ฟ้าสว่าง นกน้อยร้องขับขาน
สตรีชุดขาวได้สติตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงตื่นตกใจ
นางพลิกตัวขึ้นมาทันที ใบหน้างดงามไร้ที่ติตึงเครียดถึงสุดขีด ระวังตัวทันใด แต่เมื่อมองดูสภาพรอบๆ จนชัดเจนแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจแทน
“ที่นี่ที่ไหน?”
นางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน รู้สึกว่าเลือดลมในกายยังคงอ่อนกำลังอยู่บ้าง
ใต้ร่างของนางเป็นหญ้าแห้งๆ ชั้นหนึ่งปูอยู่บนก้อนหินราบเรียบเหมือนกับเตียง ไม่มีของจำพวกโซ่ตรวนเหมือนในจินตนาการ นางพบว่าพิษในร่างกายถูกขจัดออกไปหมดแล้ว สภาพแวดล้อมรอบด้านชัดเจน ไม่เหมือนอยู่ในคุกใต้ดินที่เอาไว้ขังนักโทษ
“เจ้าฟื้นแล้ว?”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างๆ
นางมองไปอย่างระแวดระวัง
กลับเห็นบนหาดของทะเลสาบห่างออกไปไม่ไกลนัก มีเด็กหนุ่มผมสั้นใบหน้าอมยิ้มนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง กำลังก่อกองไฟ ใช้ไม้ปลายแหลมเสียบปลาสีขาวตัวโตสองตัวย่างจนน้ำมันไหลเยิ้ม กลิ่นปลาหอมฉุยลอยฟุ้งไปทั่วริมทะเลสาบ
“เจ้าคือ เจ้าคือ…เณรน้อยเหลวไหลผู้นั้น?”
สตรีชุดขาวตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคืนวานนางโดนพิษและหลบหนีมา สายตาได้รับผลกระทบ แค่รู้สึกเลาๆ ว่ามีคนช่วยเหลือตนไว้ แต่มองไม่ออกว่าเป็นใคร ครั้นเห็นหลี่มู่ในตอนนี้ และคิดเชื่อมโยงกับภาพเหตุการณ์รางเลือน ก็นึกได้ทันทีว่าเป็นเณรน้อยที่เคยได้พบหน้ากันครั้งหนึ่งที่ตำบลสุขสงบช่วยตนเองเอาไว้
“อมิตาพุทธ สีกา พวกเราเจอหน้ากันอีกแล้ว อาตมาขอคารวะ” หลี่มู่ทักทายไปตามน้ำ
ก็ดี เขาเองไม่อยากเปิดเผยตัวตนเหมือนกัน ในเมื่อสตรีชุดขาวยังมองว่าตนเป็นเณรน้อย เช่นนั้นก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงต่อไป
สีหน้าระแวดระวังบนใบหน้าของนางจางลงไปเยอะ
“เมื่อคืนเป็นเจ้าที่ช่วยข้า?”
นางรู้สึกตกใจมาก เพราะนางรู้ดีว่าขั้วอำนาจที่ไล่ล่าสังหารตนคือยอดปรมาจารย์สามคน รวมกับนักรบชุดเกราะระดับปรมาจารย์อีกสิบกว่าคน เณรน้อยกลับช่วยตนจากการไล่สังหารของคนมากมายขนาดนั้นมาได้? อีกทั้งดูท่าทางเณรน้อยไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทั่วร่างไม่มีบาดแผล เขาทำได้อย่างไร?
“ใช่แล้ว” หลี่มู่พยักหน้ายบอก “อมิตาพุทธ ตอนนั้นอาตมาแค่ผ่านทางไป ก็กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้า ถูกพี่ใหญ่ของ ‘สามมารหลงเหยียน’ คนนั้นลงมือทำร้ายเอา อาตมาเลยต้องโต้ตอบ แล้วก็ช่วยสีกามาด้วยเสียเลย”
“เจ้าหนีจากการล่าสังหารของพวกเขามาได้อย่างนั้นรึ?” สตรีชุดขาวลุกขึ้นช้าๆ ขณะรับรู้สภาพร่างกายของตนก็ยังคงยากจะเชื่อ
“ผิดแล้ว” หลี่มู่กลับปลาย่าง ก่อนจะเอ่ย “ไม่ใช่หนีจากการไล่สังหารของพวกเขา แต่ซัดจนพวกเขาฉี่ราดแล้วหนีออกมาต่างหาก เฮ้อ พุทธองค์ทรงเมตตา อมิตาพุทธ บาปกรรม บาปกรรม อาตมาก็ยังพลั้งมือ ไม่ทันระวังสังหารไปสิบกว่าคน”
“เจ้า…” สตรีชุดขาวอับจนคำพูด
เณรน้อยสมญานามทางธรรมว่าเหลวไหลคนนี้ ช่างเป็นตัวสร้างสีสันจริงๆ
“เมื่อคืนวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นเจ้าที่กำจัดพิษในกายของข้าไปใช่หรือไม่?” นางรู้สึกว่าร่างกายของตนไม่ผิดปกติ กำลังภายในฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดใจก็โล่งลงไปเยอะ จากนั้นจึงเดินไปยังหาดทีละก้าวๆ ท่าทางผ่อนคลายมาก
หลี่มู่ยื่นปลาที่ย่างสุกแล้วพร้อมไม้ไปให้นางตัวหนึ่ง แล้วเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้นางฟัง
“เจ้าสังหารเจ้าสองเจ้าสามของ ‘สามมารหลงเหยียน’? แล้วยังสังหารนักรบชุดเกราะพวกนั้น?” สตรีชุดขาวตกใจเป็นอย่างยิ่ง ย้อนถามอย่างอดไม่ได้
“มีอะไรไม่ได้หรือ?” หลี่มู่ถาม “อาตมาเป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของวัดต้าหลุนแห่งภูเขาหิมะ อาจารย์ของอาตมาวิทยราชจิวหมอจื้อแห่งต้าหลุนคือผู้แข็งแกร่งยอดปัญญาที่ไร้ใดเทียมแห่งยุค ท่าทางของสีกาเหมือนจะสงสัยในคำพูดของอาตมามากนะ”
สตรีชุดขาวพูดไม่ออก
ถึงแม้เณรน้อยจะพูดอย่างน่าเชื่อถือ แต่ทำไมฟังแล้วรู้สึกว่าดูเชื่อไม่ได้ขนาดนั้นกันนะ
“แล้วก็นะ สีกา จุดที่เจ้าสนใจไม่ควรอยู่ที่เลือดของข้าสามารถแก้พิษให้เจ้าได้หรอกหรือ?” หลี่มู่แทะปลาสีขาวตัวใหญ่อย่างออกรสชาติ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ทุกสิ่งบนดาวดวงนี้ล้วนแต่อุดมสมบูรณ์ ไม่ถูกมนุษย์รบกวน น้ำในทะเลสาบใสสะอาด ปลาสีขาวทั้งตัวอ้วนทั้งโง่ จับได้ง่ายมาก ถึงแม้เขาจะไม่มีเครื่องปรุงอะไร แต่ย่างสุกแล้วรสชาติก็ยังไม่เลวเลย
สตรีชุดขาวตะลึงไป พยักหน้าพูดขึ้นว่า “จริงด้วย เลือดของเจ้าทำไมจึงแก้พิษประหลาดนั่นได้?”
หลี่มู่พูดอย่างสัตย์จริง “พูดตามตรง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเกี่ยวกับตอนข้ายังเด็กเคยจับงูเหลือมกินเข้าไปเยอะที่เขาหิมะ หรือไม่ก็เกี่ยวกับที่ก่อนหน้านี้ข้าดื่มเลือดของเจียวซึ่งใกล้จะแปลงเป็นมังกรกระมัง…”
สตรีชุดขาวไร้ซึงคำพูด
พูดก็เหมือนไม่พูดกระมัง
นางกินปลาย่างเข้าไปคำหนึ่ง รสชาติยังติดอยู่ในปาก รู้สึกว่าหอมละมุนอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เพราะเมื่อวานบาดเจ็บอีกทั้งโดนพิษ ดังนั้นร่างกายจึงอ่อนแอ ท้องร้องโครกคราก กินปลาย่างในมือหมดเกลี้ยงโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเป็นนักบวชไม่ใช่หรือ? ไยจึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิต? ซ้ำยังกินปลาอีก” สตรีชุดขาวถามเสร็จก็พลันนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกอันธพาลในตำบลสุขสงบ ก่อนตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองกำลังถามไปเปล่าๆ เณรน้อยคนนี้พูดจามากความ เหตุผลไม่เข้าท่ามากมายนัก เป็นพวกพูดมากโดยแท้ เอ่ยแล้วไม่จบไม่สิ้น ครั้นเห็นหลี่มู่เตรียมอ้าปากบอกว่าจะอดอาหาร นางจึงรีบโบกมือด้วยสีหน้าตื่นๆ “ช่างเถอะ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้แล้ว”
“อ้อ…” คำอธิบายยาวเหยียดที่หลี่มู่เตรียมเอาไว้ถูกกลืนกลับลงไปในท้อง
อันที่จริง ในใจของเขานั้นมีแผนร้าย ยังชอบหยอกล้อสตรีชุดขาวที่ราวกับเทพธิดาผู้นี้เลียนแบบพระถังซำจั๋งซึ่งพูดจาไม่รู้จบรู้สิ้น
หลี่มู่กินปลาย่างในมือหมดก็กระโดดตูมลงไปในทะเลสาบ ครู่หนึ่งก็จับปลาสีขาวตัวใหญ่ขนาดกำลังพอดีขึ้นมาอีกหลายตัว เขาควักไส้อย่างชำนาญแล้วเสียบย่างอีก
สายลมภูเขาพัดมา
ต้นไม้ไหวเอนดังกระหึ่ม ยามนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศจึงนับว่าค่อนข้างหนาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา