“ข้ารู้สึกเหมือนเนื้อตัวเบาหวิว จะลอยตามลมไปแล้ว…” ฮวาเสี่ยงหรงลืมตา ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ รู้สึกเหมือนทั้งตัวมีพลังเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกสบายเช่นนี้ไม่ใช่ความรู้สึกสบายอย่างที่นอนเต็มอิ่มแล้วตื่นขึ้นมา แต่เหมือนโลกทั้งใบที่อยู่ต่อหน้าของตนสวยสดงดงามขึ้น นางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผลจากวิธีการหายใจแบบนี้ช่างชัดเจนยิ่งนัก…”
ท่าทางอย่างสาวน้อย น่ารักไร้เดียงสา
หลี่มู่พูดขึ้น “ยึดตามวิชานี้ ขอแค่มีเวลาก็ฝึกฝนทุกวัน อีกไม่นานก็จะเป็นสุดยอดฝีมือที่เกรียงไกรใต้ผืนฟ้าได้แน่นอน” เขาคาดหวังในตัวฮวาเสี่ยงหรงมากนัก
ฮวาเสี่ยงหรงตาเป็นประกาย บิดขี้เกียจเล็กน้อย ท่วงท่าชวนให้หลงใหล “ขอแค่ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ข้าก็พอใจแล้ว” พูดจบใบหน้าเรียวขาวผ่องก็แดงระเรื่อ พวงแก้มแดงปลั่ง น่ารักเป็นอย่างยิ่ง
นี่นับว่าบอกความในใจกับหลี่มู่แล้ว
จิตใจที่ทะนงตนของหลี่มู่ในฐานะหนุ่มซิงไปถึงจุดเต็มอิ่มจนถึงขีดสุด
เขาบอก “อีกครู่หนึ่งเจ้าให้ซินเอ๋อร์ไปบอกกับท่านแม่ไป๋ คืนนี้ข้าจะค้างอยู่ที่หอสดับเซียน ให้นางอย่าได้มารบกวนอีก…”
“เอ๋…คุณชายจะค้างคืนที่นี่?” ฮวาเสี่ยงหรงร้องตกใจ ใบหน้าร้อนวาบ ดวงหน้ายิ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด เสียงสั่นเล็กน้อย ท่าทางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก
หลี่มู่อึ้งไป ก่อนตั้งสติกลับมาได้ทันที ฮวาเสี่ยงหรงเข้าใจความหมายของตัวเองผิดแล้ว
แต่ก็เห็นนางก้มหน้าลงอย่างน่าเอ็นดู นิ้วเรียวงามม้วนผมของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พูดเสียงเบาเหมือนยุงว่า “ที่จริง…ที่จริงข้า…ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนของคุณชายตั้งนานแล้ว ข้า…จะให้ซินเอ๋อร์ไปบอกเดี๋ยวนี้”
นางลนลานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังตื่นเต้นหน่อยๆ
ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้นเหมือนกวางน้อยที่ตกใจ อายจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
ถึงแม้จะเป็นนางคณิกาคนดังที่นามระบือไปไกล แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่สาวน้อยอายุสิบหกเท่านั้น ยังไม่เคยผ่านเรื่องราวทางโลก แต่กลับเข้าใจอะไรมากกว่าเด็กสาวทั่วไป นางรู้ว่าค้างคืนหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงยิ่งขวยเขิน
เป็นความเขินอายของสตรีพรหมจรรย์
หลี่มู่ซาบซึ้งใจ
โลกใบนี้ไม่ได้เปิดกว้างเหมือนกับดาวโลกที่จะคบกันแบบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนได้ โดยเฉพาะจักรวรรดิฉินตะวันตกที่จารีตประเพณีเคร่งครัด ผู้หญิงคนหนึ่งตอบรับคำขอร้องเช่นนี้ของฝ่ายชาย นั่นหมายความว่านางรักชายคนนี้เป็นที่สุดจริง และอยากจะมอบทุกสิ่งให้ด้วยใจรักมั่น
ตัวข้าท่องไปไม่หยุดใต้หล้า มิควรค่ากับความรักที่มอบให้
บุญคุณของสาวงามยากจะรับไว้จริงๆ
จิตใจหลงตัวเองของหลี่มู่ได้รับการเติมเต็ม นอกจากความซาบซึ้งก็อดรู้สึกถึงความกดดันไม่ได้
ความรู้สึกที่เขามีต่อฮวาเสี่ยงหรง ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?
เป็นความรักหรือ?
เขาก็ไม่แน่ใจ
แต่ยามว่างจากการฝึกก็จะคิดถึงนาง นี่คือเรื่องจริง
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขบคิดปัญหาพวกนี้อย่างเห็นได้ชัด
เขารีบอธิบาย “ฮวาเอ๋อร์ ข้าจะต้องจากเมืองฉางอันไปทำธุระอะไรสักหน่อย ทว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าไปแล้ว จึงอยากจะสร้างสถานการณ์ลวงว่าข้าค้างคืนที่นี่…” หลี่มู่พูดๆ ไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่า…บ้าเอ๊ย แผนที่ตัวเองคิดขึ้นมาช่างแย่จริงๆ หากเป็นแบบนี้ ความบริสุทธิ์ของนางก็นับว่าพังลงในมือตนแล้ว
ฮวาเสี่ยงหรงได้ยินก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่ นางร้องอ้อแล้วรีบเอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คุณชายวางใจได้ ข้าให้ความร่วมมือกับท่านแน่นอน” นางไม่มีแม้แต่คำกล่าวโทษเลยสักนิด อันที่จริงนางดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยหลี่มู่ได้
หลี่มู่ถอนหายใจอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เขายื่นมือไปจับมือเล็กๆ ของนางเอาไว้อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะบีบเบาๆ
ฮวาเสี่ยงหรงเผยสีหน้าอ่อนโยน กลิ่นอายราวดอกกล้วยไม้ นางไม่ขัดขืน ปล่อยให้หลี่มู่จับมือของตนเอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเพศตรงข้ามหลังจากเติบโตมาถึงขนาดนี้ แต่ไม่มีความรู้สึกตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกหรืออึดอัดใดๆ อย่างน่าประหลาด กลับกันความอบอุ่นที่ส่งมาจากมือของหลี่มู่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ฝึกฝนวิธีหายใจที่ข้าสอนให้ดี หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็รอข้ากลับมาก่อน”
หลี่มู่ลุกขึ้นยืน
เขาโคจร ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของฮวาเสี่ยงหรง กล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนย้าย กระดูกเปลี่ยนไป สุดท้ายก็กลายเป็นชายหน้ายาวดูแล้วอายุราวๆ สามสิบกว่า จากนั้นก็สำแดงวิชาเต๋า ปกปิดกลิ่นอายของตน และไปจากหอสดับเซียนอย่างเงียบงัน
……
วันที่สองตอนบ่าย
ฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์สาดส่อง
ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์สุขสงบ ทุกแห่งตกอยู่ในบรรยากาศปีติยินดีแห่งการเก็บเกี่ยว
อำเภอขาวพิสุทธิ์นับว่าเป็นเมืองภูเขาครึ่งหนึ่ง การเกษตรปลูกเป็นแบบนาขั้นบันไดเป็นหลัก ดีที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติมาก ระบบน้ำพัฒนา การรดน้ำจึงไม่ใช่ปัญหา รวมกับปีนี้ปริมาณน้ำฝนนับว่าสมบูรณ์ ผลเก็บเกี่ยวของไร่นาจึงไม่เลวเลย
รถม้าเดินทางมาบนถนนสายหลักนอกอำเภอโดยราบรื่นตลอดทาง
“อากาศดีจริงๆ เลยนะ” มารดาหลี่มู่นั่งอยู่ริมหน้าต่างรถม้า เมื่อมองไปยังมวลทะเลภูเขาเขียวด้านนอก ก็รู้สึกแบบนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เมืองฉางอันก็นับว่าเป็นสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงามมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับทิวเขาขาวพิสุทธิ์ยังห่างชั้นอีกไกลนัก เขาขาวพิสุทธิ์ที่ใบไม้ต้องลมพลิ้วไหวราวกับแดนเซียนบนโลกมนุษย์ เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่สร้างจากอิฐกระเบื้องซึ่งมองเห็นได้จากไกลๆ สวยงามแบบโบราณ ก็ดูประหนึ่งวังของเซียนในแดนเซียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา