หลี่มู่มองเห็นก็รู้สึกตกใจ
จู่ๆ ทำไมมีผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์สามคนโผล่มาเสียได้?
ไม่ได้บอกว่าผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์ในเมืองฉางอันรวมกันแล้วก็ไม่เกินสองหยิบมือหรอกหรือ?
สตรีชุดขาวผู้นี้ช่างเป็นตัวก่อเรื่องเสียจริงๆ คราวเดียวก็ยั่วโทสะถึงสามคน
“จับนางเอาไว้”
“อย่าให้นางหนีไปได้”
ท่ามกลางเสียงตะโกน ยอดฝีมือชุดเกราะที่ตามอยู่ข้างหลังยิงธนูและอาวุธลับต่างๆ ไม่หยุด พากันไล่ล่าสังหารสตรีชุดขาว
สตรีชุดขาวแบกกระบี่ยาว เรือนร่างเพรียวลม บินพลิ้วไหวราวเทพเซียน หลบหลีกอาวุธลับเหล่านั้นไปได้ แต่เหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บ ความเร็วในการหนีไม่มากนัก ระยะห่างของนางกับผู้ไล่สังหารใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ฮ่าๆ พิษในกายนางกำลังออกฤทธิ์แล้ว”
“ใต้เท้ามีคำสั่งลงมา ให้จับเป็นนาง”
ทั่วร่างยอดปรมาจารย์ชุดคลุมดำสามคนกะพริบแสงกำลังภายในวูบวาบ ประชิดเข้ามาใกล้อย่าต่อเนื่อง
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
สตรีชุดขาวโดนพิษ?
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แต่นางล่วงเกินผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์ เกรงว่าเรื่องที่สร้างคราวนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล็ก
ทว่า ถูกยอดปรมาจารย์สามคนไล่ล่าสังหารติดๆ กัน ทั้งยังไม่ได้สู้กันซึ่งหน้า แต่ใช้พิษรับมือ คาดว่าพลังของสตรีชุดขาวผู้นี้จะน่ากลัวยิ่งกว่า น่าจะอยู่เหนือการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขา อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์เหมือนกัน
ช่วย หรือไม่ช่วย?
หลี่มู่ค่อนข้างลังเล
แน่นอนว่าเขารู้สึกดียิ่งกับสตรีชุดขาว ตอนนั้นในตำบลสุขสงบ ที่ร้านบะหมี่ของแม่เฒ่าไช่ สตรีชุดขาวผดุงความยุติธรรม เห็นความอยุติธรรมก็เข้าไปช่วยเหลือ เห็นได้ชัดว่าเป็นจอมยุทธ์หญิงที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ภายหลังนางกำจัดพวกอันธพาลหม่าซาน แล้วยังมอบเคล็ดวิชานึกนิมิตรให้แก่เขา ถึงแม้หลี่มู่ตอนนี้จะยังทะลวงระดับขั้นนึกนิมิตรไม่ได้ แต่นี่ก็นับว่าเป็นโชควาสนาอย่างหนึ่ง
ปัญหาก็คือ สตรีชุดขาวแค่ดูก็รู้แล้วว่าฐานะสูงส่ง น่ากลัวว่าคงเป็นชนชั้นสูงของจักรวรรดิหรือเชื้อพระวงศ์อะไรเทือกนี้ หากลงมือช่วยเหลือ ก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการแก่งแย่งชิงดีทางการเมืองในราชสำนักของจักรวรรดิ ในฐานะชาวโลกที่มีอิสระเสรีมาโดยตลอด หลี่มู่เบื่อหน่ายพวกนักปกครองมาก
ทว่า ในชั่วขณะที่เขากำลังลังเล สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
“อึก…” สตรีชุดขาวที่กำลังโบยบินร้องครางเสียงต่ำ ธนูดอกหนึ่งปักบนไหล่ รอยเลือดสีแดงสดย้อมชุดขาว ทำให้ฝีเท้าของนางโซเซจนเกือบล้ม
นางดิ้นรนดีดตัวขึ้นมา และจับพลัดจับผลูพุ่งมาทางเจดีย์หินที่หลี่มู่อยู่
ส่วนยอดปรมาจารย์ชุดดำทั้งสามที่ไล่ตามมาติดๆ ไม่รามือ ตอนนี้ก็พบหลี่มู่ที่ยืนอยู่บนเจดีย์หินก่อนก้าวหนึ่ง
“นางมีพวกมาคอยรับ ระวังอย่าให้หนีไปได้ จับไปพร้อมกันเลย”
ยอดปรมาจารย์ชุดดำที่อยู่ข้างหน้าสุดคนนั้นโบกมือ ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลูกธนูหลายสิบดอกพุ่งมาทางหลี่มู่
คราวนี้ หลี่มู่ไม่ช่วยก็ต้องช่วยแล้ว
เขาหลบลูกธนู จากนั้นฉีกแขนเสื้อมาปิดหน้าตัวเองไว้ แล้วกระโดดขึ้นฟ้าตรงเข้าไปรับมือ
ร่างของเขารวดเร็วอย่างยิ่งยวด
ชั่วขณะที่เฉียดผ่านสตรีชุดขาว เขาพูดเสียงต่ำว่า “เจ้ารีบไป ข้าจะสกัดพวกมันไว้”
สายลมยามราตรีพัดผ้าคลุมหน้าของสตรีชุดขาวเลิกพลิ้วขึ้นมา ดวงตางดงามดั่งดวงดารายามค่ำคืนฉายแววตื่นตะลึง เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าในยามจนตรอกเช่นนี้จะมีคนโผล่มาช่วยจากบนฟ้า
และตอนนี้ หลี่มู่ประหนึ่งสายฟ้าแลบ พุ่งไปสกัดกั้นยอดปรมาจารย์ชุดดำทั้งสามคนนั้นเอาไว้
“ขวางข้า? ตายซะ!”
ยอดฝีมือชุดดำที่เป็นหัวหน้าตะโกนลั่น ฝ่ามือหนึ่งโจมตีออกไป
กลางท้องฟ้า เสียงประหลาดดั่งเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้น ปะปนมาด้วยกลิ่นเหม็นคาวราวศพเน่าก็ไม่ปาน พลังฝ่ามือดุจคลื่นน่าสะพรึงกลัวพุ่งโจมตีมายังหลี่มู่
เขามั่นใจมากว่าสามารถโจมตีผู้ขัดขวางให้บาดเจ็บได้ในฝ่ามือเดียว
ในเมืองฉางอัน คนที่สามารถรับ ‘คลื่นคลั่งซากกระดูก’ ได้นั้นมีอยู่ แต่ไม่ใช่เจ้าเด็กที่จู่ๆ โผล่มาเบื้องหน้าคนนี้แน่
แต่ทว่า…
“ลูกไม้ตื้นๆ”
หลี่มู่รวบนิ้วชิดดุจดาบ ก่อนพลิกมือโจมตีออกไป
ประกายดาบสายหนึ่งราวกับไหมสีเงินแหวกท้องฟ้า ผ่าพลังฝ่ามือกลิ่นคาวคลุ้งของยอดปรมาจารย์ชุดดำออกเป็นสองส่วน ประกายดาบไม่ขาดสายโจมตีโดนยอดปรมาจารย์ชุดดำจนกระเด็นออกไปไกลท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน เลือดสดๆ สาดกระเซ็น รอยดาบเส้นหนึ่งบนร่างเด่นชัด ปากก็กระอักเลือด เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“อะไรกัน?”
“เป็นไปไม่ได้”
ยอดปรมาจารย์ชุดดำสองคนที่เหลือตกตะลึง
“ท่านเป็นใครมาจากไหน?” ยอดปรมาจารย์ชุดดำอีกคน ใบหน้าฉายแววเคร่งขรึม ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
หลี่มู่ม้วนตัวกลางอากาศ กลับมายังเจดีย์หิน เศษผ้าปิดหน้าปิดตาไว้ เหลือแค่ดวงตาให้เห็น ในน้ำเสียงไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย อีกทั้งค่อนข้างแหบแห้ง เอ่ยว่า “ไม่อยากตายก็ไสหัวไป”
เขาไม่อยากสู้กับคนพวกนี้
สตรีชุดขาวถูกพิษ ไปไหนได้ไม่ไกล จำต้องไปช่วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา