ผิดจริงๆ เด็กรับใช้คนนี้ชื่อว่าชุนเฉ่า เป็นเด็กสาวรับใช้คนสุดท้ายข้างกายมารดาหลี่มู่ ก่อนหน้านี้ถูกบังคับขายไปเป็นอนุให้กับเจ้าอ้วนเจิ้ง ชุนเฉ่าที่น่าสงสารจงรักภักดี ถึงแม้ถูกขายแต่ในใจยังนึกถึงท่านแม่หลี่ ดังนั้นจึงมักจะแอบหยิบของบางอย่างมาช่วยเหลือนายที่ตาบอดและใช้ชีวิตเองไม่ได้แล้ว วันนี้ เจ้าอ้วนเจิ้งกลับมอบของมีค่าและอาหารให้กับชุนเฉ่าเอง ให้นางส่งมายังที่พักอาศัยของมารดาหลี่มู่ ชุนเฉ่ายังนึกอยู่ว่าท่านเจิ้งมีเมตตานัก แต่ใครจะรู้ เมื่อนางก้าวออกมา เจ้าอ้วนเจิ้งก็พาคนไล่ตามบุกข้ามาในเรือนของมารดาหลี่มู่ แล้วใส่ความชุนเฉ่าว่าขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ พอเข้ามาก็ลงมือตบตีอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นจะให้มารดาหลี่มู่ให้คำตอบให้ได้
“คุณชาย ข้าไม่กล้าวาดหวังอย่างอื่น อยากจะขอแค่ให้คุณชายปกป้องฮูหยินด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮูหยินเลย ข้ายินดีให้ตีให้ลงโทษ ยินดีกลับไปกับท่านเจิ้งและรับโทษทุกอย่าง ขอแค่ไม่ทำให้ฮูหยินลำบากไปด้วย…บุญคุณของคุณชาย ชาติหน้าต่อให้ข้าเป็นวัวเป็นควายก็จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” ชุนเฉ่าคุกเข่าลง ขอร้องอ้อนวอน
นางไม่รู้จักหลี่มู่ ขอร้องให้เขาช่วยฮูหยินก็เป็นการล่วงเกินแล้ว จึงยิ่งไม่กล้าขอร้องให้ช่วยเหลือตน
เพราะนางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอให้หลี่มู่ช่วยตน แต่ต้องไปล่วงเกินเจ้าอ้วนเจิ้ง
นางรู้ เจ้าอ้วนเจิ้งมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองฉางอัน
นี่ก็นับว่าทำอะไรฉุกละหุกไม่คิดให้รอบคอบเต็มทีแล้ว
“ฮี่ๆ ขอร้องมัน? เจ้าเณรโล้นเองก็ยากจะเอาตัวรอดแล้ว…” ยามนี้เจ้าอ้วนเจิ้งตอบสนองกลับมา หัวเราะเหี้ยมเกรียมก่อนพูดขึ้น “ข้าเรียกคนมาแล้ว วันนี้พวกเจ้าหน้าไหนก็ไม่ต้องคิดจะหนีไปเลย…ฮี่ๆ เจ้าโล้น ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่ว่าตบข้าเจิ้งเทียนเหลียง ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมา”
หลี่มู่มองเจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “เจ้าเณรหัวโล้นสามคำนี้ถือเป็นคำหยาบไหม?”
เจิ้งฉุนเจี้ยนอึ้งไป ก่อนจะเข้าใจในทันที “นี่…น่าจะนับกระมัง”
หลี่มู่พยักหน้า มองไปยังเจ้าอ้วนเจิ้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอะไร?”
“ฮี่ๆ นังเฒ่าไร้ประโยชน์สมคบคิดกับอนุข้า ขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ของข้าไป ตามกฎหมายจักรวรรดิจะต้องชดใช้สองเท่า จากนั้นก็ติดคุก ถึงจะล้างความผิดของตัวเองได้ ฮี่ๆ หากมันไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็ยังชี้ทางอีกทางให้พวกมันได้…” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจิ้งเทียนเหลียงก็ฉายแววหื่นกาม “นังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่นับว่าหน้าตาพอถูไถได้ ถึงจะแก่ไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่รังเกียจ ขอแค่ไปเป็นอนุในคฤหาสน์ของข้า ปรนนิบัติรับใช้ข้าอย่างเต็มที่ เช่นนั้นเรื่องวันนี้ก็หายกัน…”
จิตสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตาของหลี่มู่
เขาเข้าใจแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่เจิ้งเทียนเหลียงจงใจวางแผนใส่ความชุนเฉ่าและมารดาหลี่มู่กระมัง
ใครจะไปรู้ ไม่นึกว่ามันจะมองความงามของมารดาหลี่มู่จนน้ำลายไหล?
“เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ใช่หรือ?” หลี่มู่ขัดจังหวะเจิ้งเทียนเหลียงทันที พูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ “ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า ชื่อของข้าคือหลี่มู่ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ และก็เป็นลูกชายของผู้ออกจากบ้านไปแปดปีจนในที่สุดก็กลับมาของสตรีที่เจ้าดูหมิ่นผู้นี้…ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยัง?”
“อะไร? หลี่มู่ เจ้า…เจ้าเป็น…ลูกชายของนังแก่นี่…” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าตื่นตะลึง
“เจ้าฟังไม่ผิด เป็นข้าเอง” หลี่มู่พูดแล้วก็พลิกมือตบไปอีกฝ่ามือหนึ่ง
ผัวะ!
ฝ่ามือนี้ไม่ได้ควบคุมพลังไว้อีกต่อไป
ศีรษะของเจ้าเจิ้งอ้วนรับกับฝ่ามือนี้ หมุนอยู่บนคออยู่สิบกว่ารอบเหมือนลูกข่าง จากนั้นจึงร่วงลงพื้นดังตุบเหมือนกับแตงโม
“ข้าบอกแล้ว พูดคำสกปรกอีกแค่คำเดียว ก็จะเด็ดหัวของเจ้ามาเตะแทนลูกหนัง เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นรึไง?” หลี่มู่มองต่ำลงมายังหัวที่ร่วงอยู่บนพื้นของเจ้าอ้วนเจิ้ง
ผู้ดูหมิ่นมารดาต้องตาย เจ้าอ้วนเจิ้งอ้าปากก็ว่านังเฒ่าไร้ประโยชน์ ด่าทอไม่ใช่แค่ประโยคเดียว อีกทั้งยังจ้องจะครอบครองความงามของมารดาหลี่มู่ตาเป็นมัน วางแผนขุดหลุมพราง สมควรตายเป็นหมื่นครั้งโดยแท้ หนำซ้ำดูจากการกระทำของมันแล้วก็ไม่น่าใช่คนดีอะไร หลี่มู่เลยลงมือสังหารได้โดยไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
“แค่ก แค่ก…เจ้า…ข้า…” เจ้าอ้วนเจิ้งยังตายไม่สนิทดี สมองยังคงรับรู้ ปากอ้าพะงาบๆ ส่งเสียง ท่าทางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังรู้สึกยากจะเชื่อได้ จนเขาตายก็ไม่เชื่อว่าหลี่มู่สังหารตนจริงๆ
คนอื่นๆ อึ้งตะลึงกันไปหมด
นอกจากเจิ้งฉุนเจี้ยน
องครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียงสามสี่คนนั้นแทบจะอยู่ในสภาวะแข็งเป็นหิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา