ฮวาเสี่ยงหรงถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “ผลแพ้ชนะเป็นอย่างไร?”
“เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ผลแพ้ชนะจะออกมาได้เสียที่ไหนกัน…” ซินเอ๋อร์เอ่ย “น่าจะต้องสู้กันสักสองชั่วยามได้กระมังเจ้าคะ ถึงอย่างไรก็เป็นยอดปรมาจารย์” อันที่จริงนางไม่รู้เรื่องวรยุทธ์ พูดส่งเดชไปล้วนๆ
“คุณชายหลี่เขา…น่าจะชนะกระมัง?” ฮวาเสี่ยงหรงเอ่ยเหมือนพูดกับตัวเอง และก็เหมือนรอคำตอบยืนยันของซินเอ๋อร์
ซินเอ๋อร์พยักหน้ายืนยันมั่นใจ “แน่นอนอยู่แล้ว นั่นเป็นยอดปรมาจารย์หนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งบุ๋นและบู๊เชียวนะเจ้าคะ” นี่ก็เดาส่งเดชเช่นกัน แน่นอนว่าเพื่อปลอบใจคุณหนูของตน วันสองวันมานี้ในเมืองฉางอันลือเรื่องศึกตัดสินของยอดปรมาจารย์ทั้งสองกันให้ทั่ว เรื่องอัตราการวางเดิมพันของบ่อนพนันนางก็พอจะรู้มาบ้าง ไม่มีใครตั้งความหวังกับคุณชายหลี่มู่เลย ดังนั้นนางจึงไม่บอกฮวาเสี่ยงหรง
“คุณหนู ท่านคงไม่ได้ชอบคุณชายหลี่เข้าจริงๆ หรอกกระมัง?” นางหยอกล้อคิกคัก เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ฮวาเสี่ยงหรงหน้าแดง พูดขึ้นว่า “คุณชายหลี่ไม่ว่าจะเป็นกลอนกวีหรือวรยุทธ์ล้วนไร้เทียมทาน ข้ากลัวว่าข้า…จะไม่คู่ควรกับเขา”
ถึงแม้จะเป็นนางคณิกาชื่อดังของหอคณิกาที่มีหน้ามีตา คนนับไม่ถ้วนตามพะเน้าพะนอเอาใจ ปกติคุณธรรมสูงส่งทั้งยังหยิ่งในศักดิ์ศรี ทว่านี่ไม่ได้แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจหรืออย่างไร ไม่ว่าเป็นนางคณิกาชื่อดังของหอคณิกาคนใดก็แค่ใช้ความงามรับใช้คนเท่านั้น ยามอ่อนเยาว์งดงามก็เฟื่องฟูรุ่งเรือง แต่เมื่อแก่ชราก็เงียบเหงาผู้คนร้างหาย ชื่อเสียงดีอีกไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นแค่ของเล่นของบุรุษ
นางคณิกาหลายคนทำตัวคุณธรรมสูงและหยิ่งในศักดิ์ศรีก็เพื่อปณิธานและข้อจำกัดบางอย่าง ยอมหักไม่ยอมงอ แต่ความหยิ่งทะนงนี้ก็มีแค่เพื่อปกปิดความน้อยเนื้อต่ำใจที่ซ่อนอยู่ลึกในใจทั้งนั้น
ฮวาเสี่ยงหรงก็คือหนึ่งในนั้น
วันนั้นหลังจากที่ร่ำลากัน นางก็คิดทบทวน ยิ่งคิดในใจยิ่งหวาดหวั่น
เพราะนางพบว่านอกจากใบหน้าและการร่ายรำ นางก็ไม่มีดีอะไรอีก
สตรีเช่นนี้มีดาษดื่นทั่วไป จะคู่ควรกับชายหนุ่มสง่างามที่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วเมืองฉางอันเช่นนั้นได้อย่างไร?
ความคิดของสตรีราวบทกลอนราวภาพวาด ดุจความฝันดุจเมฆหมอก อารมณ์เปราะบางเป็นที่สุด
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างโมโห “คุณหนู ท่านพูดอะไรน่ะเจ้าคะ สตรีที่เปี่ยมไปด้วยความรู้และความสามารถ ทั้งยังงามล่มชาติล่มเมือง ในเมืองฉางอันหาคนที่สองไม่ได้แล้ว ท่านจะดูแคลนตัวเองไปไย ข้าว่าคุณชายหลี่ชอบพอท่าน แววตาที่เขามองท่านนั้นต่างออกไป”
ระหว่างสนทนา แม่เล้าไป๋เซวียนก็เข้ามา
นางมาอยู่เป็นเพื่อนฮวาเสี่ยงหรง
“แม่นางวางใจเถอะ ข้าให้คนจับตาดูสถานการณ์ที่โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์แล้ว เมื่อมีข่าวจะต้องส่งข่าวมาทันที”
ตอนนี้ ท่านแม่ไป๋เซวียนใส่ใจฮวาเสี่ยงหรงเป็นพิเศษ
หากมองจากมุมของหอสดับเซียน แน่นอนว่านางหวังว่าหลี่มู่จะชนะ
……
“ยังไม่พอ ยังอ่อนแอเกินไป…”
ร่างของหลี่มู่เสมือนสายฟ้า หมัดหนึ่งซัดไปยังกระบี่ยาวมีสี่แฉกทรงประหลาด
หมัดนี้แฝงพลังที่ซ้อนทับเป็นชั้นๆ
ทักษะการส่งพลังกายของหลี่มู่ไปถึงขั้นเลิศล้ำไร้เทียมทานแล้ว เพียงแค่เสี้ยวพริบตาที่หมัดนี้สัมผัส พลังอันน่าครั่นคร้ามก็โจมตีออกไปเป็นระลอกๆ ไม่หยุดดุจคลื่นมหาสมุทรคลั่ง
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หน้าแดง กระบี่ยาวเกือบหลุดจากมือ
ภายใต้ความตกใจ กำลังภายในเปลวไฟทั่วร่างเขาลุกโหม มือซ้ายกดไว้ที่ปลายกระบี่ยาว สองไหล่ออกแรง แต่กลับไม่อาจต้านทานพลังบ้าระห่ำเช่นนั้นได้ ร่างจึงถอยหลังไปไม่หยุด ขาทั้งสองทิ้งรอยยาวสองทางไว้บนเวทีประลอง เศษหินกระเด็นกระดอนทั่ว
ถอยออกมาถึงเจ็ดจั้ง เขาถึงจะหยุดร่างเอาไว้ได้
ทว่าหลี่มู่มาถึงเบื้องหน้าของเขาในช่วงเวลาเดียวกันราวกับเงาตามตัว หมัดหนึ่งโจมตีเข้ามาอีก
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เสียจังหวะ ไม่อาจหลบหลีกไปไหน ทำได้แค่ฝืนรับเท่านั้น
ตูม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกอีกครั้ง
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถูกซัดออกไปนอกเวทีประลองประหนึ่งกระสอบทราย
“อะไรกัน?”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
“ผู้แข็งแกร่งอาวุโสต้านรับไม่ได้?”
“หลี่มู่ยังไม่ได้ใช้กำลังภายในก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว…นี่มันตัวประหลาดชัดๆ”
รอบข้างแตกตื่นฮือฮา
ภาพเช่นนี้ช่างเหนือความคาดหมายของทุกคนยิ่งนัก ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่อยู่ในเดิมพันส่วนมากของบ่อนพนันต่างๆ แต่เดิมควรจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มกลับโดนข่มเอาไว้อย่างสิ้นเชิง และถูกโยนออกมาราวกับกระสอบทราย?
ชื่อเสียงของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ไม่สมคำร่ำลือ?
หรือว่ายอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์ล้ำลึกเป็นคมในฝักกันแน่?
เสียงฮือฮาในสนามรับส่งกันดั่งคลื่นในทะเลกระเพื่อม
กลับกันบนเวทีชมการประลอง สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายยังคงเรียบนิ่ง
กระทั่ง ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงใบหน้ายังแฝงด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเป็นห่วงบรรพชนของตนแม้แต่น้อย
ใบหน้าเจ้าเมืองหลี่กัง หนิงหรูซาน และคนอื่นๆ ต่างไร้คลื่นอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา