มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก
คนที่เป็นผู้นำดูแล้วอายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่าๆ หน้าตาหมดจดงดงาม ใบหน้าขาวราวหยก เครื่องหน้าสมส่วนคมคาย คิ้วกระบี่ตาเป็นประกาย เรือนร่างสูงโปร่ง ท่าทางดูดีมีความสามารถ สวมชุดเกราะอ่อน ที่เอวมีกระบี่ยาวห้อยอยู่ ดูองอาจยิ่งนัก เพียงแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ พอเข้ามาก็จ้องหลี่มู่เขม็งด้วยแววตาคมกริบ
ผู้ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มคนนี้
ข้างหลังเขายังมีอีกสี่ห้าคน ล้วนเป็นคนอายุยี่สิบกว่าพอๆ กัน แต่งกายแตกต่างกันไป แต่ดูมีฐานะทั้งสิ้น แค่มองแวบแรกก็รู้ว่าชาติตระกูลมั่งคั่ง กลิ่นอายของทุกคนล้วนแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือวิชายุทธ์
ครั้นเห็นคนเหล่านี้เดินเข้ามา ‘ซิ่วไฉใจเหี้ยม’ เจิ้งฉุนเจี้ยนขดตัวหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง ก้มหน้าไม่ส่งเสียง ราวกับกลืนไปกับความมืดที่มุมกำแพงไปแล้ว
คนหนุ่มซึ่งเข้ามาไม่สนใจคนที่ดูแล้วเหมือนคนรับใช้ผู้นี้
หลี่มู่ประคองมารดาให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ผุผังหน้ากระท่อมมุงจาก ให้ชุนเฉ่าคอยดูแลรับใช้อยู่ข้างกาย แล้วจึงหมุนตัวมาปรายตามอง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าเด็กชั่ว คุยโวโอ้อวด ไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในสายตา” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตวาด “ยังไม่คุกเข่าคำนับรับผิดอีก”
หลี่มู่อับจนคำพูด “เจ้ามันเป็นใครกัน? สมองมีปัญหารึไง”
อันที่จริง เขาพอจะเดาได้แล้ว
ชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกชายคนโตของเจ้าเมืองเฮงซวย ลูกชายที่เจ้าเมืองสารเลวคนนั้นมีกับภรรยาคนแรกก่อนจะมีฐานะตำแหน่ง
ท่าทางเรื่องวันนี้จะต้องเกี่ยวอะไรกับคุณชายใหญ่สกุลหลี่ผู้นี้แน่นอน
“อายุน้อยแต่กำเริบนัก สหายหลี่เป็นถึงพี่ชายต่างมารดากับเจ้า ยังไม่รีบมาคารวะอีก” ชายหนุ่มสวมชุดแพรพรรณอีกคนหนึ่งตวาดขึ้น
หลี่มู่หัวเราะหึๆ “ข้ามีแม่ไม่มีพ่อ จะมีพี่ชายต่างมารดามาจากไหนกัน”
“เจ้าเด็กเวร กล้าพูดว่ามีแม่ไม่มีพ่อเช่นนี้ ช่างไร้ความเป็นคนนัก” ชายหนุ่มคนนั้นโมโหเป็นอย่างมาก ตวาดเสียงดัง “เสียแรงที่ข้าคิดจะโน้มน้าวท่านพ่อให้ให้โอกาสเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับดื้อดึงเช่นนี้ ข้าว่าตำแหน่งขุนนางเมืองของเจ้าคงสิ้นสุดแค่นี้แล้ว”
มารดาหลี่มู่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินถึงตรงนี้ก็รู้ว่าใครมา จึงรีบลุกยืนขึ้นงกๆ เงิ่นๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้เป็นสยงเอ๋อร์มานี่เอง วันนี้มู่เอ๋อร์เพิ่งจะกลับมา ยังไม่รู้ฐานะของเจ้า เจ้าอย่าได้ถือสาหาความเขาเลย…” พูดแล้วก็ทำท่าจะโค้งคำนับขอโทษ
หลี่สยงแค่นเสียงเย็น
หลี่มู่รั้งมารดาเอาไว้พลางเอ่ย “ท่านแม่ อย่าได้ก้มหัวให้กับพวกกำเริบเสิบสานต่ำต้อยพวกนี้…ก็แค่ทายาทขุนนางเท่านั้น มีอะไรยิ่งใหญ่ที่ไหนกัน แค่มือเดียวข้าก็จัดการมันได้แล้ว ท่านแม่ ท่านต้องเชื่อใจลูกหน่อยนะ”
“ฮ่าๆๆ น่าขันนัก” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งได้ยินก็หัวเราะลั่น “เป็นพวกบ้านนอกจริงเสียด้วย ถึงได้กล้าพูดจาไม่ประมาณตนเช่นนี้ ชื่อเสียงและบารมีของคุณชายใหญ่ในเมืองฉางอัน มีใครบ้างที่ไม่รู้? เจ้าเป็นแค่ขุนนางเมืองเล็กๆ แต่วาจากล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ ช่างเป็นกบในกะลา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ”
หลี่มู่แค่นเสียงเย็น ขี้เกียจจะพูดกับทายาทเศรษฐีทายาทขุนนางที่คิดว่าตัวเองสุดยอดเหล่านี้
เขาชูสามนิ้วขึ้นมา “สามสิบอึดใจ”
“หมายความว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มคนนั้นอึ้งไป
หลี่มู่ตอบไปว่า “ภายในสามสิบอึดใจ รบกวนพวกเจ้าคนหน้าโง่ไปยืนนอกกำแพง อย่าได้เป็นมลพิษทางอากาศในเขตเรือน อย่าท้าทายความอดทนและขีดจำกัดของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อย่างนั้นละก็…”
“ไม่อย่างนั้นจะทำไม?” ชายหนุ่มสวมชุดแพรพรรณหัวเราะเสียงเหยียดหยาม
ร่างของหลี่มู่เพียงขยับ ก็กะพริบวูบราวเงาภูตผี
“อ๊าก…”
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกแค่ว่าเบื้องหน้าพร่าเลือน จากนั้นเสียงร้องอเนจอนาถก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มที่พูดเมื่อครู่ถูกโยนออกไปราวกระสอบเก่าๆ หล่นตุบไปนอกกำแพง ฝุ่นควันฟุ้งตลบ ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
“ไม่อย่างนั้น…ก็จะเป็นแบบนี้” หลี่มู่ยืนอยู่ที่เดิม เสมือนไม่ได้ขยับเลยอย่างไรอย่างนั้น
คราวนี้หลี่สยงชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและสหายหนุ่มทั้งหลายต่างประสานสายตามองกันไปมา พร้อมสูดลมหายใจเฮือก
พวกเขาคิดว่าตนเก่งกาจ นึกว่าเป็นบุคคลแถวหน้าที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นหนุ่มของเมืองฉางอัน โดยปกติทำตัวเป็นใหญ่ไปทั่วเมืองฉางอัน พรรคใหญ่หรือสำนักต่างๆ ล้วนแต่ต้องถอยห่างทำความเคารพ แม้แต่ยอดฝีมือมีชื่อทั้งหลายยังต้องเกรงอกเกรงใจพวกเขา แต่ว่าเพียงชั่วขณะเมื่อครู่ ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครมองออกเลยว่าหลี่มู่ทำได้อย่างไร
“ตอนนี้ข้าว่าพวกเจ้าเข้าใจแล้ว…ตอนออกไปช่วยข้าปิดประตูใหญ่ด้านนอกเรือนให้ด้วยเล่า ขอบใจ” หลี่มู่หัวเราะ
รอยยิ้มนี้ในสายตาของพวกหลี่สยงค่อนข้างน่ากลัว ทั้งยังเป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน
หลี่สยงสูดหายใจเข้าลึก
สีหน้าอารมณ์บนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเล็กน้อย น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางเปลี่ยนไปเหมือนพี่ชายผู้หวังดี “หลี่มู่ เลิกก่อเรื่องได้แล้ว ท่านพ่อรู้ว่าเจ้ากลับมาฉางอันแล้ว หลายปีมานี้ท่านวาดหวังในตัวเจ้า ความผิดพลาดที่เจ้าทำในตอนนั้น ท่านพ่อล้วนอภัยให้ได้ เจ้าตามข้ากลับจวนไปคารวะท่านพ่อเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา