ในใจเหลยอินอินตื่นเต้นสุดขีด
ยามหลี่มู่มายืนอยู่เบื้องหน้านาง ในสมองของนางว่างเปล่า กระทั่งว่าลืมหายใจด้วยซ้ำ
“หา?” ครั้นนางตั้งตัวกลับมาได้ก็รีบยื่นเสื้อในมือออกไป เดิมทีคิดว่าจะพูดอะไรแต่ลืมจนหมดสิ้น
หลี่มู่ยิ้มตบไหล่ของนาง พูดล้อเล่นว่า “เป็นอย่างไร ไม่ได้ทำให้เจ้าผิดหวังกระมัง?”
เหลยอินอินร้องขึ้นอีกครั้ง ประสานกับสายตายิ้มอบอุ่นของหลี่มู่โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไม นางพลันไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว พูดโพล่งออกไป “พอใช้ได้ พอได้กระมัง” พูดจบนางก็เสียใจ ทำไมถึงพูดจาอวดดีออกไปราวผีสิงแบบนี้
เพื่อนนักเรียนหลายคนข้างกายนางต่างร้อนใจ
เหลยอินอินเป็นบ้าไปแล้วกระมัง กล้าพูดจากับใต้เท้าท่านนี้แบบนั้น
ผู้ที่เป็นขั้นฟ้าประทาน สามารถเรียกว่าใต้เท้าได้แล้ว
หลี่มู่หัวเราะลั่นขึ้นมา
“ก็ได้ งั้นครั้งหน้าข้าจะทำให้ดี” เขาพูดยิ้มๆ “ในวันข้างหน้าถ้าเจอเรื่องลำบากอะไรก็มาหาข้าได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลยอินอินอึ้งไปอีกครั้ง
ส่วนคนอื่นๆ รอบกายต่างมองสาวน้อยคนนี้อย่างอิจฉาตาร้อน
เพราะเหตุการณ์ในศึกประลอง ชูธงตะโกนสามสี่ประโยค ก็ได้มิตรภาพจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สังหารขั้นฟ้าประทานได้ อีกทั้งยังเอ่ยปากให้คำสัญญา นี่มันช่างเป็นโชคพลิกชะตาจริงๆ รู้อย่างนี้ตอนที่ประลองพวกเขาช่วยตะโกนให้หลี่มู่ดีกว่า เช่นนั้นตอนนี้ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะได้มิตรภาพของเด็กหนุ่มเช่นกัน
แต่คิดกลับไปอีกที พวกเขากล้าหรือไม่?
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เลื่อนขั้นสู่ขั้นฟ้าประทาน ใครต่างก็คิดว่าเขาต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้พวกเขากล้าให้กำลังใจหลี่มู่ที่ ‘ตายแน่’ เสียที่ไหนกัน? ในนี้มีผลประโยชน์พัวพันอยู่ด้วยย มีแค่สาวกไร้สมองแบบเหลยอินอินเท่านั้นถึงจะกล้าตะโกนสุดเสียงอย่างไม่เกรงกลัวอะไรและไม่หวังอะไร
นี่คือสิ่งที่นางควรได้รับแล้ว
คำพูดประโยคเดียวจากผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานสามารถทำให้ตระกูลเล็กๆ รุ่งเรือง สามารถปกป้องคนคนหนึ่งไปชั่วชีวิต
ได้รับคำสัญญาจากบุคคลเช่นนี้ นับเป็นโชคถึงขนาดไหนกัน
หลายคนลอบวางแผนในใจเรียบร้อย หากไม่อาจคบค้ากับบุคคลยิ่งใหญ่อย่างหลี่มู่ได้ สร้างสัมพันธ์กับบัณฑิตสาวของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ไว้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว เท่ากับมีความสัมพันธ์กับหลี่มู่แบบอ้อมๆ
หลี่มู่มองไปยังสหายทั้งหลายของเหลยอินอิน หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ขอบคุณพวกเจ้าด้วย”
เหล่าคนหนุ่มสาวต่างดีอกดีใจ
หลี่มู่พูดจบ ก็สวมเสื้อคลุมตัวนอกแล้วเดินลงไปจากเวทีชมการประลอง
และในตอนนี้ ผู้ชมบนเวทีชมการประลองก็ไม่กล้าเมินเฉย ลงจากเวทีมาต้อนรับหลี่มู่อย่างนอบน้อม
เจ้าเมืองหลี่กังจากไปก่อนแล้ว คนที่เหลือ นอกจากผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทาน ในยามนี้ก็ไม่มีใครกล้าอวดดีต่อหน้าหลี่มู่ ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานที่แท้จริงแน่นอนว่าไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างยอดปรมาจารย์ทั้งสอง ดังนั้นไม่มีทางมาปรากฏตัวบนเวทีประลองวันนี้แน่ ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายอย่างมากก็เป็นขั้นยอดปรมาจารย์สามสี่คนเท่านั้น ในตอนนี้เผชิญหน้ากับหลี่มู่ต้องก้มหัวให้หลายส่วน
“ขุนนางเมืองหลี่ ยินดีด้วย” ร่างราวเจดีย์เหล็กของไช่จือเจี๋ยเดินมา
หลี่มู่เอ่ย “ก็แค่การต่อสู้ทั่วไปเท่านั้น มีอะไรน่ายินดีกัน”
ไช่จือเจี๋ย โจวอีหลิง และคนอื่นๆ หลังจากอึ้งไปก็หัวเราะออกมา
มนุษย์ล้วนเกลียดชังคนอวดดี แต่หากคนที่มีความสามารถจริงอวดดีกลับรู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว
หลี่มู่คือคนที่ไม่ว่าจะอวดดีอย่างไรก็สมเหตุสมผลอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณชาย” เจิ้งฉุนเจี้ยนก็ทำความเคารพเช่นกัน
หลี่มู่พยักหน้าให้
แล้วยังมีคนบางคนที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างล้วนมาทักทาย ส่วนใหญ่เป็นคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตาอยู่บ้างในเมืองฉางอัน แนวหน้าด้านการเมืองการปกครอง พ่อค้าคหบดี เจิ้งฉุนเจี้ยนแนะนำให้หลี่มู่รู้จักทีละคน หลี่มู่ไม่สนใจอยากคบค้ากับคนพวกนี้เท่าไหร่ ทักทายไปอย่างนั้น
มีแค่ตอนที่แนะนำให้รู้จักกับขุนพลใหญ่หนิงหรูซาน แล้วหลี่มู่เห็นคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งและตงเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังหนิงหรูซาน ถึงได้เผยรอยยิ้มและทักทายก่อนเลย
หนิงหรูซานได้เห็นก็รู้แล้วว่าวันนี้พาบุตรอนุออกมาชมการต่อสู้นับว่าทำถูกแล้ว อีกทั้งยังเก็บเกี่ยวอะไรไปได้อย่างมหาศาล แต่เดิมคิดว่าหลี่มู่ก็แค่ยอดปรมาจารย์ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เด็กหนุ่มจะสังหารได้กระทั่งขั้นฟ้าประทาน เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดคิดโดยแท้
เจิ้งฉุนเจี้ยนพูดถึงความขัดแย้งระหว่างศึกประลองของหนิงหรูซานและจางเฉิงเฟิงโดยไม่พลาดโอกาส ซ้ำพูดเพื่อหนิงหรูซานหลายประโยค
“คารวะขุนพลหนิง” หลี่มู่ทักทายเช่นกัน
หนิงหรูซานยิ้มแย้ม “วีรบุรุษฉายแววแต่วัยเยาว์”
สุดท้าย สายตาของหลี่มู่ก็หยุดลงที่ ‘กระบี่เบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิง
จางเฉิงเฟิงตอนนี้ยังจะมีท่าทางจิตใจฮึกเหิมกำแหงอวดดีแบบก่อนหน้าเสียที่ไหน หน้างอคอตกเหมือนมะเขือมีน้ำค้างแข็งเกาะ เขารู้ว่าหลังผ่านศึกครั้งนี้โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์เคราะห์ร้ายมากกว่าดี แต่เขาก็ไม่กล้าหนีไป เพราะหนีไม่รอดเช่นกัน ด้วยชื่อเสียงและตำแหน่งที่หลี่มู่สร้างขึ้นมาจากศึกนี้ ขอแค่หลี่มู่อยากหาตัวเขา เกรงว่าทางการต้องช่วยเด็กหนุ่มแน่นอน
“ขุนนางเมืองหลี่ โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์…แพ้แล้ว” จางเฉิงเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าน่าสังเวช “นับจากวันนี้เป็นต้นไป สกุลจางของข้า…ไม่กล้าเป็นศัตรูกับท่านอีกแล้ว ทุกที่ที่ขุนนางเมืองไป สกุลจางยินดีหลีกทางให้ ขุนนางเมืองหลี่โปรดยั้งมือ อย่าได้สังหารล้างบางเลย”
หลี่มู่หัวเราะเสียงเย็น
ตอนนี้มาแสดงบทน่าสงสาร?
เมื่อครู่ยังมีความคิดชั่วร้าย คิดจะสังหารชุนเฉ่าและเซี่ยจวี๋อย่างไม่ลดราวาศอกอยู่เลย คนแบบนี้ปล่อยไปไม่ได้
หลี่มู่ชกออกไปหมัดหนึ่ง โจมตีจนจางเฉิงเฟิงลอยออกไป ทำลายกำลังภายในที่เขาลำบากฝึกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา