ไม่ว่าฮวาเสี่ยงหรงชื่อนี้จะแทนเกียรติยศอะไรในอดีต ต่อให้เป็นนางคณิกาอันดับหนึ่ง สำหรับตัวฮวาเสี่ยงหรงแล้ว นับตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้รับชื่อในวงการนี้มาก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางปรารถนาเอง เป็นเพียงแค่การประณีประนอมของชีวิตอย่างหนึ่งเท่านั้น
สำหรับสตรีมากมายที่มาอยู่ในหน่วยเลี้ยงรับรอง โดยพื้นฐานแล้วการคืนชื่อเดิมของตนเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างหนึ่ง
ชื่อเดิมของฮวาเสี่ยงหรงคือซ่างกวนอวี่ถิง เป็นสตรีในตระกูลซ่างกวน
ซ่างกวนอวี่ถิงสี่ตัวอักษรนี้เป็นตัวแทนสายเลือด ที่พักพิง และชีวิตที่งดงามที่สุดช่วงหนึ่งในอดีต เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่บิดามารดามอบให้นาง
“แต่ว่าข้ายังไม่ได้ถอนชื่อจากทะเบียน กลับมาใช้ชื่อเดิมเลย นี่จะไม่…” หลังจากตื่นเต้นอย่างมาก ฮวาเสี่ยงหรงยังค่อนข้างสงสัย ดูจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ คิดอยากจะถอนชื่อจากทะเบียนหน่วยเลี้ยงรับรองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
หลี่มู่ตอบกลับไป “ก็แค่พิธีการเท่านั้น ข้าจะพาเจ้าไปจากหน่วยเลี้ยงรับรอง ไม่มีใครขวางได้หรอก อีกทั้งเจ้าอาจจะยังสัมผัสไม่ได้ แต่พลังของเจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งมากแล้ว ตัวเจ้าอยากไปก็ไม่มีใครขวางได้”
สำหรับหลี่มู่ที่มาจากดาวโลก กฎบางอย่างของโลกใบนี้ในสายตาเขาเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น ทะเบียนนางคณิกาที่ว่าก็แค่กฎในความหมายผิวเผิน เป็นการกำหนดระดับขั้นอย่างหนึ่งที่ผู้ทรงอำนาจมีให้ผู้อ่อนแอ แต่เมื่อตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว นิยามพวกนี้ก็ทำลายทิ้งได้แค่เสี้ยวความคิด
หลิวเฉิงหลงหรือองค์ชายสองที่อยู่เบื้องหลังเขาคิดอยากใช้ของพวกนี้มาบีบฮวาเสี่ยงหรง นั่นนับเป็นเรื่องตลกโดยแท้
ระหว่างพูด เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจิ้งฉุนเจี้ยนเดินเข้ามา
“คุณชาย นี่คือป้ายสัญลักษณ์เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ของท่าน” ในมือเขาถือป้ายหยกขาวที่เหมือนกับป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่ง แกะสลักลวดลาย งามล้ำวิจิตร ข้างในมีค่ายกลของจอมเวท สามารถแยกแยะของจริงปลอมได้ ด้านหนึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอัน อีกด้านหนึ่งเป็นหมายเลขสิบแปด
“เพราะเตรียมการฉุกละหุก ถึงแม้จะเป็นป้ายของแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด แต่หมายเลขของป้ายอยู่ค่อนข้างท้ายๆแล้ว” เจิ้งฉุนเจี้ยนพูดอย่างกระสับกระส่ายเล็กน้อย
พูดตามตรง จนถึงตอนนี้ความหวาดกลัวหลี่มู่ในใจของเขากล่าวได้ว่าไปถึงขีดสูงสุดแล้ว ยิ่งเข้าใจหลี่มู่ ยิ่งมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายวันนี้หลังจากที่ออกมาจากเมืองขาวพิสุทธิ์ ก็ยิ่งรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ร้ายกาจขนาดไหน
หลี่มู่รับป้ายหยกมา สังเกตเล็กน้อยก็มองเห็นค่ายกลจอมเวทในนั้นได้อย่างชัดแจ้ง
สลักค่ายกลสามถึงห้าค่ายกลไว้ จอมเวทของโลกใบนี้อาจจะพูดได้ว่าเยี่ยมยอด แต่กับหลี่มู่ นี่เป็นแค่ค่ายกลเล็กๆ ที่ง่ายยิ่งเท่านั้น นอกจากจะสามารถแยกแยะของจริงปลอมได้ อันที่จริงยังมีประโยชน์ในการจับตำแหน่งที่ซ่อนเร้น คล้ายๆ กับตำแหน่ง GPS จอมเวทของหน่วยเลี้ยงรับรองยืนยันตำแหน่งของผู้ถือครองผ่านป้ายคำสั่งนี้ได้
แต่นี่มันจะเด็กน้อยเกินไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงหลี่มู่ ต่อให้เป็นซ่างกวนอวี่ถิงในยามนี้ก็แก้ออกได้สบายๆ โดยไม่มีใครรู้ตัว
“คุณชายจะเข้าร่วมแข่งประมูลคืนนี้?” ไป๋เซวียนตกใจมาก ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินหลี่มู่พูดถึงเลย อีกทั้งหลี่มู่ก็ไม่ใช่คนมากตัณหา ทำไมจึงสนใจทาสสาวที่จะประมูลคืนนี้?
นางมองซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว อีกฝ่ายสีหน้าเป็นปกติ ไม่ฉายแววทุกข์ร้อนใดๆ
“อืม ดูเรื่องสนุกๆ สักหน่อย” หลี่มู่พูดไปตามปาก
บางเรื่องไม่จำเป็นต้องอธิบายกับไป๋เซวียนชัดเจนขนาดนั้น
“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบ ได้ความชัดเจนแล้วหรือยัง?” หลี่มู่ถาม
เจิ้งฉุนเจี้ยนมองไป๋เซวียนแวบหนึ่ง ลังเลเล็กน้อย
ไป๋เซวียนลุกขึ้นอย่างรู้กาลเทศะ กล่าวว่า “ฮวาเอ๋อร์…อ้อ ไม่ใช่ อวี่ถิงเป็นคณิกาอันดับหนึ่งของหอสดับเซียนแล้ว ความปรารถนาของข้าก็เป็นจริงแล้ว เรื่องถอนทะเบียนข้าจะพยายามหารือกับหัวหน้าหลิวเฉิงหลงเอง ขอตัวก่อนแล้วกัน ข้าวของบางอย่างที่หอสดับเซียนของอวี่ถิงและของรางวัลนางคณิกาอันดับหนึ่งในคืนนี้ ข้าจะจัดเตรียมให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง น้องอวี่ถิงมารับไปได้ทุกเมื่อ นับจากวันนี้เจ้าเป็นคนข้างกายคุณชายหลี่แล้ว พี่สาวยินดีกับเจ้าด้วย ในที่สุดก็สมปรารถนาเสียที”
พูดจบ ไป๋เซวียนก็หมุนตัวจากไป
เจิ้งฉุนเจี้ยนมองซ่างกวนอวี่ถิงและซินเอ๋อร์ แต่ด้วยรู้ว่าสตรีทั้งสองคือคนใกล้ชิดที่สุดข้างกายหลี่มู่ ดังนั้นจึงพูด “ที่หอโอบจันทร์ คนลึกลับในห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งได้ป้ายแขกชั้นยอดหมายเลขหนึ่ง อาจารย์หวางคนนั้นได้ป้ายหมายเลขสิบไปด้วยวิธีบางอย่าง ในห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งของหอโอบจันทร์มีคนจากที่ราบทุ่งหญ้าหลายคนจริง แต่ว่าคนเข้าร่วมประมูลไม่ใช่คนที่ราบทุ่งหญ้า กลับเป็นนายน้อยของสมาพันธ์การค้าใต้หล้าสาขาจักรวรรดิต้าฉิน ได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขเจ็ดไป..”
หลี่มู่พยักหน้า
คนลึกลับในห้องส่วนตัวนั้นก็คือคนที่หลี่มู่ใช้เนตรสวรรค์มองก่อนหน้านี้ พลังของเขามหาศาลดุจอาทิตย์แรงกล้า เป็นคนที่พลังน่ากลัวที่สุดในคืนนี้ ได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขหนึ่งไป ดูท่าทางไม่ใช่แค่พลังสูง ฐานะและตำแหน่งก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในใจของหลี่มู่ประมาณการไว้คร่าวๆ แล้ว
พวกหวางเฉินเอาป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดมาได้จริงๆ เขาและท่านผู้นั้นเบื้องหลังน่าจะมาเพื่อช่วยลูกและภรรยาของขุนพลถัง การเข้าร่วมงานประมูลน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่น่ากลัวว่าคงไม่ง่ายแบบนั้น
ส่วนคนที่ราบทุ่งหญ้ากลับรวมกลุ่มกับสมาพันธ์การค้าเสียได้ ชวนให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย
ทว่า การปรากฏตัวของพวกเขาก็สมเหตุสมผลแล้ว นักรบหญิงวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเหล่านั้นฐานะไม่ต่ำต้อยเลย มีคนมาช่วยนับเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้หลี่มู่คิดเชื่อมโยงได้หลังจากใช้เนตรสวรรค์กวาดไปทั่วทั้งหน่วยเลี้ยงรับรองและถนนกลิ่นกำจาย แล้วมองเห็นกลิ่นอายพลังประหลาดบางกลุ่ม ดังนั้นจึงให้เจิ้งฉุนเจี้ยนไปสืบมา คิดไม่ถึงว่าจะสืบอะไรมาได้จริงๆ
เจิ้งฉุนเจี้ยนรายงานต่อ “ศัตรูบางส่วนของขุนพลถัง มีไป๋หย่วนบุตรชายของขุนพลกองทัพขนกระเรียนแห่งเมืองฉิน เหลียงอี้เฟยบุตรชายของราชครูคนปัจจุบัน หานเฝ่ยหรานหลานชายเสนาบดีกรมพิธีการ และจินเซวียนผู้สืบทอดสำนักแสงศักดิ์สิทธิ์รวมสี่คน มาถึงเมืองฉางอันและเข้าร่วมการประมูล พุ่งเป้ามาที่ภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนของขุนพลถัง ลงแรงกันได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขสิบห้า คนอื่นๆ ที่ยังสืบไม่พบน่าจะมีอีก แต่ไม่ทันกาลแล้ว คุณชายโปรดอภัย…”
หลี่มู่โบกมือ ตอบว่า “ไม่เป็นไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา