ห้องฝึกยุทธ์ที่ด้านหลังจวนผู้ว่า
หลี่มู่นั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง กำลังกำหนดจิตไปที่ตา จมูก ลมหายใจเข้าออก ฝึกฝนพลังก่อนกำเนิด
ชำระล้างเลือดงูในกายของเขา
หลี่มู่รู้สึกได้ชัดถึงการทำงานของพลังก่อนกำเนิด ความเจ็บปวดจากเลือดงูชนิดนี้ที่เหมือนไฟแผดเผาแขนขาทั้งสี่และกระดูกภายในตัวค่อยๆ จางหายไป แล้วเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่สบายเหมือนกำลังอาบน้ำพุร้อนไปทั่วร่างกาย
งูประหลาดที่ซือคงจิ้งเรียกว่ามังกรเขียวถูกเลี้ยงไว้ในพรรคเสินหนง มันถูกเลี้ยงด้วยยาชั้นดีทำจากกรรมวิธีลึกลับ เกือบซึมลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณ บนหัวงูมีเขางอกออกมา กำลังจะกลายร่างเป็นมังกรแล้ว สำหรับจอมยุทธแล้ว มันมีค่าเป็นอย่างมาก สามารถกระตุ้นเลือดลม เพิ่มกำลังภายใน รวมไปถึงเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ จากนั้นก็จะสามารถต้านพิษได้เกือบทั้งหมด พูดได้ว่าตั้งแต่หัวจรดหางเป็นของล้ำค่าทั้งสิ้น
ซือคงจิ้งทุ่มแรงเลี้ยงมันมานานกว่าสิบปีเตรียมที่จะนำมันมาเพิ่งพลังของตนเอง
หากไม่มีเรื่องในวันนี้ เกรงว่าเขาคงดื่มเลือดงูไปแล้ว ท้ายที่สุดกลับเป็นโชคของหลี่มู่แทน
เวลาผ่านไป
พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว
ร่างกายหลี่มู่มีไอน้ำสีขาวพวยพุ่งออกมา ทั่วร่างเสมือนอาหารที่กำลังนึ่ง มีไอร้อนออกมาจากทุกรูขุมขน
อุณหภูมิในห้องฝึกยุทธ์เพิ่มขึ้นหลายองศา
“ฟู่…” เขาหายใจออกยาวๆ เขาเปิดตาและยืนขึ้นช้าๆ รู้สึกสบายไปทั่วร่าง
โดยเฉพาะบริเวณไหล่ที่บาดเจ็บ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
เมื่อหลี่มู่ดึงผ้าพันแผลออกก็ต้องตกใจเมื่อหันไปมองดู
“หืม? อาการบาดเจ็บได้รับพื้นฟูเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่เหลือรอยแผลเลยแม้แต่น้อย?”
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาเป็นอย่างมาก
เพราะการบาดเจ็บจากลูกธนูเป็นแผลลึก จากนั้นเขายังแสร้งทำเก่งดึงลูกธนูออกมา ทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น พูดได้ว่ามองทะลุจากหน้าไปหลังได้เลย แต่ตอนนี้เพียงผ่านไปครึ่งวันก็หายดีเหมือนเก่า แม้แต่รอยแผลก็ไม่มี ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?
เป็นเพราะการผสมผสานของเลือดงูหรือผลของพลังก่อนกำเนิดกันแน่
หลี่มู่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะตัดสินว่าเป็นเพราะอะไร
เขาหามีดอย่างรีบร้อน ก่อนจะกดไปที่หลังมือของเขา สร้างแผลเพื่อลองดูว่าบาดแผลจะฟื้นฟูเร็วหรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่ามันคงจะเจ็บมาก หลังลังเลอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้
อย่างไรอาการบาดเจ็บสาหัสก็ยังหายภายในครึ่งวัน นับว่าเป็นเรื่องดี
อีกทั้งหลี่มู่รู้สึกรางๆ ว่าร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังกายเพิ่มขึ้นมาก หากเทียบกับก่อนที่จะไปจู่โจมฐานที่มั่นพรรคเสินหนง เขารู้สึกถึงพลังอันเปี่ยมล้นราวกับสามารถใช้หนึ่งหมัดทลายฟ้า หนึ่งหมัดทลายแผ่นดินได้ รู้สึกว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้หลี่มู่ยังรู้สึกว่าหลังจากผ่านการปะทะครั้งใหญ่แบบนี้มา ประสาทสัมผัสทั้งห้าพัฒนาขึ้นประหนึ่งมีคนมาปลดพันธนาการในร่างกาย ทุกข้อต่อในร่างกายยืดหยุ่นมาก เส้นเอ็นก็กลายเป็นอ่อนนุ่ม
หลี่มู่ลองใช้หมัดยุทธ์แท้
เขาตั้งท่าพื้นฐานอย่างง่ายดาย
กระบวนท่าแรก ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ถูกนำออกมาฝึก ไม่รู้สึกถึงความหนักอึ้ง เจ็บปวดที่เส้นเอ็น หรือชาที่กล้ามเนื้ออะไรเลย แต่เป็นความรู้สึกสบายอย่างที่ไม่มีมาก่อน พลังออกมาจากระหว่างเอวและช่องท้องเชื่อมเข้ากับสันหลัง ระหว่างกำปั้นและเท้ามีคลื่นพลังราวกับมังกรคำราม มีเสียงระเบิดพลังราวกับฟ้าร้อง
หลี่มู่รู้สึกติดใจความรู้สึกแบบนี้
เขาฝึกท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ จบหนึ่งครั้ง เขาไม่ฝึกกระบวนท่าที่สอง ‘ลิ่มสวรรค์’ แต่วนฝึกท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งฝึกยิ่งลื่นไหล ยิ่งฝึกยิ่งสวยงาม
หลี่มู่รู้สึกเหมือนมีข้อมูลบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว เป็นเคล็ดลับการกักเก็บพลังและปล่อยพลังอยู่ในระดับเชี่ยวชาญ เหมือนโชคมาปัญญาเกิด ทำให้หลี่มู่รู้สึกว่าท่วงท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ เปลี่ยนไปผ่านทางสมอง สุดท้ายก็นำมาประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นสัญชาตญาณของกล้ามเนื้อและกระดูก
หลี่มู่หยุดลง
เขารู้ว่าการควบคุมพลังของเขาก้าวข้ามไปอีกขั้น
หมัดยุทธ์แท้ไม่ใช่วรยุทธ์ที่เอาไว้ใช้ฆ่าฟัน แต่ให้ผลเยี่ยมยอดในด้านการหลอมรวมร่างกาย การตระหนักรู้ ไปจนถึงการบุกเบิกหนทางแห่งวิถียุทธ์ เรียกได้ว่าเป็นหนทางการควบคุมการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ซินแสเฒ่าเคยกล่าวว่า หมัดยุทธ์แท้เป็นเพลงหมัดของเซียน ตอนนี้หลี่มู่เชื่อแล้ว
แน่นอนว่าวิชายุทธ์ทั่วไปไม่ส่งผลเช่นนี้
หมัดยุทธ์แท้และพลังก่อนกำเนิดล้วนเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของหลี่มู่ ไม่ควรให้แพร่งพรายออกไป
มิเช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตน
หากเรื่องนี้ถึงหูเหล่ายอดฝีมือในยุทธภพว่ามีเคล็ดวิชาแบบนี้อยู่บนโลก เกรงว่าจะเกิดการนองเลือดระหว่างยอดฝีมือในยุทธภพ นำมาซึ่งการต่อสู้และฆ่าฟัน แม้ว่าหลี่มู่จะมั่นใจ แต่เขายังอ่อนเยาว์ ยังไม่โตเต็มวัยและปีกกล้าขาแข็งไม่พอ แม้ว่าในวันนี้เขาจะทำลายพรรคเสินหนงไป เกือบจะไร้เทียมทาน แต่พรรคเสินหนงก็เป็นเพียงพรรคหนึ่งในอำเภอขาวพิสุทธิ์ หลี่มู่ไม่มีโอกาสชนะจอมยุทธ์ที่แท้จริงได้เลยหากต้องประมือกัน
หลี่มู่กำลังขยับแขนขาอยู่ในห้องฝึกยุทธ์
เขายืนฝึกวรยุทธ์อยู่หน้าแผ่นศิลา ไม่ต้องดิ้นรนอะไร เขาค่อยๆ ขยับกำปั้นชกไปที่แผ่นศิลาจนเกิดคลื่นเสียง กำปั้นเหมือนต่อยเข้าไปที่ดินเหนียว หมัดของเขาจมลงไปในนั้น แต่กลับไม่มีรอยแตกที่แผ่นศิลา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา