ราตรีมาเยือนแล้วโดยสมบูรณ์ เมืองฉางอันถูกปกคลุมอยู่ภายใต้รัศมีสีเงินจากดวงจันทร์อันเย็นเยียบทั้งสอง
ต่อให้เป็นที่ที่เจริญรุ่งเรืองเพียงใด ก็มีจุดที่ความครึกครื้นเข้าไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่นชุมชนแออัดเขตเมืองตะวันตกแห่งนี้
เจิ้งฉุนเจี้ยนเมื่อได้รับคำสั่งจากหลี่มู่แล้วก็ไม่กล้าชักช้า หมุนตัวจากไปจัดการทันที
หลี่มู่ก็ไม่กลัวว่าเขาจะไปแล้วไม่กลับมา
ครั้งนี้เขาไม่คิดจะมาเงียบๆ อยู่แล้ว ดังนั้นถึงได้มีเรื่องอย่างคืนนี้เกิดขึ้น เจ้าเมืองหลี่กังจะต้องได้ยินข่าวที่ตนมาแล้วอย่างแน่นอน ผู้ชายสารเลวที่ปกครองเมืองฉางอันมาสิบกว่าปีผู้นี้จะใช้ไม้ไหน หลี่มู่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก อย่างดีก็หาวิธีรับมือเท่านั้น ต่อให้ตอนนี้เจิ้งฉุนเจี้ยนกลับที่ว่าการเจ้าเมืองไปรายงาน เขาก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย
บาดแผลที่ขาของเจิ้งฉุนเจี้ยนเกือบหายดีแล้ว แต่ในกายยังมีวิชาเวท ‘ยันต์เป็นตาย’ อยู่ ความเป็นตายของเขาขึ้นอยู่กับเพียงเสี้ยวความคิดของหลี่มู่เท่านั้น
คนที่รักชีวิตอย่างเจิ้งฉุนเจี้ยนต้องรู้ดีว่าควรจะทำตัวอย่างไรแน่นอน
หลี่มู่กวาดสายตามองบริเวณเรือนอันเงียบเหงา กำแพงดินที่ถล่มลง กระท่อมในเขตเรือน บ่อน้ำ และต้นไม้โบราณสองสามต้น ในใจพลันเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา ความเงียบเหงาแบบนี้เหมือนทิวทัศน์ในวัดหรานเติงบนโลกเลย
‘ต่อไปยังต้องอยู่ในเมืองฉางอันอีกหลายวัน ถึงออกไปหาโรงเตี๊ยมข้างนอก อย่างไรเสียก็ยากจะรู้ตื้นลึกหนาบาง ในเมื่อเจ้าเมืองเฮงซวยปกครองเมืองฉางอันมานานหลายปี พูดได้ว่าแทรกซึมอยู่ในทุกด้าน ตัวเราเองไม่ต้องกังวลอะไร แต่แม่กับพี่ชุนเฉ่า…’
หลี่มู่กำลังยืนขบคิดอยู่ใต้แสงจันทร์
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจได้
“ไม่ไปแล้ว อยู่ที่เรือนแห่งนี้ก็แล้วกัน”
คิดได้ถึงตรงนี้ ใจก็พลันกระจ่างแจ้ง
หากอยู่ในเขตชุมชนแออัดแห่งนี้ คิดจะปกป้องความปลอดภัยของท่านแม่หลี่และสาวรับใช้ยังต้องทำอะไรบางอย่างอีก
สายตาของหลี่มู่กวาดไปรอบๆ เขตที่พัก ในใจค่อยๆ มีแผนการผุดขึ้น
ต้องวางค่ายกลด้วย
เขาเริ่มวางค่ายกลในบริเวณเรือนเล็ก
หลังจากผ่านประสบการณ์การวาง ‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ ที่อำเภอขาวพิสุทธิ์มาแล้ว ความเข้าใจเรื่องการวางค่ายกลของหลี่มู่ก็ยิ่งชำนาญขึ้น ในอาณาบริเวณเล็กๆ เช่นนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องลำบากวางค่ายกลที่ร้ายกาจขนาดนั้น ทุกอย่างจึงง่ายขึ้นเยอะมาก เขาคนเดียวก็สามารถจัดการได้
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม เจิ้งฉุนเจี้ยนขี่รถม้ากลับมาอีกรอบหนึ่ง
ในรถม้าบรรทุกของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างที่มากพอให้คนสิบกว่าคนใช้ได้ถึงห้าหกวัน
“ข้าน้อยใช้เส้นทางลับของตัวเอง ดังนั้นท่านเจ้าเมืองจึงไม่รู้ขอรับ” เจิ้งฉุนเจี้ยนอธิบายให้หลี่มู่ฟัง
เขาเรียกลมเรียกฝนในเมืองฉางอันได้นานถึงเพียงนี้ พูดได้ว่าเป็นเจ้าเมืองคนที่สองในโลกมืดก็ว่าได้ ถึงมีเส้นทางลับของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ตกใจอะไร เหตุที่พูดแบบนี้แน่นอนว่าเพื่อแสดงความภักดีของตนต่อหลี่มู่
หลี่มู่พยักหน้า จูงม้าเข้ามา
“นี่คือข้อมูลที่คุณชายต้องการ” เจิ้งฉุนเจี้ยนยืนซองจดหมายไปให้
เขาฉีกออก ข้างในมีกระดาษจดหมายอยู่หนึ่งแผ่น บันทึกร่องรอยของเซี่ยจวี๋ ชิวอี้ และตงเสวี่ยสาวใช้แต่ละคนไว้
“จวนสกุลหนิงกักตัวตงเสวี่ยเอาไว้…”
ขณะมองตัวอักษรบนกระดาษ ในหัวของหลี่มู่ก็มีข้อมูลบางอย่างผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในเมืองฉางอันอาจจะมีคนแซ่หนิงมากมาย แต่จวนสกุลหนิงนั้นมีเพียงแห่งเดียว นั่นก็คือจวนแม่ทัพใหญ่หนิงที่ตั้งอยู่กลางถนนอำนาจยุทธ์เขตเมืองฝั่งตะวันออก เจ้าของคือแม่ทัพใหญ่หนิงหรูซาน บรรดาศักดิ์สืบทอดตามสายเลือด บรรพบุรุษที่เป็นทหารกองหน้าได้สร้างคุณูปการครั้งใหญ่เมื่อครั้งศึกบูรพาในรัชสมัยของจักรพรรดิกวงอู่ ภายหลังบาดเจ็บหนักขอพักราชการ ยามจักรวรรดิฉินย้ายเมืองหลวงไปเมืองฉินก็ไม่ได้ตามไป ยังคงอยู่ที่เมืองฉางอัน
ลูกหลานสกุลหนิงสืบทอดบรรดาศักดิ์มาทุกรุ่น เมื่อถึงรุ่นของแม่ทัพใหญ่หนิงหรูซานกลับไม่มีบุคคลที่เยี่ยมยอดปรากฏขึ้น คุณูปการที่บรรพบุรุษสร้างไว้ในอดีตค่อยๆ เลือนหาย สกุลหนิงไม่มีอำนาจเหมือนในตอนนั้นอีกแล้ว แต่ในเมืองฉางอันยังนับว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งได้อยู่
จากการบรรยายในข้อมูลที่เจิ้งฉุนเจี้ยนและหลี่ปิงเขียนขึ้นเมื่ออยู่ในห้องมืดที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ หนิงหรูซานคนนี้อารมณ์ฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์ เหี้ยมโหดอำมหิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายจะไม่เลือกซึ่งวิธีการ
ตงเสวี่ยถูกส่งไปจวนสกุลหนิงได้อย่างไร?
หลี่มู่ค่อนข้างแปลกใจ
ด้วยตำแหน่งในเมืองฉางอันของสกุลหนิง ทำไมต้องแย่งเด็กรับใช้ข้างกายมารดาหลี่มู่ไปด้วย?
หลี่มู่สงสัย อ่านสารในจดหมายทั้งหมดรวดเดียว
“ชิวอี้อยู่ที่ ‘โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์’ ส่วนเซี่ยจวี๋อยู่ที่สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผล บังเอิญขนาดนี้เชียว?”
ในหมู่ทายาทขุนนางและคหบดีที่ตามหลี่สยงมาก่อกวนยังที่พักของหลี่มู่วันนี้ ก็มีหัวหน้าโรงฝึกน้อยจางชุยเสวี่ยแห่ง ‘โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์’ และโจวอวี่บุตรชายคนโตของประธานสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลด้วย
หลี่มู่อ่านจบ ขบคิดในใจ แล้วจึงพูดขึ้น “เอาละ ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ หากมีเรื่องอะไรข้าจะติดต่อเจ้าเอง”
เจิ้งฉุนเจี้ยนเอ่ยลาแล้วหันหลังจากไป
หลี่มู่เก็บจดหมาย ก่อนจะไปวางค่ายกลในบริเวณที่พักอาศัยต่อ
……
“หลี่มู่…หลี่มู่!”
ภายในรถม้า ความเหี้ยมเกรียมฉายอยู่เต็มใบหน้าของหลี่สยง เส้นเลือดปูดโปนอยู่บนในหน้าเขาราวกับงูพิษเลื้อย สองหมัดทุบไปยังรถม้าอย่างรุนแรง ความโกรธและความอับอายมากมายจนแทบจะท่วมเขาจนมิด
นับจากที่เขามายังเมืองฉางอัน เขาก็ได้รับความรักเอ็นดูมากมาย เคยถูกหยามเหยียดเช่นคืนนี้เสียที่ไหน
“หลี่มู่ ข้าสาบาน ข้าจะต้องทำให้เจ้าตายอย่างน่าอนาถ รวมถึงนังเฒ่านั่น สาวใช้พวกนั้นด้วย…ข้าจะให้เจ้าทุกข์ทรมานเฝ้าโทษตัวเอง และเสียใจที่ล่วงเกินข้า”
หลี่สยงหอบหายใจรุนแรง
ความแข็งแกร่งที่หลี่มู่แสดงออกมาคืนนี้ทำให้เขายากจะรับได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา