จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 137

หากหลี่มู่อยู่ที่นี่จะต้องตกใจมากเป็นแน่

เพราะวังโลหะใต้ดินที่ประหลาดแห่งนี้เหมือนกับเทคโนโลยีชั้นสูงของโลกไม่ผิดเพี้ยน สิ่งที่แขวนอยู่บนเพดานคือหลอดไส้สีขาว ลวดลายบนกำแพงโลหะสีทึบประณีตวิจิตรอย่างยิ่ง บนกำแพงมีโคมไฟติดผนัง โต๊ะและโซฟาที่วางตบแต่งอยู่ในห้องล้วนไม่ใช่สิ่งที่เป็นของโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวัสดุ ล้วนเหมือนกับอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูงจากโลกทุกประการ

ทั่วทั้งวังโลหะใต้ดินมีโครงสร้างเป็นห้องแบบสามห้องนอนสองห้องนั่งเล่น

ห้องรับแขกที่มีพื้นที่ประมาณสามสิบตารางเมตร มีชุดชงชากระเบื้องเคลือบลายครามชุดหนึ่งวางอยู่ ข้างหลังโต๊ะชามีเงาสะโอดสะองร่างหนึ่งกำลังชงชา เป็นสตรีทรงเสน่ห์ชวนให้คนลุ่มหลง ดูแล้วน่าจะประมาณสามสิบกว่า กี่เพ้าลายเมฆขาวแนบร่างยิ่งขับเน้นให้รูปร่างของสตรีผู้นี้น่าหลงใหล นิ้วเรียวยาวราวกับต้นหอมปอกใหม่ขยับอย่างสง่างาม ทุกๆ การเคลื่อนไหวกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ดุจท่วงทำนองแห่งเต๋า

นางผมดกดำ เมื่อก้มหน้าชงชา ผมยาวก็ทิ้งตัวลงมาราวน้ำตกสีนิล

ไม่ว่าจะมองจากทางไหนก็เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ

“สยงเอ๋อร์กลับมาแล้วรึ เกิดอะไรขึ้นเจ้าถึงได้โมโหจนเป็นเช่นนี้?”

เสียงของหญิงสาวน่าฟังเป็นที่สุด ทำให้คนรู้สึกเหมือนเสียงที่มาจากสรวงสวรรค์

ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมา ผมดกดำสลวยแหวกออกสองข้างแก้มเผยให้เห็นใบหน้า แสงโคมในห้องรับแขกก็เหมือนหม่นแสงลงทันที เพราะความแตกต่างนั้นมากเกินไป นั่นเป็นใบหน้าของสัตว์ประหลาดที่มีก้อนเนื้องอกออกมา เครื่องหน้าไม่อาจจะแบ่งได้ชัด ดวงตาเบียดอยู่ระหว่างกลางก้อนเนื้อสองก้อน จมูกก็คือก้อนเนื้อดำคล้ำ ปากเมื่ออ้าออกจะเผยฟันดำโย้เย้ไม่เป็นระเบียบ ไม่เหมือนกับปากของมนุษย์

ยากจะจินตนาการได้ว่า ร่างที่งดงามแบบนั้นกลับมีใบหน้าที่อัปลักษณ์จนแทบใกล้เคียงกับสัตว์ประหลาด

กระนั้นก็เห็นได้ชัดว่าหลี่สยงเคยชินดี เขาเดินมานั่งข้างโต๊ะ กระดกน้ำชาสีเข้มดุจอำพันหมดในอึกเดียว จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอาฆาต “ท่านแม่ เจ้ามารหัวขนที่นังหญิงแพศยานั่นให้กำเนิดกลับมาแล้ว”

สตรีที่อัปลักษณ์อย่างที่สุดคนนี้คือมารดาของหลี่สยง และก็คือภรรยาเอกคนปัจจุบันของเจ้าเมืองหลี่กัง

“เอ๋? กลับมาก็กลับมาสิ แมลงตัวเล็กๆ จะสร้างความวุ่นวายอะไรได้ หรือมันทำให้เจ้าโมโห?” สตรีหน้าตาอัปลักษณ์เอ่ยน้ำเสียงสบายๆ ‘ยิ้ม’ พลางพูดขึ้น

“มันสอบจิ้นซื่อได้ เป็นจิ้นซื่อที่อายุน้อยที่สุดของจักรวรรดิ” หลี่สยงพูดอย่างเคียดแค้น

“เหอะๆ จิ้นซื่อที่ไร้พลังไร้อำนาจก็เหมือนมดปลวกตัวหนึ่ง” สตรีอัปลักษณ์ไม่ใส่ใจ

หลี่สยงกล่าวขึ้นอีก “แต่เด็กชั่วนั่นยังเป็นขุนนางเมืองของอำเภอขาวพิสุทธิ์ด้วย”

“อ้อ? อำเภอขาวพิสุทธิ์? ฮ่าๆ น่าสนใจ ที่นั่นอยู่ในอำนาจของพ่อเจ้า ขอแค่เจ้าต้องการ ลูกข้า เจ้าสามารถหาเรื่องมัน เล่นงานให้มันหัวหมุนได้ทุกเมื่อ” สตรีอัปลักษณ์ยังคงไม่สนใจ

“แต่ว่า มันยังเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์ด้วย” หลี่สยงพูดอีก

“หืม?” ก้อนเนื้อบนใบหน้าของสตรีอัปลักษณ์ขยับ น้ำเสียงมีร่องรอยความแปลกใจเพิ่มเข้ามา “ขั้นปรมาจารย์? เจ้าแน่ใจหรือไม่?”

หลี่สยงกัดฟันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตรอกไล่หมูคืนนี้ให้ฟัง “ท่านแม่ เจ้าเด็กชั่วนั่นเอาชนะโจวอีหลิงในกระบวนท่าเดียว ทั้งยังหยามหมิ่นข้า ท่านแม่ ข้าทนความอับอายนี้ไม่ได้ ท่านต้องแก้แค้นคืนให้ข้า”

“แก้แค้น? เจ้าอยากให้แม่ลงมือช่วยเจ้าฆ่ามัน หรืออยากจะลงมือเอง?” น้ำเสียงของสตรีอัปลักษณ์กลับมาเรียบนิ่งอีกครั้ง ราวกับกระจกที่ไร้ซึ่งระลอกคลื่น

ยอดฝีมือชั้นยอดขั้นปรมาจารย์ ทั้งยังเป็นจิ้นซื่อที่อายุน้อยที่สุดของจักรวรรดิ มีตำแหน่งขุนนาง และอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น…

ข้อมูลเช่นนี้รวมอยู่ด้วยกัน ก็มากพอจะทำให้ผู้นำระดับสูงทั้งหลายของจักรวรรดิใจสั่นได้ สิ่งเหล่านั้นแสดงถึงพลังอันไร้ขีดจำกัด แต่สตรีอัปลักษณ์คนนี้กลับไม่ใส่ใจ ราวกับแค่นางยินดีก็สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์เช่นหลี่มู่ได้ในเพียงชั่วความคิด

“แน่นอนว่าต้องลงมือด้วยตัวเอง ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ด้วยมือของข้าต่อหน้าสายตาทุกคน แบบนี้ถึงจะล้างความอับอายในวันนี้ได้” หลี่สยงยังไม่คลายโมโห “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะ”

“ช่วยเจ้านั้นย่อมได้ แต่ว่า เมื่อได้รับไปก็ต้องแบกรับอะไรเช่นกัน เจ้าพร้อมแล้วหรือ?” สตรีอัปลักษณ์ชงชาพลางพูดอย่างมีความนัย

ใบหน้าของหลี่สยงฉายแววหวาดกลัวทันที ประหนึ่งคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องอะไรที่น่ากลัวอย่างมหันต์ สีหน้าซีดเผือดทันใด

แต่ว่า เมื่อเขาคลำใบหน้าของตนเองก็เหมือนยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่รอยฝ่ามือหลี่มู่ฝากไว้ พอนึกถึงว่าหลี่มู่เจ้าเด็กชั่วเยาะเย้ยและเหยียดหยามตนในคืนนี้ ความรู้สึกไร้กำลังเมื่อเผชิญหน้ากับพลังแข็งแกร่งของอีกฝ่ายฝังลึกลงในใจหลี่สยง ความคิดสับสนยากจะตัดสินใจ สุดท้ายเขาเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ จึงพูดขึ้น “ท่านแม่ ต้องเข้าไปในของสิ่งนั้นหรือ?”

หญิงอัปลักษณ์พยักหน้า

สีหน้าของหลี่สยงเดี๋ยวคล้ำเขียวเดี๋ยวซีดขาว จากนั้นกัดฟันกล่าว “ได้ ท่านแม่ ข้าตกลง”

ก้อนเนื้อบนใบหน้าของนางขยับ น้ำเสียงเผยความยินดีและพอใจ “ดี สยงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจเช่นนี้ สมกับที่เป็นลูกชายของข้า ‘หมอเทวดาหลิงเซียว’ สุดท้ายเจ้าก็คิดได้แล้ว แม่จะไม่ฝืนบังคับเจ้า แต่หากเจ้าตัดสินใจยอมรับจริงๆ เช่นนั้นแม่ก็จะทำให้เจ้าเป็นคุณชายอันดับหนึ่งแห่งฉางอันจริงๆ ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ในโลกใบนี้มีเพียงพลังซึ่งเป็นของตนอย่างแท้จริงเท่านั้น ถึงจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด วางใจเถอะ แม่จะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง”

……

เพียะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา