“ท่านคือ…ฉิน…” ถังฮูหยินนึกอะไรออก คำเรียกหนึ่งกำลังจะหลุดจากปาก กลับเห็นสายตาของชายหนุ่มผอมบางเข้า จึงรีบหยุดปากไม่พูดออกมา จากนั้นก็เอ่ยเสริม “อย่าเข้าใจผิดไป เขาช่วยข้าเอาไว้…”
ไม่ต้องให้นางพูด อันที่จริงตอนนี้คนหนุ่มผอมแห้งในชุดขาวก็รู้ตัวแล้ว
“ขอโทษด้วย” เขาพูด น้ำเสียงแหบแห้งเหมือนเหล็กกับศิลาเสียดสีกัน
หลี่มู่แค่ได้ยินก็รู้ว่าตั้งใจใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเปลี่ยนเสียงเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่า อีกฝ่ายทำร้ายผิดคนกลับพูดแค่สองคำอย่างเฉยเมย นี่ทำให้หลี่มู่รับไม่ค่อยได้
“นี่ พูดคำขอโทษให้จริงใจกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” หลี่มู่เบ้ปากเอ่ย
“ขอโทษ” คนชุดขาวตัวผอมแห้งยังคงพูดแค่สองคำนี้
ร่างของเขาโซเซ ใต้หน้ากากมีเลือดทะลักออกมาอีก
บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลย?
หลี่มู่ตกใจ
เมื่อครู่เขาจงใจผลักถังฮูหยินไปหาคนตัวผอมบางชุดขาวคนนี้ บีบให้อีกฝ่ายย้อนกระบวนท่า ถอนกระบี่กลับ แบบนี้จะทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บบ้าง นับว่าเป็นการแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ จากหลี่มู่ ใครใช้ให้ไม่ดูตาม้าดูตาเรือตั้งแต่ทีแรกดกันเล่า แต่ก็ไม่น่าจะบาดเจ็บหนักแบบนี้แน่นอน
“ท่านได้รับบาดเจ็บรึ?” ใบหน้างามล้ำของถังฮูหยินฉายแววตื่นตะลึง รีบประคองชายหนุ่มผอมบางชุดขาวไว้ ไม่มีทีท่าหลีกเลี่ยงระหว่างชายหญิงแม้แต่น้อย จากนั้นรีบหันไปอธิบายกับหลี่มู่ “ท่านจอมยุทธ์อย่าได้เข้าใจผิด ฉิน…คุณชายเขาเป็นคนเงียบขรึม พูดขอโทษสองคำนี้ออกมาก็รู้เสียใจอย่างมากแล้ว”
หลี่มู่เบ้ปาก “โตขนาดนี้แล้ว แค่พูดขอโทษยังทำไม่เป็น…”
เขาพูดแบบนี้ก็นับว่ารับคำขอโทษจากชายหนุ่มชุดขาวแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกปากหนัก
“พวกเจ้าไปเถอะ” หลี่มู่ถอยหลังไปช้าๆ ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ให้นาน เพราะยังมีบางเรื่องต้องให้เขาไปจัดการ
แต่ว่าในตอนนี้เอง มีเสียงแหวกอากาศดังมาจากที่ไกล
แสงสีขาวทางหนึ่งส่องกะพริบเข้ามา
“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู ที่แท้ก็หนีมาอยู่ที่นี่เอง” แสงสีขาวร่อนลงบนพื้นก่อนแปลงเป็นชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปน มุมปากแข็งทื่อมีร่องรอยหยอกเย้า เหมือนแมวกำลังจับหนู ชุดคลุมสีเทาบนร่างเต็มไปด้วยรอยกระบี่
นัยย์ตาใต้หน้ากากของชายหนุ่มผอมบางชุดขาวฉายแววเคร่งเครียด ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายชราผีดิบหน้าขาวผู้นั้น
หลี่มู่แค่มองก็รู้แจ้ง
ที่แท้ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวคนนี้ประมือกับคนอื่นมาก่อนหน้า ได้รับบาดเจ็บมาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงได้กระอักเลือดหลังจากเจอกระบวนท่าย้อนกลับ…ชิ พูดแบบนี้กลายเป็นว่าตนเองคิดเล็กคิดน้อย ทำให้ชายหนุ่มคนนี้บาดเจ็บมากขึ้นอีกน่ะสิ?
“พวกเจ้าไปเถอะ ตาแก่นี่ข้าจัดการเอง” หลี่มู่ร่างกะพริบ ก็บังชายหนุ่มชุดขาวผอมบางและถังฮูหยินเอาไว้ข้างหน้า
“โอ๊ะ มีพวกไม่รู้จักตายโผล่มาด้วยคนหนึ่ง…ฮี่ๆ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปปรโลกพร้อมๆ กันทีเดียว” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนเห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับหลี่มู่ เขาหัวเราะเสียงเย็น “ข้าเคยเห็นเจ้า คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงิน หึๆ คืนนี้เจ้าทำลายแผนการใหญ่ขององค์ชายสอง เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน”
ความเคร่งเครียดในดวงตาของชายหนุ่มชุดขาวยิ่งเพิ่มขึ้น มือกำกระบี่ยาวเอาไว้แล้วฝืนโคจรวิชา ก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่งเคียงบ่ากับหลี่มู่ ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปน
ความหมายของเขาชัดเจน นั่นคือคิดว่าหลี่มู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้ ดังนั้นจึงจะร่วมมือกัน
หลี่มู่ขมวดคิ้วกล่าว “พาถังฮูหยินไป คืนนี้วุ่นวาย เจ้ายังต้องช่วยถังถังและถังมี่อีก อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวชะงักไปเล็กน้อย
หลี่มู่พูดอีก “หวางเฉินความสามารถไม่พอ อย่าคิดว่าแผนการของพวกเจ้าไม่มีพลาด คนที่ลอบโจมตีพวกเจ้าเกรงว่าจะวางแผนได้รอบคอบกว่านัก”
ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินดังนั้นก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ท่านชื่ออะไร?”
หลี่มู่ถาม “ถามชื่อข้าทำไม? จะเตรียมขุดสุสานตั้งป้ายวิญญาณให้ข้ารึไง? พูดจาอัปมงคล เจ้ารีบไปเสีย ข้าไม่ตายหรอก…เดี๋ยวฆ่าไอ้บ๊ะจ่างแก่[1]นี่ให้ตายแล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีก วันหลังหากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ค่อยเจอบ้าอะไรกัน ข้าไม่อยากเข้าไปร่วมวังวนการเมืองของพวกเจ้าลูกหลานเชื้อพระวงศ์พวกนี้หรอก วันหน้าไม่ต้องเจอกันอีกเป็นดีที่สุด
ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวอึ้งจากคำพูดนี้ของหลี่มู่อย่างเห็นได้ชัด มุมปากกระตุก ความซาบซึ้งที่เกิดขึ้นในใจเมื่อครู่สลายหายวับ “คนผู้นี้เป็นหนึ่งในสองภูตยมบาลใต้บัญชาการขององค์ชายสอง อยู่ในขั้นฟ้าประทาน ไอเหมันต์ยมโลกสังหารซึ่งทุกสิ่ง…รักษาตัวด้วย”
พูดจบก็คว้าแขนของถังฮูหยิน ทำท่าจะจากไป
“ฮ่าๆๆๆ…” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนกระโดดขึ้นมา ท่วงท่าแปลกประหลาดเหมือนกับท่อนไม้กระเด้งกระดอน แต่พุ่งมาเร็วอย่างยิ่งยวด “พูดแบบนี้ต่อหน้าข้า ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“มารดามันเถอะ ตัวประกอบก็แสดงบทบาทของตัวประกอบให้มันดีๆ ได้ไหม?” หลี่มู่หันกลับมาพูดอย่างไม่พอใจมาก “สำเหนียกหน่อยได้หรือเปล่า?”
ระหว่างพูดก็ซัดออกมาหมัดหนึ่ง
พลังหมัดราวมังกร พลังปราณปั่นป่วน
“หืม?” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนหน้าเปลี่ยนสี ฝ่ามือทั้งสองผลักออกไปกลางอากาศ
น้ำแข็งและคลื่นเหมันต์สีฟ้าเย็นเยือกทะลักมาทันใด
ตูม!
พลังเข้าปะทะกัน
ชายชราผีดิบม้วนลอยออกไป
ส่วนบนแขนของหลี่มู่มีน้ำค้างเหมันต์สีฟ้าชั้นหนึ่งแผ่ลามราวกับเถาวัลย์
คนหนุ่มที่จะจากไปแววตาพลันเปลี่ยน ยามกำลังจะอ้าปากพูดอะไรก็เห็นหลี่มู่เพียงสะบัดข้อมือ น้ำค้างเหมันต์สีฟ้าชั้นนั้นแตกร้าวกลายเป็นฝุ่นผง และแขนเสื้อของหลี่มู่ก็สมบูรณ์ดี
เขาตระหนักได้ว่าพลังแท้จริงของหลี่มู่สูงกว่าที่ตนคิดเอาไว้ ทั้งยังไม่กลัวน้ำแข็งเหมันต์อีก จึงวางใจลงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา