จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 173

สรุปบท บทที่ 173 โอสถหมื่นโลหิต: จอมศาสตราพลิกดารา

ตอน บทที่ 173 โอสถหมื่นโลหิต จาก จอมศาสตราพลิกดารา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 173 โอสถหมื่นโลหิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ภาพเหตุการณ์ที่แต่เดิมตอบโต้กันไปมา หลังจากหลี่มู่ถอดเสื้อออกก็เสียสมดุลไป ‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถูกสำแดงออกมาไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ควบคุมหลี่มู่ไม่ได้เลย ซ้ำทำให้ตัวเองเหนื่อยแสนสาหัส ส่วนหลี่มู่หลังจากถอดเสื้อแล้ว แค่เพียงสองหมัดก็ทำให้ชายชรากระอักเลือดบาดเจ็บสาหัส

ภาพนี้น่าเศร้าสลดอย่างยิ่ง

คนมากมายต่างเหมือนเห็นการดับสูญของตำนานยอดปรมาจารย์สายยุทธ์เก่าแก่ และก็เหมือนได้เห็นการถือกำเนิดของตำนานใหม่ ยุทธจักรการต่อสู้ คลื่นลูกใหม่กลบคลื่นลูกเก่า มักมีการดับของตำนานเก่าและการเกิดของตำนานใหม่ ไม่มีใครเป็นตัวละครหลักไปตลอดกาล

“ผ่านไปยี่สิบปี พลังของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่มู่”

“หลี่มู่ เจ้าเด็กคนนี้เติบโตแล้ว”

“กระบี่สวรรค์กำลังรบถึงขั้นยอดปรมาจารย์สูงสุดแล้ว หลี่มู่กลับเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังบอกว่าไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดด้วย นี่…หรือเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทาน?”

“จะล่วงเกินหลี่มู่ไม่ได้เด็ดขาด”

ครั้งนี้ ในที่สุดบนเวทีชมการประลองก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป เหล่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่จากขั้วอำนาจต่างๆ เริ่มกระซิบกระซาบกัน ท่าทางตะลึงยิ่งนัก ไช่จือเจี๋ย โจวอีหลิง และเหล่าผู้แข็งแกร่งในกองทัพเผยสีหน้าเคร่งเครียด วิชาหมัดของหลี่มู่อาศัยพละกำลังแข็งแกร่ง บดขยี้ทันที หาช่องโหว่ไม่ได้เลย ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่าตนไร้พลัง

เจ้าเมืองหลี่กังคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ลูกนอกคอกคนนี้ยังไม่ได้สำแดงพลังฝึกวิชาเวทออกมา ซ้ำยังไม่เผยกำลังภายใน หรือว่าจะมีไพ่ตายอื่นๆ อีก?

ใบหน้าของขุนพลใหญ่หนิงหรูซานฉายแววผ่อนคลาย ในใจเริ่มวางแผนบางอย่าง ไม่ว่าจะอย่างไร บุตรนอกสมรสหนิงจิ้งแต่งงานกับเด็กรับใช้ข้างกายมารดาหลี่มู่ เรื่องนี้สำหรับจวนสกุลหนิงล้วนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น

ส่วนเหล่าศิษย์โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์แต่ละคนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

หลายปีมานี้พวกเขากำเริบเสิบสานจนเคยชิน พูดได้ว่าเหิมเกริมเอาแต่ใจ อาศัยอำนาจของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ ส่วนต้นกำเนิดอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโรงฝึกยุทธ์อย่างธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ ตอนนี้ก็โดนซัดจนกระอักเลือด ฝ่ามือแทบใช้การไม่ได้…นี่คือหายนะชัดๆ

‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด

ถึงแม้เขาจะไม่ลนลาน แต่พลังของหลี่มู่ยังทำให้หวาดกลัวเป็นระลอกๆ คิดถึงวันนั้น หากเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะเพราะการตายของจางชุยเสวี่ย จะสังหารหลี่มู่ให้ได้โดยไม่เสียดายว่าต้องแลกด้วยอะไร ยามนี้ผู้อาวุโสทั้งหลายในโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์รวมทั้งตัวเขา น่ากลัวว่าคงตัวเย็นชืดไปแล้วกระมัง?

หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไม่ควรตอแยหลี่มู่จริงๆ

ทว่า ระหว่างทั้งสองฝ่ายตอนนี้คือความแค้นอาฆาต ไม่ตายไม่เลิกรา มาเสียใจภายหลังกับเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้จะต้องสังหารหลี่มู่ให้ได้ มิฉะนั้นโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์นับว่าจบเห่แน่แล้ว

ส่วนประธานสมาพันธ์การค้าโจวเต๋อเต้าที่อยู่บนเวทีชมการประลองเช่นกัน ตอนนี้เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ปาดเหงื่อไม่หยุด ในใจเกิดกลัวภายหลัง เทียบกับจางเฉิงเฟิงแล้วฝังลึกกว่ามาก พอเห็นพลังของหลี่มู่น่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาตระหนักได้ว่าวันนั้นหากไม่ใช่ว่าหลี่มู่รีบร้อนไปโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์เพื่อช่วยเด็กรับใช้อีกคน เกรงว่าสมาพันธ์การค้า และสกุลโจวตอนนี้คงกลายเป็นซากไปแล้ว

การต่อสู้ดำเนินมาถึงตรงนี้ ทุกคนต่างคิดว่าผลแพ้ชนะตัดสินชัดแล้ว

รวมถึงหลี่มู่ด้วย

การประลองเช่นนี้ เขาวาดหวังไว้สูงมาก

แต่ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ทำให้เขาผิดหวัง

ในขณะเดียวกัน เขาก็กำลังขบคิด หากธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์คือตัวแทนของกำลังรบสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาสามารถกำจัดผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของขั้นยอดปรมาจารย์ได้ทั้งหมด

ทว่า…

“ฮี่ๆๆๆ…” ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เลือดกบปาก หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “ยังไม่จบหรอก”

หลี่มู่หรี่ตาลง “ทำไมกัน เจ้าจะให้ข้าซัดเจ้าจนตายจริงๆ รึไง?”

โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ใช้คนเป็นๆ สัตว์เป็นๆ ฝึกกระบี่ที่เขาวงกตใต้ดิน เดิมก็เป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมอยู่แล้ว หลี่มู่ไม่เชื่อว่าธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์จะไม่รู้เรื่องนี้ กระทั่งว่าอาจเป็นธรรมเนียมชั่วร้ายที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นตั้งแต่รุ่นของบรรพชนผู้นี้แล้วก็เป็นได้ หลี่มู่ไม่ได้เห็นตัวเองเป็นผู้กอบกู้โลกผดุงความยุติธรรม แต่หากธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ไม่รู้จักดีชั่ว เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจหากจะสับให้คนชั่วที่มือเปื้อนเลือดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หัวเราะลั่น “ซัดข้าให้ตาย? ผู้เยาว์ เจ้าดีใจเร็วเกินไปแล้ว”

“หืม? เจ้ายังมีพลังเหลืออีก? ถ้างั้นรีรออะไร เชิญเริ่มการแสดงของเจ้าเถอะ” หลี่มู่นึกยินดี

ในใจของเขาเฝ้ารอ ดีที่สุดคือธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เช่นนี้ถึงจะกระตุ้นขีดจำกัดของเขาออกมาได้จริง และขัดเกลาความมุ่งมั่นแรกเริ่มของตนได้อย่างแท้จริง

เคร้ง

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์โยนกระบี่ยาวสี่แฉกทรงประหลาดไปไว้ข้างๆ

ใบหน้าของเขาเหี้ยมเกรียม

เม็ดยาสีแดงเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากอกเสื้อของเขา

เม็ดยาราวกับเลือดสดแข็งตัวเป็นก้อน ข้างในมีแสงแวววาวหมุนวน ส่องประกายสีเลือดเป็นเส้นๆ พร้อมลอยกระจายออกมาข้างนอก ทันใดนั้น กลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งประหนึ่งมีกองศพสูงเป็นภูเขา เลือดไหลนองเป็นมหาสมุทร ทั่วสนามเหมือนย้อมไปด้วยเลือด เสียงกรีดร้องคร่ำครวญของสรรพชีวิตดังออกมาจากเม็ดยาใหญ่ขนาดหัวแม่มือเม็ดนี้

เป็นความรู้สึกชั่วร้ายและแปลกประหลาดมากบางอย่าง

บนเวทีชมการประลอง ผู้ที่พลังฝึกล้ำลึกหลายคน ซึ่งรวมเจ้าเมืองหลี่กังอยู่ในนั้นด้วย เมื่อเห็นเม็ดยาสีแดงเม็ดนั้นก็ราวคิดถึงอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ประกายแสงของเม็ดยาสีแดงส่องกระทบคนเรือนหมื่นที่ชมการประลองอยู่รอบๆ พวกเขารู้สึกว่าความวิงเวียนและความชั่วร้ายกระทบมาที่หัวใจ รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง

“นั่นคืออะไร?”

“ไพ่ตายของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์รึ?”

“เม็ดโอสถ? หรือจะเพิ่มพลังยุทธ์ได้?”

อีกทั้ง ‘โอสถหมื่นโลหิต’ ที่ว่ามีกลิ่นอายชั่วร้าย ข้างในยังมีเสียงคร่ำครวญขอความช่วยเหลือของสรรพชีวิตเป็นพันเป็นหมื่นอยู่แว่วๆ ทั้งยังมีกลิ่นอายสังหาร หลี่มู่ที่ฝึกฝน ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ยิ่งว่องไวกับกลิ่นพวกนี้เป็นอย่างมาก น่ากลัวว่าคงใช้วิธีที่ชั่วช้าสังหารชีวิตไปนับไม่ถ้วนเพื่อหลอมออกมา

หลี่มู่นึกถึงทุกสิ่งที่อยู่ในเขาวงกตใต้ดิน ศพที่กองเป็นภูเขา และยังมีเตาเผาศพที่เผาศพทั้งวันทั้งคืน…ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์มีที่มาที่ไปเป็นปริศนา จะต้องก้าวสู่สายมารแล้วแน่นอน

และในความเป็นจริง สิ่งที่หลี่มู่เดานั้นถูกต้อง

เหตุที่ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์กล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อหาทางลงและให้คำตอบกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่บนเวทีชมการประลองทั้งหลาย

โอสถหมื่นโลหิตชั่วร้าย หากเปิดเผยที่มาที่ไปที่แท้จริงออกมาจะสร้างความโกรธแค้นให้กับมวลชน ชื่อเสียงฉาวโฉ่

แต่ว่า นอกจากเหล่าคนใหญ่คนโตที่สายตาเฉียบแหลมและข่าวสารข้อมูลรวดเร็วแม่นยำเหล่านี้ เป็นหมื่นคนที่เหลือผู้ที่ดูออกก็มีไม่มาก ขอแค่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่คิดเล็กคิดน้อยเกินไปก็ไม่เป็นไรแล้ว เรื่องแบบนี้พวกเขาต่างรู้อยู่แก่ใจ ไม่พูดออกมาก็พอ

“วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงพลังที่แท้จริง”

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์อ้าปากกลืนยาเม็ดนี้ เสมือนกลืนกินวิญญาณที่ดิ้นรนกรีดร้องคร่ำครวญนับพันนับหมื่นลงไปในท้อง

เพียงเสี้ยวขณะ ทั้งตัวเขาก็เหมือนอาบย้อมไปด้วยเลือด สีแดงสดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนผิวบริเวณใบหน้า จากนั้นแผ่ลามไปทั่วทั้งตัวอย่างบ้าคลั่ง นั่นเป็นสีแดงที่น่าประหวั่นพรั่งพรึงยิ่ง ราวกับทาด้วยเลือดของวิญญาณพยาบาทจากนรก แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายประหลาดยากจะบรรยาย

ในขณะเดียวกัน รอยแผลบนร่างธรรมาจารย์กระบี่สวรรครวมถึงเนื้อหนังของสองมือที่หายไปก็ฟื้นตัวในชั่วพริบตา เลือดที่สาดไปบนเวทีประลองลอยขึ้นดุจมีชีวิต ก่อนแปรสภาพเป็นหยดเลือด กลับเข้าไปในปากของเขาราวนางแอ่นกลับรังอย่างไรอย่างนั้น

หลี่มู่ไม่ได้ฉวยโอกาสโจมตี แต่มองดู สังเกต และสัมผัสอย่างสนอกสนใจ

เขาสนใจการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อย่างมาก

การเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ใดๆ ก็ตามแต่ต่างเป็นความลับวิถียุทธ์ของโลกใบนี้ เป็นตัวแทนถึงแก่นแท้ของมัน และแสดงให้เห็นรูปแบบของพลังที่อยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ทุกอย่างเป็นทฤษฎีทั้งสิ้น

เมื่อมีอยู่ แน่นอนว่าย่อมมีหลักการ

“แต่ว่าน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ กลืนเลือดที่กระอักออกมากลับลงไปใหม่”

หลี่มู่จุปากอย่างประหลาดใจ

หลายหมื่นคนที่ชมการต่อสู้ในสนาม รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่และผู้แข็งแกร่งบางคนบนเวทีชมการต่อสู้ ครั้นเห็นภาพนี้แล้วต่างปาดเหงื่อแทนหลี่มู่ เด็กหนุ่มนั้นขาดประสบการณ์จริงๆ บนเวทีประลองสู้เป็นตายเช่นนี้ ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์แค่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังสะสมพลังอยู่ แต่เขากลับไม่ฉวยโอกาสโจมตี รอจนธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ผสานพลังโอสถหมื่นโลหิตได้ ถึงตอนนั้นสถานการณ์ก็อาจกลับตาลปัตรแล้ว

พวกเขาไม่อาจรู้ถึงสภาพจิตใจของหลี่มู่

แต่ทุกคนสัมผัสได้ว่า กลิ่นอายพลังอำนาจของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา