จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 234

สรุปบท บทที่ 234 ตายเพราะพูดมาก: จอมศาสตราพลิกดารา

บทที่ 234 ตายเพราะพูดมาก – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนนี้ของ จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 234 ตายเพราะพูดมาก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ท่านคือ…ฉิน…” ถังฮูหยินนึกอะไรออก คำเรียกหนึ่งกำลังจะหลุดจากปาก กลับเห็นสายตาของชายหนุ่มผอมบางเข้า จึงรีบหยุดปากไม่พูดออกมา จากนั้นก็เอ่ยเสริม “อย่าเข้าใจผิดไป เขาช่วยข้าเอาไว้…”

ไม่ต้องให้นางพูด อันที่จริงตอนนี้คนหนุ่มผอมแห้งในชุดขาวก็รู้ตัวแล้ว

“ขอโทษด้วย” เขาพูด น้ำเสียงแหบแห้งเหมือนเหล็กกับศิลาเสียดสีกัน

หลี่มู่แค่ได้ยินก็รู้ว่าตั้งใจใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเปลี่ยนเสียงเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่า อีกฝ่ายทำร้ายผิดคนกลับพูดแค่สองคำอย่างเฉยเมย นี่ทำให้หลี่มู่รับไม่ค่อยได้

“นี่ พูดคำขอโทษให้จริงใจกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” หลี่มู่เบ้ปากเอ่ย

“ขอโทษ” คนชุดขาวตัวผอมแห้งยังคงพูดแค่สองคำนี้

ร่างของเขาโซเซ ใต้หน้ากากมีเลือดทะลักออกมาอีก

บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลย?

หลี่มู่ตกใจ

เมื่อครู่เขาจงใจผลักถังฮูหยินไปหาคนตัวผอมบางชุดขาวคนนี้ บีบให้อีกฝ่ายย้อนกระบวนท่า ถอนกระบี่กลับ แบบนี้จะทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บบ้าง นับว่าเป็นการแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ จากหลี่มู่ ใครใช้ให้ไม่ดูตาม้าดูตาเรือตั้งแต่ทีแรกดกันเล่า แต่ก็ไม่น่าจะบาดเจ็บหนักแบบนี้แน่นอน

“ท่านได้รับบาดเจ็บรึ?” ใบหน้างามล้ำของถังฮูหยินฉายแววตื่นตะลึง รีบประคองชายหนุ่มผอมบางชุดขาวไว้ ไม่มีทีท่าหลีกเลี่ยงระหว่างชายหญิงแม้แต่น้อย จากนั้นรีบหันไปอธิบายกับหลี่มู่ “ท่านจอมยุทธ์อย่าได้เข้าใจผิด ฉิน…คุณชายเขาเป็นคนเงียบขรึม พูดขอโทษสองคำนี้ออกมาก็รู้เสียใจอย่างมากแล้ว”

หลี่มู่เบ้ปาก “โตขนาดนี้แล้ว แค่พูดขอโทษยังทำไม่เป็น…”

เขาพูดแบบนี้ก็นับว่ารับคำขอโทษจากชายหนุ่มชุดขาวแล้ว

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกปากหนัก

“พวกเจ้าไปเถอะ” หลี่มู่ถอยหลังไปช้าๆ ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ให้นาน เพราะยังมีบางเรื่องต้องให้เขาไปจัดการ

แต่ว่าในตอนนี้เอง มีเสียงแหวกอากาศดังมาจากที่ไกล

แสงสีขาวทางหนึ่งส่องกะพริบเข้ามา

“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู ที่แท้ก็หนีมาอยู่ที่นี่เอง” แสงสีขาวร่อนลงบนพื้นก่อนแปลงเป็นชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปน มุมปากแข็งทื่อมีร่องรอยหยอกเย้า เหมือนแมวกำลังจับหนู ชุดคลุมสีเทาบนร่างเต็มไปด้วยรอยกระบี่

นัยย์ตาใต้หน้ากากของชายหนุ่มผอมบางชุดขาวฉายแววเคร่งเครียด ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายชราผีดิบหน้าขาวผู้นั้น

หลี่มู่แค่มองก็รู้แจ้ง

ที่แท้ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวคนนี้ประมือกับคนอื่นมาก่อนหน้า ได้รับบาดเจ็บมาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงได้กระอักเลือดหลังจากเจอกระบวนท่าย้อนกลับ…ชิ พูดแบบนี้กลายเป็นว่าตนเองคิดเล็กคิดน้อย ทำให้ชายหนุ่มคนนี้บาดเจ็บมากขึ้นอีกน่ะสิ?

“พวกเจ้าไปเถอะ ตาแก่นี่ข้าจัดการเอง” หลี่มู่ร่างกะพริบ ก็บังชายหนุ่มชุดขาวผอมบางและถังฮูหยินเอาไว้ข้างหน้า

“โอ๊ะ มีพวกไม่รู้จักตายโผล่มาด้วยคนหนึ่ง…ฮี่ๆ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปปรโลกพร้อมๆ กันทีเดียว” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนเห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับหลี่มู่ เขาหัวเราะเสียงเย็น “ข้าเคยเห็นเจ้า คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงิน หึๆ คืนนี้เจ้าทำลายแผนการใหญ่ขององค์ชายสอง เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน”

ความเคร่งเครียดในดวงตาของชายหนุ่มชุดขาวยิ่งเพิ่มขึ้น มือกำกระบี่ยาวเอาไว้แล้วฝืนโคจรวิชา ก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่งเคียงบ่ากับหลี่มู่ ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปน

ความหมายของเขาชัดเจน นั่นคือคิดว่าหลี่มู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้ ดังนั้นจึงจะร่วมมือกัน

หลี่มู่ขมวดคิ้วกล่าว “พาถังฮูหยินไป คืนนี้วุ่นวาย เจ้ายังต้องช่วยถังถังและถังมี่อีก อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่”

ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวชะงักไปเล็กน้อย

หลี่มู่พูดอีก “หวางเฉินความสามารถไม่พอ อย่าคิดว่าแผนการของพวกเจ้าไม่มีพลาด คนที่ลอบโจมตีพวกเจ้าเกรงว่าจะวางแผนได้รอบคอบกว่านัก”

ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินดังนั้นก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ท่านชื่ออะไร?”

หลี่มู่ถาม “ถามชื่อข้าทำไม? จะเตรียมขุดสุสานตั้งป้ายวิญญาณให้ข้ารึไง? พูดจาอัปมงคล เจ้ารีบไปเสีย ข้าไม่ตายหรอก…เดี๋ยวฆ่าไอ้บ๊ะจ่างแก่[1]นี่ให้ตายแล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีก วันหลังหากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ค่อยเจอบ้าอะไรกัน ข้าไม่อยากเข้าไปร่วมวังวนการเมืองของพวกเจ้าลูกหลานเชื้อพระวงศ์พวกนี้หรอก วันหน้าไม่ต้องเจอกันอีกเป็นดีที่สุด

ชายหนุ่มผอมบางชุดขาวอึ้งจากคำพูดนี้ของหลี่มู่อย่างเห็นได้ชัด มุมปากกระตุก ความซาบซึ้งที่เกิดขึ้นในใจเมื่อครู่สลายหายวับ “คนผู้นี้เป็นหนึ่งในสองภูตยมบาลใต้บัญชาการขององค์ชายสอง อยู่ในขั้นฟ้าประทาน ไอเหมันต์ยมโลกสังหารซึ่งทุกสิ่ง…รักษาตัวด้วย”

พูดจบก็คว้าแขนของถังฮูหยิน ทำท่าจะจากไป

“ฮ่าๆๆๆ…” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนกระโดดขึ้นมา ท่วงท่าแปลกประหลาดเหมือนกับท่อนไม้กระเด้งกระดอน แต่พุ่งมาเร็วอย่างยิ่งยวด “พูดแบบนี้ต่อหน้าข้า ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

“มารดามันเถอะ ตัวประกอบก็แสดงบทบาทของตัวประกอบให้มันดีๆ ได้ไหม?” หลี่มู่หันกลับมาพูดอย่างไม่พอใจมาก “สำเหนียกหน่อยได้หรือเปล่า?”

ระหว่างพูดก็ซัดออกมาหมัดหนึ่ง

พลังหมัดราวมังกร พลังปราณปั่นป่วน

“หืม?” ชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนหน้าเปลี่ยนสี ฝ่ามือทั้งสองผลักออกไปกลางอากาศ

น้ำแข็งและคลื่นเหมันต์สีฟ้าเย็นเยือกทะลักมาทันใด

ตูม!

พลังเข้าปะทะกัน

ชายชราผีดิบม้วนลอยออกไป

ส่วนบนแขนของหลี่มู่มีน้ำค้างเหมันต์สีฟ้าชั้นหนึ่งแผ่ลามราวกับเถาวัลย์

คนหนุ่มที่จะจากไปแววตาพลันเปลี่ยน ยามกำลังจะอ้าปากพูดอะไรก็เห็นหลี่มู่เพียงสะบัดข้อมือ น้ำค้างเหมันต์สีฟ้าชั้นนั้นแตกร้าวกลายเป็นฝุ่นผง และแขนเสื้อของหลี่มู่ก็สมบูรณ์ดี

เขาตระหนักได้ว่าพลังแท้จริงของหลี่มู่สูงกว่าที่ตนคิดเอาไว้ ทั้งยังไม่กลัวน้ำแข็งเหมันต์อีก จึงวางใจลงได้

แขนทั้งสองของเขาระเบิด

สิ่งที่ทำให้หลี่มู่ตกใจก็คือ แขนที่ขาดของชายชราผีดิบราวกับไม้ผุๆ ไม่มีเลือด เนื้อสีดำเหมือนกลุ่มเส้นใยที่ไร้ความยืดหยุ่นกระเด็นมา ส่วนตัวของเขาทั้งตัวถูกสะเทือนกระเด็นลอยออกไปหลายสิบจั้ง ก่อนกระแทกเข้ากับตึกหินหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไกล ตึกหินหลังนั้นถล่มลงทันที ทำเอาฝุ่นควันตลบกระจาย

“นี่มันวิชาอะไรกัน? น่าสนใจนิดๆ แฮะ”

หลี่มู่แปลกใจมาก

แต่ว่า เจ้าบะจ่างนี่น่าจะตายแล้วกระมัง

หมัดเมื่อครู่นี้เขาใช้พลังกายอย่างน้อยห้าส่วน ด้วยความแข็งแกร่งของกายเนื้อเขาในตอนนี้ ต่อให้เป็นยอดเขาก็ล้วนถูกบดขยี้ นับประสาอะไรกับคน?

หลี่มู่หมุนตัวเตรียมจากไป

ตอนนี้เอง ท่ามกลางเศษซากหินที่พังทลายลง มีเสียงหวีดแหลมเสียดหูเหมือนเสียงนกฮูกดังขึ้น

“ฮ่าๆๆ…มันช่าง…นานมาแล้ว…ที่ไม่ได้สู้อย่างสะใจแบบนี้” ท่ามกลางฝุ่นควัน ร่างเงาไร้แขนกระโดดเด้งออกมา กลับเป็นชายชราผีดิบหน้าขาวตาโปนผู้นั้น ไม่ใช่แค่ไม่ตาย กลิ่นอายยิ่งบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม มีแสงสีฟ้าจางยืดขยายมาจากแขนที่ขาดไป และวาดเค้าเป็นแขนออกมา

ไม่ตาย?

หลี่มู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ยุ่งยากจริงๆ

เขาไม่แม้แต่จะถาม ซัดไปอีกหมัดทันที

หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง

“วิชาที่ข้าฝึกเป็นวิชาเทพสูงสุดที่ยิ่งตายยิ่งแข็งแกร่ง ฮ่าๆๆ ข้าเป็นถึงกายอมตะ เจ้าจะ…” ชายชราผีดิบหัวเราะร่า เขากับศิษย์พี่ผู้อาวุโสโยวเกิดมามีคุณสมบัติกายน่าอัศจรรย์ วิชาที่ฝึกฝนคือวิชามาร นอกจากไอเหมันต์ที่สามารถสังหารทุกสิ่งได้แล้ว ยังฝึกฝนกล้ามเนื้อทั้งร่างให้เปลี่ยนเป็นเหมือนเหล็กกับไม้ตั้งนานแล้ว ขอแค่หัวใจไม่แหลกสมองไม่เละ ก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ เหมือนกับที่ต้นไม้งอกกิ่งก้านได้ใหม่อีกครั้งหลังจากกิ่งหัก

แต่ทว่า ยังพูดไม่ทันจบ

ตูม!

ร่าง หัวใจ และสมองของเขาก็ถูกหมัดนี้ระเบิดกระจุยทันที

พลังของหมัดยุทธ์แท้น่ากลัวเพียงใด?

หมัดนี้ของหลี่มู่ไม่ออมมือเลย ปะทุพลังกายทั้งหมด ต่อให้เป็นภูเขาเทพบรรพกาลก็ยังต้องแหลกสลาย นับประสาอะไรกับกายมารของศัตรู

“พูดมากเสียจริงๆ” หลี่มู่เก็บหมัดกลับ “มีตัวละครหลายตัวเลยนะที่ตายเพราะพูดมากน่ะ”

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา