จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 20

สรุปบท บทที่ 20 หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง: จอมศาสตราพลิกดารา

สรุปเนื้อหา บทที่ 20 หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง – จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet

บท บทที่ 20 หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง ของ จอมศาสตราพลิกดารา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 20 หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง
ProjectZyphon
ที่ว่าการประจำอำเภอเมือง

ห้องฝึกยุทธ์ที่ด้านหลังจวนผู้ว่า

หลี่มู่นั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง กำลังกำหนดจิตไปที่ตา จมูก ลมหายใจเข้าออก ฝึกฝนพลังก่อนกำเนิด

ชำระล้างเลือดงูในกายของเขา

หลี่มู่รู้สึกได้ชัดถึงการทำงานของพลังก่อนกำเนิด ความเจ็บปวดจากเลือดงูชนิดนี้ที่เหมือนไฟแผดเผาแขนขาทั้งสี่และกระดูกภายในตัวค่อยๆ จางหายไป แล้วเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่สบายเหมือนกำลังอาบน้ำพุร้อนไปทั่วร่างกาย

งูประหลาดที่ซือคงจิ้งเรียกว่ามังกรเขียวถูกเลี้ยงไว้ในพรรคเสินหนง มันถูกเลี้ยงด้วยยาชั้นดีทำจากกรรมวิธีลึกลับ เกือบซึมลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณ บนหัวงูมีเขางอกออกมา กำลังจะกลายร่างเป็นมังกรแล้ว สำหรับจอมยุทธแล้ว มันมีค่าเป็นอย่างมาก สามารถกระตุ้นเลือดลม เพิ่มกำลังภายใน รวมไปถึงเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ จากนั้นก็จะสามารถต้านพิษได้เกือบทั้งหมด พูดได้ว่าตั้งแต่หัวจรดหางเป็นของล้ำค่าทั้งสิ้น

ซือคงจิ้งทุ่มแรงเลี้ยงมันมานานกว่าสิบปีเตรียมที่จะนำมันมาเพิ่งพลังของตนเอง

หากไม่มีเรื่องในวันนี้ เกรงว่าเขาคงดื่มเลือดงูไปแล้ว ท้ายที่สุดกลับเป็นโชคของหลี่มู่แทน

เวลาผ่านไป

พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว

ร่างกายหลี่มู่มีไอน้ำสีขาวพวยพุ่งออกมา ทั่วร่างเสมือนอาหารที่กำลังนึ่ง มีไอร้อนออกมาจากทุกรูขุมขน

อุณหภูมิในห้องฝึกยุทธ์เพิ่มขึ้นหลายองศา

“ฟู่…” เขาหายใจออกยาวๆ เขาเปิดตาและยืนขึ้นช้าๆ รู้สึกสบายไปทั่วร่าง

โดยเฉพาะบริเวณไหล่ที่บาดเจ็บ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย

เมื่อหลี่มู่ดึงผ้าพันแผลออกก็ต้องตกใจเมื่อหันไปมองดู

“หืม? อาการบาดเจ็บได้รับพื้นฟูเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่เหลือรอยแผลเลยแม้แต่น้อย?”

เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาเป็นอย่างมาก

เพราะการบาดเจ็บจากลูกธนูเป็นแผลลึก จากนั้นเขายังแสร้งทำเก่งดึงลูกธนูออกมา ทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น พูดได้ว่ามองทะลุจากหน้าไปหลังได้เลย แต่ตอนนี้เพียงผ่านไปครึ่งวันก็หายดีเหมือนเก่า แม้แต่รอยแผลก็ไม่มี ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?

เป็นเพราะการผสมผสานของเลือดงูหรือผลของพลังก่อนกำเนิดกันแน่

หลี่มู่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะตัดสินว่าเป็นเพราะอะไร

เขาหามีดอย่างรีบร้อน ก่อนจะกดไปที่หลังมือของเขา สร้างแผลเพื่อลองดูว่าบาดแผลจะฟื้นฟูเร็วหรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่ามันคงจะเจ็บมาก หลังลังเลอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้

อย่างไรอาการบาดเจ็บสาหัสก็ยังหายภายในครึ่งวัน นับว่าเป็นเรื่องดี

อีกทั้งหลี่มู่รู้สึกรางๆ ว่าร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังกายเพิ่มขึ้นมาก หากเทียบกับก่อนที่จะไปจู่โจมฐานที่มั่นพรรคเสินหนง เขารู้สึกถึงพลังอันเปี่ยมล้นราวกับสามารถใช้หนึ่งหมัดทลายฟ้า หนึ่งหมัดทลายแผ่นดินได้ รู้สึกว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้หลี่มู่ยังรู้สึกว่าหลังจากผ่านการปะทะครั้งใหญ่แบบนี้มา ประสาทสัมผัสทั้งห้าพัฒนาขึ้นประหนึ่งมีคนมาปลดพันธนาการในร่างกาย ทุกข้อต่อในร่างกายยืดหยุ่นมาก เส้นเอ็นก็กลายเป็นอ่อนนุ่ม

หลี่มู่ลองใช้หมัดยุทธ์แท้

เขาตั้งท่าพื้นฐานอย่างง่ายดาย

กระบวนท่าแรก ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ถูกนำออกมาฝึก ไม่รู้สึกถึงความหนักอึ้ง เจ็บปวดที่เส้นเอ็น หรือชาที่กล้ามเนื้ออะไรเลย แต่เป็นความรู้สึกสบายอย่างที่ไม่มีมาก่อน พลังออกมาจากระหว่างเอวและช่องท้องเชื่อมเข้ากับสันหลัง ระหว่างกำปั้นและเท้ามีคลื่นพลังราวกับมังกรคำราม มีเสียงระเบิดพลังราวกับฟ้าร้อง

หลี่มู่รู้สึกติดใจความรู้สึกแบบนี้

เขาฝึกท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ จบหนึ่งครั้ง เขาไม่ฝึกกระบวนท่าที่สอง ‘ลิ่มสวรรค์’ แต่วนฝึกท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งฝึกยิ่งลื่นไหล ยิ่งฝึกยิ่งสวยงาม

หลี่มู่รู้สึกเหมือนมีข้อมูลบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว เป็นเคล็ดลับการกักเก็บพลังและปล่อยพลังอยู่ในระดับเชี่ยวชาญ เหมือนโชคมาปัญญาเกิด ทำให้หลี่มู่รู้สึกว่าท่วงท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ เปลี่ยนไปผ่านทางสมอง สุดท้ายก็นำมาประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นสัญชาตญาณของกล้ามเนื้อและกระดูก

หลี่มู่หยุดลง

เขารู้ว่าการควบคุมพลังของเขาก้าวข้ามไปอีกขั้น

หมัดยุทธ์แท้ไม่ใช่วรยุทธ์ที่เอาไว้ใช้ฆ่าฟัน แต่ให้ผลเยี่ยมยอดในด้านการหลอมรวมร่างกาย การตระหนักรู้ ไปจนถึงการบุกเบิกหนทางแห่งวิถียุทธ์ เรียกได้ว่าเป็นหนทางการควบคุมการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ซินแสเฒ่าเคยกล่าวว่า หมัดยุทธ์แท้เป็นเพลงหมัดของเซียน ตอนนี้หลี่มู่เชื่อแล้ว

แน่นอนว่าวิชายุทธ์ทั่วไปไม่ส่งผลเช่นนี้

หมัดยุทธ์แท้และพลังก่อนกำเนิดล้วนเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของหลี่มู่ ไม่ควรให้แพร่งพรายออกไป

มิเช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตน

หากเรื่องนี้ถึงหูเหล่ายอดฝีมือในยุทธภพว่ามีเคล็ดวิชาแบบนี้อยู่บนโลก เกรงว่าจะเกิดการนองเลือดระหว่างยอดฝีมือในยุทธภพ นำมาซึ่งการต่อสู้และฆ่าฟัน แม้ว่าหลี่มู่จะมั่นใจ แต่เขายังอ่อนเยาว์ ยังไม่โตเต็มวัยและปีกกล้าขาแข็งไม่พอ แม้ว่าในวันนี้เขาจะทำลายพรรคเสินหนงไป เกือบจะไร้เทียมทาน แต่พรรคเสินหนงก็เป็นเพียงพรรคหนึ่งในอำเภอขาวพิสุทธิ์ หลี่มู่ไม่มีโอกาสชนะจอมยุทธ์ที่แท้จริงได้เลยหากต้องประมือกัน

หลี่มู่กำลังขยับแขนขาอยู่ในห้องฝึกยุทธ์

เขายืนฝึกวรยุทธ์อยู่หน้าแผ่นศิลา ไม่ต้องดิ้นรนอะไร เขาค่อยๆ ขยับกำปั้นชกไปที่แผ่นศิลาจนเกิดคลื่นเสียง กำปั้นเหมือนต่อยเข้าไปที่ดินเหนียว หมัดของเขาจมลงไปในนั้น แต่กลับไม่มีรอยแตกที่แผ่นศิลา

ดูท่าจะมารายงานความคืบหน้าของงานในวันนี้

เขากำลังคิดจะออกไปพบ แต่จู่ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้น จึงระเบิดหัวเราะแล้วพูดว่า “ด้านหลังจวนของพวกเรา มีสัตว์ประเภทไก่หรือเป็ดไหม?”

ภายใต้แสงจันทร์ เด็กรับใช้บัณฑิตที่ผิวขาวราวกับหิมะ รูปร่างที่เปราะบางน่าทะนุถนอม กำลังจับผมเปียเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “เหมือนจะมีนะเจ้าคะ คุณชาย ท่านกินเนื้อของมันหรือไม่? ข้าอยากกินตูดไก่”

หลี่มู่ลูบหน้าผากอย่างไม่มีทางเลือก “ได้ๆๆ ตูดไก่เป็นของเจ้า เจ้าไปเชือดไก่ก่อนแล้วนำเลือดไก่ใส่ชามมาให้ข้า”

……

ในห้องโถงส่วนหน้า ที่ว่าการประจำอำเภอเมือง

เฝิงหยวนซิงรอคอยอย่างกระวนกระวายใจ

เขารอมาหนึ่งชั่วยามแล้ว รู้สึกร้อนใจแต่ไม่กล้าแสดงออกมาทางสีหน้า

ระหว่างที่รอ สิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคเสินหนงวันนี้ยังคงฉายซ้ำอยู่ในใจของเฝิงหยวนซิง ภายในใจยิ่งยำเกรงหลี่มู่

เหตุการณ์ในวันนี้ เริ่มแรกที่ถ้ำหิน เขาเลือกที่จะทรยศโจวอู่อย่างไม่ลังเลเพราะมั่นใจในความวู่วามของหลี่มู่ที่ยังเยาว์วัย คนประเภทนี้ แม้ว่าจะมีพลังยุทธ์แข็งแกร่ง แต่หากวางแผนให้ดีก็สามารถชักจูงได้ง่าย เฝิงหยวนซิงอยู่ข้างกายโจวอู่ที่เจ้าเล่ห์มานานหลายปี ด้วยกลยุทธ์ของเขาและความมั่นใจในการบริหารเมืองของตนเอง เขาคิดว่าตนสามารถควบคุมหลี่มู่ ทำให้ขุนนางเมืองหนุ่มคนนี้ฟังคำของเขา และจะยึดครองอำนาจในอำเภอขาวพิสุทธิ์ แต่ตอนนี้กลับพบว่ายิ่งเวลาผ่านไปเขายิ่งไม่มั่นใจ

การกระทำของหลี่มู่ยิ่งทำให้เขาเกิดความกลัวขึ้น

ในเวลานั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เฝิงหยวนซิงตกใจเมื่อรู้ว่าขุนนางเมืองมาแล้ว จากนั้นกระวีกระวาดยืนขึ้น จัดระเบียบเสื้อผ้า แล้วคำนับด้วยความนอบน้อม

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นร่างที่มาจากทางประตูด้านหลัง เฝิงหยวนซิงก็งุนงง

คนที่เดินเข้ามาก็คือหลี่มู่

แต่ช่างแตกต่างจากที่เฝิงหยวนซิงจินตนาการเอาไว้

ในเวลานี้ ท่อนบนของหลี่มู่พันผ้าพันแผลเอาไว้ ทั้งยังฉ่ำไปด้วยเลือด ดูแล้วน่าตกใจที่สีหน้าคนผู้นี้อ่อนล้า ในมือถือไม้เท้าเดินอย่างเชื่องช้า ดูราวกับเจ็บสาหัส เมื่อเทียบกับความดุดันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในระหว่างวันแล้ว ช่างดูแตกต่างโดยสิ้นเชิง อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

“คารวะท่านขุนนางเมือง” เฝิงหยวนซิงที่กำลังตกใจรีบเข้าไปทำความเคารพ

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา