“อะไรนะ?” ผู้บัญชาการหนุ่มอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะลั่น สุดท้ายหัวเราะจนน้ำตาไหล “ฮ่าๆๆ เจ้า? ฮ่าๆ น่าขันนัก ไม่นึกว่าข้าจะเจอ…ฮ่าๆ…เจอคนที่อวดดีกว่าข้าอีก….อวดดีกว่าข้า ไอ้หนู เจ้าคือกฎหมายรึ ฮ่าๆ เจ้าอาศัยอะไรมาพูด?”
“เจ้าล่ะ อาศัยอะไร?” หลี่มู่ถาม
“ข้าน่ะหรือ? ฮ่าๆ ก็อาศัยที่ข้าแซ่ฉิน อาศัยว่าในกายข้ามีเลือดของเชื้อพระวงศ์ไหลเวียน” ชายหนุ่มทำหน้าตาเยาะเย้ยกล่าว “เป็นอย่างไร เหตุผลนี้พอไหมเล่า?”
“ไม่พอ” หลี่มู่ส่ายหน้า “ต่อหน้าข้าไม่ใช่แค่ไม่พอ แต่ยังห่างชั้นอีกไกล”
“หืม?” ชายหนุ่มหรี่ตา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเสียดสีบางๆ “ต่อหน้าเจ้าไม่พอ อย่างนั้นบอกมาซิว่าเจ้าอาศัยอะไร?”
หลี่มู่เหวี่ยงหมัดของตน ตอบว่า “ข้าอาศัยเจ้านี่”
พูดจบก็ซัดฝ่ามือออกไปทันที
กระแสลมแรงพัดกวาด
“รนหาที่ตาย”
ใบหน้าผู้บัญชาการหนุ่มฉายแววเหี้ยมโหด กลิ่นอายเปลี่ยนไปทันที แววตาราวกับมีดาบกระบี่พุ่งออกมา ข้างในกายกำลังภายในเอ่อล้น เมื่อยกมือขึ้น ฝ่ามือข้างขวารวมแสงสีม่วงทองออกมาแล้วซัดไปยังฝ่ามือของหลี่มู่
“ระวัง…” อู๋เป่ยเฉินเตือนเสียงดังอยู่ข้างๆ
เขาเคยสัมผัสธนูที่ผู้บัญชาการหนุ่มคนนี้ยิงมาก่อน รู้ว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนไม่เอาถ่าน เอื่อยเฉื่อย และกำเริบเสิบสาน แท้จริงแล้วเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ อย่างน้อยก็อยู่ขั้นยอดปรมาจารย์ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ตูม!
ฝ่ามือปะทะกัน พลังปราณทะลักล้น
กร๊อบ
เสียงกระดูกแตกดังก้อง
ประกายแสงประหลาดสีม่วงทองบนฝ่ามือของผู้บัญชาการหนุ่มหายไปสิ้น ข้อศอกแขนขวาบิดงอเป็นมุมที่น่าพรั่นพรึง เห็นได้ชัดว่ากระดูกหักแล้ว
“เจ้า…” เก้าอี้ที่ผู้บัญชาการหนุ่มนั่งถูกสะเทือนจนกลายเป็นผุยผง แต่ว่าเขาก็ตั้งตัวทัน ใช้ท่าร่างอันแปลกประหลาดถอยไปข้างหลัง จากนั้นลุกยืนขึ้นมองข้อศอกที่บิดงอของตน ทั้งตกใจทั้งโมโห ก่อนเงยหน้าจ้องหลี่มู่พลางพูดลอดไรฟัน “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไร?”
“ข้ารู้ แต่เจ้าไม่รู้” หลี่มู่แปลกใจเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้อย่างมากสุดก็ไม่เกินสามสิบ พลังกลับแข็งแกร่งเกินคาด ฝ่ามือเมื่อครู่ไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามพิการ แต่ว่าเขาไม่ลังเล ก้าวออกไปซัดอีกฝ่ามือหนึ่ง
ตูม!
กลางสายลมกระโชกที่ทะลักออกมา การป้องกันของผู้บัญชาการหนุ่มถูกทำลายลง ฝ่ามือหนึ่งประทับที่หน้าอก
กร๊อบ กร๊อบ
ท่ามกลางเสียงกระดูกหัก ที่หน้าอกของเขามีรอยฝ่ามือชัดเจนปรากฏขึ้น กระดูกหน้าอกและซี่โครงหักไปไม่รู้กี่ท่อน ทำให้กระอักเลือดออกมา ยืนได้ไม่มั่นอีกต่อไป และอ่อนแรงทรุดลงบนพื้น
“พลังฝึกแค่นี้ยังกล้าทำผิดทำนองคลองธรรมในเมืองฉางอัน เจ้านี่มันรนหาที่ตายจริงๆ” หลี่มู่ส่ายหน้า
ผู้บัญชาการหนุ่มหน้าซีดเผือด กระอักเลือดออกมา แต่ใบหน้ากลับไม่มีแววหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาโมโหจนหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ดี ฮ่าๆๆ ดีจริงๆ ข้าโตขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนกล้าซัดข้า ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้าแน่ หวังว่าอีกสักครู่เจ้าจะยังแน่ต่อไป”
เขาไม่ยี่หระอะไร
คนรอบๆ บางคนรู้ภูมิหลังของผู้บัญชาการหนุ่มคนนี้ จึงล้วนมองไปยังหลี่มู่ด้วยใบหน้าเห็นใจ
ยั่วโทสะคนในราชวงศ์จักรวรรดิ ต่อให้พลังแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เด็กหนุ่มคนนี้วู่วามเกินไปแล้ว
“ฮ่าๆ ได้สิ วันนี้เจ้าสนใจเรื่องเรียกที่พึ่งหรือไพ่ตายของเจ้าออกมาให้หมดก็พอ ข้าให้เวลาเจ้า เจ้าไปหาคนซะ เรียกพวกที่เจ้าเรียกมาได้มาให้หมด ข้าจะดูสิว่าใครที่ให้ความกล้ากับหมาบ้าอย่างเจ้า” ในใจหลี่มู่มีจิตสังหารคุกรุ่นแล้ว “อย่าพูดว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า ตอนนี้ไปหามาเลย”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ คนรอบๆ ต่างตกใจ
อะไรกัน?
ฟังจากคำพูดแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ก็มีภูมิหลังยิ่งใหญ่เหมือนกันหรือ?
ผู้บัญชาการหนุ่มอึ้งงัน อดไม่ได้ที่จะมองหลี่มู่หลายครั้ง ในสมองคิดถึงรายชื่อคนรุ่นเยาว์ที่ไม่อาจล่วงเกินได้ในจักรวรรดิฉินตะวันตกตอนนี้ แต่กลับไม่มีคนไหนตรงกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้เลย “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
หลี่มู่ก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน
เขาหมุนตัวไปหยิบธูปดอกหนึ่งจากกระถางธูปออกมา แล้วปักลงไปในพื้นหิน “ธูปดอกนี้ไหม้ไปแล้วหนึ่งในสี่ ยังเหลืออีกสามในสี่ ภายในเวลาที่เหลือนี้ เจ้าจงไปหาคนที่เจ้าหามาได้ให้หมด ดูสิว่าจะช่วยชีวิตสุนัขอย่างเจ้าได้หรือไม่”
ผู้บัญชาการหนุ่มจ้องหลี่มู่เขม็ง ก่อนจะหัวเราะเสียงเยาะหยัน “ขู่ข้ารึ? อะฮ่าๆๆๆ ข้าฉินหลินไม่ได้ตกใจกลัวเสียหน่อย ได้ เจ้ารอข้าก่อน…ใครก็ได้” เขาเรียกนายทหารคนสนิทมาหลายคน กำชับอะไรที่ข้างหูแล้วจึงเอ่ย “รีบไป เรียกมาให้หมด”
คนสนิทสิบกว่าคนพุ่งออกไปจากถนนซุ้มประตูสุสานทหารอย่างรีบเร่ง
“เจ้าพันทาง รอก่อนเถอะ” ฉินหลินเอ่ย “ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าคนแบบไหนที่ไม่ควรล่วงเกิน”
“ได้ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” หลี่มู่พูดเน้นทีละคำทีละประโยค
กล่าวจบเขาก็มองหัวหน้าทหารหนวดเคราครึ้มคนนั้น
ฝ่ายหลังถูกสายตาของเด็กหนุ่มกวาดผ่าน ก็สัมผัสได้ถึงความไม่สู้ดีทันที แข้งขาสั่นขึ้นมา
“เจ้า” หลี่มู่ชี้เขา บอกว่า “มานี่ คุกเข่าขอโทษเสีย”
หัวหน้าทหารหนวดเคราครึ้มเผยสีหน้าหวาดหวั่น มองผู้บัญชาการหนุ่มแวบหนึ่ง แล้วจึงยืดคอเอ่ย “เจ้านับเป็นตัวอะไรได้ จะให้ข้า…”
เสียงพูดไม่ทันขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา