จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 139

เมื่อใช้พลังแท้จริงของหลี่มู่ร่วมกับวิชาเวทบางวิชา การเข้าออกจวนสกุลโจวก็ราวกับเข้าไปในพื้นที่ที่ไร้ผู้คน ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกโจวเต๋อเต้าและคนอื่นๆ จึงไม่รู้เลยสักนิด

เหตุที่ถูกพบตัวก็เพราะหลี่มู่รู้สึกว่าหาต่อไปเช่นนี้เสียเวลามาก จึงไม่อำพรางตัวอีกต่อไป แต่เดิมเขาคิดจะหาพวกหัวหน้าตัวเล็กๆ มาถามทาง คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับประธานของสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผล จับปลาตัวโตเข้าได้

หลี่มู่วางมือบนบ่าเช่นนี้ โจวเต๋อเต้ารู้สึกเหมือนมีภูเขาทับลงมาทันที ขยับเขยื้อนไม่ได้

“ปล่อยประธานโจว” ครูฝึกหวางร้อนใจ ขาขยับฝีเท้าแปลกประหลาดสักอย่าง เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ล่องลอยไปมา แล้วพลันมาถึงเบื้องหน้า ดาบหนึ่งฟันไปยังมือหลี่มู่ที่วางอยู่บนบ่าของโจวเต๋อเต้า

“ขั้นรวมจิตสูงสุด?” หลี่มู่ซัดมือไปตามอารมณ์ “ยังห่างชั้นอีกไกล”

พลังฝ่ามือดุจคลื่นซัดออกมาเบาๆ ครูฝึกหวางดั่งโดนสายฟ้าฟาด ดาบเหล็กในมือหักกลายเป็นเศษเหล็ก ร่างตีลังกาบินลอยออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาจำลองในสวน เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น ภูเขาจำลองทลายลงมาทันที

“อ๊าก…อั้ก” ครูฝึกหวางกระอักเลือดสดๆ ออกมา พยายามดิ้นรนแต่ก็ลุกขึ้นมาไม่ได้

ยอดฝีมืออารักขาเรือนคนอื่นโดยรอบที่อยากจะลองดู คราวนี้ในใจเย็นยะเยือกทันที ไม่เหลือความปรารถนาที่จะลงมืออีกต่อไป

ครูฝึกหวางเป็นหนึ่งในคนที่พลังแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของเด็กหนุ่มผมสั้นแปลกพิลึกคนนี้เลย พวกเขาเข้าไปก็มีแต่เป็นหมูวิ่งชนปังตอน่ะสิ นับประสาอะไรกับว่าประธานโจวยังอยู่ในมือคนคนนี้ หากกระตุ้นให้เขาโมโหเข้า เพียงแค่ฝ่ามือเดียวซัดลงไปก็ทำให้ประธานโจวที่ไม่เป็นวรยุทธ์แม้แต่น้อยกลายเป็นเนื้อเละได้ทันที

“ข้ามาวันนี้ก็เพื่อหาคนเท่านั้น ไม่ได้อยากฆ่าคน แต่หากพวกเจ้าบังคับข้า…” ฝ่ามือของหลี่มือตบไปที่บ่าของโจวเต๋อเต้าเบาๆ ไม่ได้ออกแรงอะไร แต่ทุกคนตกใจหน้าซีดกันเป็นแถบ โจวเต๋อเต้ายิ่งหน้าซีดไร้สีเลือด

“ใครชื่อเซี่ยจวี๋? รีบพามาเร็วเข้า เร็ว…” โจวเต๋อเต้าร้อนใจ รีบตะโกนสั่ง

ยอดฝีมืออารักขาเรือนจ้องหน้ากัน

กลับเป็นสาวใช้นางหนึ่งที่อยู่ในห้องบัญชีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “นายท่าน เซี่ยจวี๋คือเด็กสาวรับใช้ที่คุณชายนำกลับมาจากข้างนอกเมื่อครึ่งปีก่อน เมื่อวานทำผิด คุณชายจึงเฆี่ยนตี ตอนนี้เหมือนว่า…จะถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ?” หลี่มู่เปลี่ยนสีหน้า

เขาลากคอของโจวเต๋อเต้ามา “นำข้าไป เร็วเข้า”

โจวเต๋อเต้าประหนึ่งเป็ดถูกบีบคอ ตวาดขึ้นว่า “เร็ว รีบพาจอมยุทธ์น้อยผู้นี้ไปห้องเก็บฝืนที่เขตเรือนด้านหลัง เร็วเข้า”

คนกลุ่มนั้นหลีกทางให้อย่างระมัดระวัง

หลี่มู่ลากโจวเต๋อเต้าเอาไว้เช่นนี้ และเดินไปทางเขตเรือนด้านหลังโดยการนำทางขององครักษ์บ้านสกุลโจว

ตอนนี้คฤหาสน์สกุลโจวแตกตื่นไปทั่ว ยอดฝีมือองครักษ์นับไม่ถ้วนไล่ตามมา ในนั้นมียอดฝีมือที่พลังเหนือกว่าครูฝึกหวางไม่น้อย แต่เมื่อเห็นครูฝึกหวางที่บาดเจ็บหนักกลับไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ ห่วงหน้าพะวงหลัง ด้วยกลัวจะทำให้ประธานโจวเต๋อเต้าบาดเจ็บ

“หลี่มู่ เป็นเจ้า?” ประธานน้อยโจวอวี่รีบตามมาเมื่อได้ยินข่าว ตวาดอย่างโมโหว่า “เจ้ากล้าบุกคฤหาสน์สกุลโจวของข้า เจ้ามันบ้าไปแล้วจริงๆ”

หลี่มู่ไม่สนใจเขา

เขาลากโจวเต๋อเต้าราวกับหิ้วลูกไก่ เดินมาถึงประตูห้องเก็บฟืนอย่างรวดเร็ว

กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยออกมาจากในห้องเก็บฟืน

ใจของหลี่มู่หนักอึ้ง

“หลี่มู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรอยู่? เจ้ากล้าจับตัวท่านพ่อของข้าเอาไว้อย่างนั้นหรือ เจ้าคนบ้า ในเมืองฉางอันไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ เจ้าได้ตายแน่…” โจวอวี่ยังคงกำแหงอวดดี เขาหันไปสั่งการ “รับไปเชิญหลินก้งเฟิ่งมา…”

หลินก้งเฟิ่งคือหนึ่งในขั้นปรมาจารย์ทั้งสองที่สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลจ่ายเงินก้อนโตเชิญมา

สีหน้าของหลี่มู่เคร่งเครียด เปิดประตูห้องเก็บฟืนออกทันที

ภายในห้องเก็บฟืนคับแคบชื้นแฉะ หญิงสาวที่อายุราวสิบแปดสิบเก้าปีเสื้อผ้าขาดรุ่ย เลือดอาบจนเสื้อชุ่มโชกแนบติดไปกับร่างที่เนื้อตัวเหวอะหวะ กำลังนอนสลบไสลอยู่บนพื้น แน่นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงลมหายใจอ่อนระโหย ท่าทางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง เล็บมือและเล็บเท้าโดนถอดออกจนหมด เห็นได้ชัดว่าโดนทัณฑ์ทรมาน

“เซี่ยจวี๋?”

หลี่มู่โยนโจวเต๋อเต้าไปไว้ด้านหนึ่งแล้วพุ่งเข้าไปในห้องเก็บฟืน ก่อนประคองเด็กสาวที่สลบไสลขึ้นมาเบาๆ

ใบหน้างดงามปรากฏขึ้นในสายตา

เป็นเซี่ยจวี๋นั่นเอง

ในข้อมูลที่เจิ้งฉุนเจี้ยนมอบให้หลี่มู่มีภาพวาดเหมือนของเซี่ยจวี๋อยู่ ไม่ผิดแน่นอน

หลี่มู่มือซ้ายประสานปางมือ พลังเย็นสบายสีเขียวอ่อนในอากาศหลอมรวมกัน จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นลูกเล็กๆ เหมือนเม็ดยาน้ำที่เลือนราง แล้วจึงประทับเข้าไปกลางหว่างคิ้วของเซี่ยจวี๋

ตราพลังชีวิต!

นี่เป็นวิชาเต๋าประเภทไม้ที่ซินแสเฒ่าสอนให้หลี่มู่ สามารถดูดซับพลังธาตุไม้เข้มข้นในธรรมชาติมารักษาอาการบาดเจ็บ เป็นวิชาเต๋าอย่างง่ายวิชาหนึ่ง

ตลอดทางที่หลี่มู่มาเมืองฉางอันก็ศึกษาค้นคว้าวิชาเต๋าง่ายๆ ทั้งหลายที่ซินแสเฒ่าบอกสอนอย่างละเอียด และประสบความสำเร็จ ‘ยันต์เป็นตาย’ ที่ควบคุมเจิ้งฉุนเจี้ยนและ ‘ตราพลังชีวิต’ เมื่อครู่นี้ล้วนเป็นหนึ่งในวิชาเต๋าแบบง่าย แน่นอนวิชาเต๋าแบบง่ายที่ซินแสเฒ่าพูดถึง เมื่ออยู่บนโลกนี้ก็เป็นวิชาเวทที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“เฮือก…” ตราประทับเข้าไปในร่าง เซี่ยจวี๋ที่สลบไสลลืมตาขึ้นช้าๆ

เป็นดวงตาที่สุกใสราวสายน้ำ

“เจ้า…เจ้าคือ…” นางลืมตามองหลี่มู่ สีหน้าสงสัย

หลี่มู่รีบพูด “พี่เซี่ยจวี๋ ข้ามารับท่านกลับบ้าน วางใจได้ ท่านปลอดภัยแล้ว”

“เป็น…คุณชายมู่ ท่าน…ท่านกลับมาแล้ว ดี…ดีจริงๆ ข้า…” ดวงตากลมโตของเซี่ยจวี๋ฉายแววตื่นเต้นยินดี ก่อนจะรีบร้อนกล่าวอีกครั้งเมื่อเห็นยอดฝีมือองครักษ์ที่ตั้งท่าพร้อมสู้อยู่ด้านนอก “คุณชาย ท่าน…รีบหนีไป พวกเขา…”

ยังพูดไม่ทันจบ

เงาร่างสองร่างก็พุ่งเข้ามาดุจพายุลมกรด ดาบและกระบี่ตวัดมาพร้อมกัน มุ่งแทงไปที่หลังของหลี่มู่

เป็นครูฝึกที่อารักขาเรือนอีกสองคน เมื่อเห็นโจวเต๋อเต้าหลุดจากการควบคุมก็รีบร้อนอยากสร้างความดีความชอบ จึงลอบโจมตีจากข้างหลัง

หลี่มู่ไม่แม้แต่จะหันไปมอง พลิกมือซัดหมัดออกไป

ตูม!

รอยหมัดโปร่งแสงที่ตาเปล่ามองเห็นได้ลอยออกมาจากหมัดของหลี่มู่ ก่อนขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว พลังหมัดราวคลื่นคลั่งถาโถมทำลายห้องเก็บฟืนในชั่วพริบตา พลังหมัดสะเทือนครูฝึกทั้งสองที่ลอบโจมตีจนลอยกระเด็นไปหลายสิบจั้ง กระแทกเข้ากับกำแพงเรือนที่อยู่ไกลลิบราวกับเปลือกข้าวถูกหอบม้วนอยู่ในพายุคลั่ง กำแพงเรือนถล่มลง ฝุ่นตลบฟุ้งไปทั่ว ทั้งสองกระแทกร่วงไปในเศษหินเศษอิฐ เป็นตายไม่อาจรู้ได้

คนทั้งหลายที่อยู่ในเขตเรือนด้านหลังตกใจจนหน้าซีด รู้สึกแค่ว่าแก้วหูสั่นสะเทือน พวกเขาถอยไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นรวมจิตสูงสุดก็ยังยืนได้ไม่นิ่ง

หลี่มู่อุ้มเซี่ยจวี๋ออกมาจากห้องเก็บฝืนที่พังถล่ม

“ล้อมมันเอาไว้ อย่าให้มันออกไปได้” โจวเต๋อเต้าตวาดอย่างโมโหโกรธท่ามกลางการคุ้มกันจากครูฝึกอารักขาเรือนหลายสิบคน

วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องฆ่าผู้บุกรุกคนนี้ให้ได้

มิฉะนั้นสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองฉางอัน

“ฆ่ามัน ฆ่าชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้เสีย…” โจวอวี่ก็ตะโกนด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมเช่นกัน

ยอดฝีมืออารักขาเรือนพุ่งมาหาหลี่มู่ดุจคลื่นถาโถม

“ไสหัวไป”

หลี่มู่อุ้มเซี่ยวจวี๋เดินออกมาหนึ่งก้าว เท้าซ้ายเหยียบลงบนพื้นดินเต็มแรง

ครืน!

ผืนดินสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว

พลังอันน่ากลัวปะทุออกมาโดยมีหลี่มู่เป็นศูนย์กลาง ถาโถมมาด้านหน้ายอดฝีมืออารักขาเรือนหลายสิบคน พวกเขารู้สึกแค่ว่ามีพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งปะทุมาจากในผืนดินใต้เท้า ทำให้ร่างลอยขึ้นสูงในพริบตา สะเทือนบดกระดูกขาของพวกเขาจนแหลกละเอียด ทั้งยังถูกดีดกระเด็นออกไป พื้นดินที่ปูไว้ด้วยแผ่นหินก็แผ่ระลอกราวคลื่น ขั้นบันได ภูเขาจำลอง ต้นไม้ กำแพงเรือน…สิ่งก่อสร้างทุกอย่างตามรายทางถล่มลงมาประหนึ่งเจอกับแผ่นดินไหวจริงๆ

คนในอาณาเขตเรือนทั้งหมดร้องตกใจเสียงแหลม พากันล้มระเนระนาด

ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นรวมจิตสูงสุดเหล่านั้นก็ยังโซเซเหมือนดื่มเหล้าเมา แม้แต่ยืนก็ยืนได้ไม่นิ่ง ถูกพลังสะท้อนกลับหักกระดูกเข้าแล้วจริงๆ

ชั่วพริบตาเดียว เขตเรือนด้านหลังจวนสกุลโจวที่มีพื้นที่สิบกว่าหมู่กลายเป็นพื้นที่ปรักหักพังทันที

เพียงแค่ก้าวเท้าก็มีพลังขนาดนี้เชียวหรือ

โจวเต๋อเต้าและโจวอวี่พ่อลูกอยู่ภายใต้การคุ้มกันจากองครักษ์ที่ภักดีกลุ่มหนึ่ง จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

ในอ้อมแขนของหลี่มู่อุ้มเซี่ยจวี๋เอาไว้ เขาเดินออกมาจากธุลีที่ฟุ้งตลบอย่างช้าเนิบทีละก้าว

“เจ้า…เจ้าตายแน่ หลี่มู่ เจ้ากล้า…” โจวอวี่คำรามอย่างเดือดดาล

โจวเต๋อเต้าที่อยู่อีกข้างหนึ่งก็โมโหจนถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน

บังอาจ บังอาจยิ่งนัก

นี่มันได้อย่างไรกัน คฤหาสน์สกุลโจวเคยถูกคนข่มเหงเช่นนี้เสียเมื่อไหร่

“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะต้องจ่ายชดใช้มา ข้าสาบาน เจ้าต้อง…” สีหน้าของโจวเต๋อเต้าเคร่งเครียดจนดำทะมึน

หลี่มู่แค่นเสียงเย็น “คนโง่งม เงินทองมันบดบังสมองของพวกเจ้าไปหมด พวกเจ้าขาดความเกรงกลัวต่อพลังไปแล้ว…พี่เซี่ยจวี๋ โจวอวี่เป็นคนทำร้ายท่านใช่หรือไม่?” เขาถามเซี่ยจวี๋ที่อยู่ในอ้อมแขน

หญิงสาวตอนนี้ตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก

นางเพียงแต่พยักหน้าไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

หลี่มู่มองไปยังโจวอวี่ จิตสังหารพุ่งออกมาจากดวงตา “เมื่อคืนข้าปล่อยเจ้าไปครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่สำนึก กลับยังกำเริบเสิบสานหนักข้อขึ้นอีก เห็นทีวันนี้จะเก็บเจ้าไว้ไม่ได้”

เสียงยังไม่ทันจบดี หลี่มู่เดินหนึ่งก้าวออกมา ประชิดถึงข้างกายโจวอวี่ทันใด

“เจ้า…” โจวอวี่หวาดกลัวยิ่ง ถอยหลังไปสุดชีวิต

ทว่าทันเสียที่ไหน

ฝ่ามือหนึ่งของหลี่มู่ตบลงไปบนบ่าของเขา ได้ยินเพียงเสียงกร๊อบดังขึ้น พลังมหาศาลหลั่งไหลเข้ามา กระดูกขาทั้งสองข้างของโจวอวี่แทบแหลกละเอียด ตัวอ่อนยวบลงไปบนพื้น

“อ๊าก ขาของข้า อ๊ากกกก…” เขาร้องลั่นอย่างน่าเวทนา

“อวี่เอ๋อร์…หยุดเดี๋ยวนี้!” โจวเต๋อเต้าโมโหจนตาแทบจะถลน ตวาดดังลั่น “ใครก็ได้ ใครก็ได้ รีบช่วยคุณชายเร็วเข้า…หลินก้งเฟิ่งเล่า ทำไมยังไม่มาอีก”

หลี่มู่แค่นเสียงหยัน พลิกมือซัดโจวเต๋อเต้ากระเด็นออกไป แต่ว่ากรรมเกิดจากเหตุ เมื่อมีเหตุย่อมมีผลตามมา เขาไม่ได้สังหารโจวเต๋อเต้า แค่ตบออกไปเท่านั้น จากนั้นนิ้วทั้งห้าประสานปางมือ ดัชนีทั้งสิบคลายออกราวดอกบัวบาน กลิ่นอายประหลาดพร้อมแสงเพลิงสีดำจางๆ แปลงเป็นตราอักขระพิลึกจมหายเข้าไปในร่างของโจวอวี่

ยันต์เป็นตาย

อักขระยันต์แทรกเข้าสู่ร่างกาย เป็นตายแล้วแต่ผู้ลงยันต์

ขอแค่ลงยันต์เป็นตายเอาไว้ ความเป็นความตายก็จะอยู่ในกำมือของหลี่มู่ทันที

วิชาเต๋าตราอักขระนี้ส่งผลคล้ายกับ ‘ยันต์เป็นตาย’ ของสำนักสราญรมย์ในนวนิยายของกิมย้ง แต่วิชาเต๋านี้เลิศล้ำยิ่งกว่า สามารถควบคุมพวกเขาได้เหมือนควบคุมหุ่นเชิด น่ากลัวจนถึงที่สุด ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวคือหากคู่ต่อสู้พลังสูงกว่า เช่นนั้นก็ไม่อาจลง ‘ยันต์เป็นตาย’ ได้ หากฝืนลงยันต์ไปจะไม่เกิดผล ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ

“เจ้าจิตใจเหี้ยมโหด ใจดำอำมหิต ทรมานทำร้ายสตรีคนหนึ่งเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้เป็นร้อยเท่า”

หลี่มู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกน่าขนลุก

หลี่มู่ไม่ได้สังหารโจวอวี่ แต่ทำให้อีกฝ่ายได้สัมผัสความน่ากลัวจากการทรมานของ ‘ยันต์เป็นตาย’

……………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา