จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 174

นั่นไม่ใช่การฟื้นฟูพลังแบบทั่วไป แต่เป็นการระเบิดปะทุอย่างก้าวกระโดด

สิ่งที่ยิ่งประหลาดก็คือ ผิวพรรณที่แต่เดิมเหี่ยวย่น ผมยาวสีแดงเข้ม ขนคิ้วขาวแซมแดงกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาขึ้น ริ้วรอยหายไปหมด ผมเปลี่ยนจากแดงเป็นดำ ขนคิ้วเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ใบหน้า คิ้วตา และร่างกายเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนว่าพลังมหาศาลของเวลากำลังหมุนย้อนกลับอย่างรวดเร็วบนร่างของเขา

เขากำลังเปลี่ยนสภาพเป็นชายหนุ่ม

“พลังแห่งเวลา?” หลี่มู่ตะลึง

เป็นไปไม่ได้

จากคำบอกเล่าของซินแสเฒ่า เวลาและมิติเป็นพลังที่แม้แต่เทพเซียนก็ไม่อาจควบคุมได้

โดยเฉพาะเวลา กระทั่งว่าเป็นปริศนาที่ใหญ่ที่สุดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บุคคลเยี่ยมยอดคนใดก็ไม่อาจหนีคำสาปแห่งกาลเวลาได้ ต่อให้เป็นราชาเซียนจอมเทพผู้สูงส่งก็ไม่ได้เป็นอมตะ ภายใต้พลังแห่งกาลเวลา ทุกสิ่งยากจะหนีจากการเสื่อมถอยเน่าเปื่อย จะสาวงามพิลาสหรือเด็กหนุ่มที่น่าทึ่ง สุดท้ายแล้วก็ล้วนกลายเป็นกองดิน

เวลาดุจดาบสังหารวีรบุรุษ

บนดาววิถียุทธ์ระดับต่ำดวงนี้ ไม่มีทางมีคนที่ควบคุมหลักการล้ำลึกของเวลาได้

‘สภาพของเขากำลังเปลี่ยน พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาฉับพลัน เลือดลมพุ่งพล่าน โครงสร้างร่างกายแข็งแกร่งขึ้น หลุดพ้นจากสภาพชรา…นี่คือการย้อนคืนโครงสร้างของร่างกาย พลังในกายกำลังเพิ่มมากขึ้น พลังชีวิตที่แก่กล้าทำให้เขาเด็กลง เอ๋ ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ อันนี้น่าสนใจ’

หลี่มู่ตกใจมาก

เหมือนคนที่เกือบตายเพราะหิวกระหาย พอได้อาหารและน้ำที่มากเพียงพอก็กระเสือกกระสนฟื้นขึ้นมาจากความตาย บนโลกเคยมีนักวิทยาศาสตร์อธิบายขั้นตอนการตายตามอายุขัยธรรมชาติ คิดกันว่าเป็นการหลั่งไหลออกไปของพลังงานในร่างกาย พูดให้ถูกก็คือการขาดแคลนพลังงานในเซลล์ จึงไม่อาจรักษาชีวิตได้อีกต่อไป

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เดิมชราภาพมากแล้ว แต่เป็นเพราะพลังฝึกแข็งแกร่ง จึงอายุยืนกว่าคนทั่วไปนานอีกนิด แต่ความเสื่อมโทรมของร่างกายเป็นสิ่งที่พลังฝึกขั้นยอดปรมาจารย์ไม่อาจฝืนย้อนคืนได้โดยสิ้นเชิง นี่เป็นกฎแห่งธรรมชาติ นอกเสียจากจะยกระดับคุณสมบัติชีวิตตนได้

หลี่มู่เข้าใจขึ้นอีกมากแล้ว

‘หากเป็นการยกระดับคุณสมบัติชีวิต นั่นไม่ได้หมายความว่า…’

เขาตาลุกวาว เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์

และในขณะเดียวกัน บนเวทีชมการประลอง ผู้แข็งแกร่งที่พลังฝึกล้ำลึกบางคนก็เข้าใจเช่นกัน

“ฟ้าประทาน!”

ร่างอ้วนคล้ำราวเจดีย์เหล็กของไช่จือเจี๋ยผุดยืนขึ้นทันใด ร้องตกใจเสียงหลง

ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายในกองทัพและเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ข้างกายของเขาแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปมาก

ในดวงตาของเจ้าเมืองหลี่กังฉายประกายที่ไม่อาจจับสังเกตได้ นิ้วขยับเบาๆ แต่พริบตาต่อมาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวคิดอะไรอยู่

เจ้าสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์เถี่ยจ้าน เจ้าสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์…

หนิงหรูซานแห่งจวนสุกลหนิง…

ยอดปรมาจารย์ชื่อดังหลายคนในเมืองฉางอันที่มาชมการประลอง…

บนเวทีชมการประลอง ในชั่วขณะนี้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายยากจะสงบนิ่งต่อไปได้ แต่ละคนต่างยืนขึ้นมา สีหน้าตื่นตะลึงขณะมองไปยังเวทีประลองที่พังยับเยิน…

การเปลี่ยนแปลงย้อนวัยที่เกิดขึ้นกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เป็นการยกระดับคุณสมบัติชีวิตอย่างหนึ่ง มีเพียงแค่คำอธิบายเดียวเท่านั้น คือเขาก้าวสู่ขั้นฟ้าประทานแล้ว

ฟ้าประทาน

ในเมืองฉางอันจะมีขั้นฟ้าประทานถือกำเนิดขึ้นอีกท่านหนึ่งแล้ว?

ขั้นฟ้าประทาน ผู้แข็งแกร่งไร้พ่าย

ใบหน้าของ ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงปรากฏความลิงโลด เขารอชั่วเวลานี้มานานเหลือเกินแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา ใบหน้าปิดความหยิ่งยโสและคลุ้มคลั่งไม่มิด

เห็นแล้วใช่หรือไม่?

นี่ต่างหากถึงจะเป็นไพ่ตายที่แท้จริงของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์

บรรพชนของข้าเข้าสู่ขั้นฟ้าประทานแล้ว

ส่วนรอบๆ สนาม หลายหมื่นคนที่ชมการต่อสู้ส่วนใหญ่ยังตั้งตัวไม่ทัน พลังฝึกสายยุทธ์และประสบการณ์ของพวกเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่ได้มีปฏิกิริยาในทันที แต่ในนั้นก็มีคนสายตาเฉียบคมอยู่บ้าง หลังจากอึ้งตะลึงก็ตั้งสติกลับมา ร้องตกใจเสียงหลงอย่างอดไม่ได้

“ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ทะลวงขั้นแล้ว”

“สวรรค์ วันนี้จะได้เป็นประจักษ์พยานการถือกำเนิดของขั้นฟ้าประทานหรือนี่?”

“จบเห่แล้ว ยอดปรมาจารย์หนุ่มน้อยประมาทเกินไป ไม่ได้ชิงโจมตี ให้คู่ต่อสู้ทะลวงขั้นสำเร็จแล้ว”

“ยังมีโอกาส หลี่มู่ลงมือเร็วเข้า”

เสียงต่างๆ ดังผสมปนเปในสนาม ราวกับคลื่นในมหาสมุทรโหมซัดสาด ฟังไม่ชัดว่ากำลังพูดอะไร แต่ความหมายของท่าทางชัดเจนยิ่ง สีหน้าที่แตกต่างกันไปตอนนี้เหมือนแข็งค้างไปแล้ว

ไกลออกไป บนป้ายสำนัก

เทพพยากรณ์พ่นเปลือกเมล็ดแตงโมออกมา “แย่แล้ว ตาเฒ่ากระบี่สวรรค์บรรลุแล้วจริงๆ ขั้นฟ้าประทานเลยนะ หลี่มู่ลำบากแล้ว”

“ตาเฒ่าบ้านี่สำเร็จขั้นฟ้าประทาน โรงฝึกยุทธ์พลังพายุของพวกเรามิต้องกล้ำกลืนฝืนทนรึ? ผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทาน ถึงอย่างไรข้าก็สู้ไม่ได้” หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์ที่ใบหน้างดงามราวเด็กน้อยกลืนแตงโมชิ้นสุดท้ายลงไปในคำเดียวด้วยสีหน้าเกินจริง

นางเช็ดน้ำแตงโมตรงมุมปาก ดวงตากลิ้งกลอก มองไปยังเทพพยากรณ์ผู้ส่งมุกที่ยอดเยี่ยมที่สุดข้างกาย พูดอย่างคล้ายครุ่นคิดอะไรว่า “เจ้าว่าข้าควรกลับไปถอนตัวจากตำแหน่งหัวหน้าแล้วหรือไม่ ตอนที่เจ้าเฒ่านี่มาคิดบัญชี พวกเจ้าคนชั่วจะได้ให้ข้าแบกรับแทนไม่ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา