หลังจากอึ้งตะลึง ใบหน้าของนายน้อยเผ่ายิงจันทร์และกุนซือแห่งที่ราบทุ่งหญ้าก็ฉายแววยินดี
การประมูลก่อนหน้านี้ คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินเป็นปฏิปักษ์กับหน่วยเลี้ยงรับรอง อีกทั้งฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนสังหารตัวประหลาดผีดิบ…เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู
เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้ามองไป พลันมีความรู้สึกประหลาดมากเกิดขึ้นในใจอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึไม่ นางรู้สึกรางๆ ว่าคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?” เฒ่าประหลาดผีดิบมือเปื้อนไปด้วยเลือดขององครักษ์หญิงเทพมาป่า กำลังจ้องหลี่มู่เขม็ง
สัญชาตญาณของเขาทำให้เขารู้สึกถึงความหวาดเกรง จึงไม่ได้ลงมือไปในทันที
ส่วนผู้เฒ่าแมงมุมเขียวก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การปรากฏตัวขึ้นของคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินสร้างความกดดันให้แก่เขา เขาถอยหลังไปช้าๆ เร้นกายอยู่ในเงามืด ไม่พูดอะไร และก็ไม่ได้สังหารอีก สุดท้ายทั้งตัวก็ผสานไปในความมืดโดยสมบูรณ์เหมือนของเหลว
“เจ้าฆ่าศิษย์น้องของข้าทำไม?” ตัวประหลาดผีดิบถามเสียงต่ำอีกครั้ง
หลี่มู่ตอบ “เพราะ…อืม เขาพูดมากเกินไป โหวกเหวกจนข้าปวดหูไปหมด”
หากไม่ใช่ว่าที่นั่นบาดเจ็บล้มตายสาหัสจริงๆ เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ องครักษ์หญิงเทพทั้งหลายคงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว
“ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”
ในที่สุดตัวประหลาดผีดิบก็ยากจะรับงับโทสะเอาไว้ ร่างแปลงเป็นสายอัสนีพุ่งสังหารมายังหลี่มู่
“มา มาฆ่าข้าสิ”
หลี่มู่ตวัดมือ ดาบโค้งในมือของทหารเผ่ายิงจันทร์ที่ตายไปแล้วลอยมาถึงมือหลี่มู่กลางอากาศ ท่วงท่ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เสร็จสิ้นในพริบตา จากนั้นเขาพลิกมือฟันออกไปทันใด แสงดาบเป็นวงกว้างฟาดฟันแหวกท้องฟ้า
ปราณแท้ฟ้าประทานของตัวประหลาดผีดิบหลอมขึ้นเป็นกระบี่เรียวสีฟ้าเย็นเยือกตั้งรับไว้กลางอากาศ กลับถูกพลังอันน่ากลัวฟันกระเด็นร่วงไปอยู่ที่เดิม ส่วนตัวมันถอยหลังติดๆ กันไปสี่ห้าก้าวถึงจะยืนได้มั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
นี่แหละที่ว่ากันว่าผู้เชี่ยวชาญแค่ลงมือก็รู้ว่ามีดีหรือไม่
ดาบนี้ของหลี่มู่ทำให้ตัวประหลาดผีดิบรู้สึกถึงความกดดัน
แต่ว่าหลี่มู่ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสโจมตีซ้ำเติม
เพราะเส้นไหมบางคมกริบดุจมีดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่ละเส้นๆ เฉือนมาทางเขาอย่างเงียบงันไร้ร่องรอยท่ามกลางฟ้ามืด
หลี่มู่มองเห็นศพของนักรบแห่งที่ราบทุ่งหญ้าที่แหลกเป็นชิ้นไม่เป็นรูปเป็นทรงบนพื้น ก็รู้ว่าเป็นพลังคุกคามจากใยแมงมุมพวกนี้
เขาโยนดาบยาวในมือออกไป
ดาบเหล็กกล้าในมือกลายเป็นเศษเหล็กกลางอากาศ
โอ้โฮ คมจริงแฮะ
หลี่มู่ทอดถอนใจ
จากนั้นเขาไม่ใช่แค่ไม่หลบ แต่กลับเข้าไปใกล้ใยแมงมุมทันที แล้วยกมือคว้ามันกลางอากาศ…
“อย่า…” เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้าร้องเตือนอย่างไม่รู้ตัว
“ระวัง” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์และกุนซือของชาวทุ่งหญ้าตกใจหน้าจนเปลี่ยนสี อยากจะเตือนแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
แต่ทว่า สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพมือของคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินถูกใยแมงมุมตัดเป็นชิ้นๆ แต่เป็นใยแมงมุมนั่นถูกหลี่มู่คว้าเอาไว้แล้วกระชากเหมือนฝ้ายอ่อนนุ่ม ต่อมาจึงลากร่างละม้ายคนแคระสวมชุดคลุมยาวสีเขียวเข้มที่ซ่อนอยู่ในเงาเหมือนปลาแอบอยู่ในน้ำดำมืดออกมา
“เจ้า…” ผู้เฒ่าแมงมุมเขียวร้องตกใจ
เขาตื่นตะลึงถึงขีดสุด
เป็นไปได้อย่างไร?
ใยแมงมุมของตนตัดได้แม้กระทั่งเหล็ก แต่กลับฟันมือของศัตรูจนขาดไม่ได้?
พลังมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัวทะลักมาจากใยแมงมุม ทำเอาเขาสูญเสียการควบคุมไปในทันที
“ซนจริงๆ เลยนา อายุปูนนี้แล้วยังจะเล่นซ่อนแอบอีก…ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง” หลี่มู่หยอกล้อ มือก็จับใยแมงมุมเหวี่ยงผู้เฒ่าแมงมุมเขียวไปในอากาศช้าๆ สามสี่รอบเหมือนกับลูกตุ้ม จากนั้นหลี่มู่ก็ปล่อยมือโยนออกไป
โครม
ตึกหินตึกหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปสิบหกจั้งถูกกระแทกพังถล่มลงมาทันที
“ฮ่าๆ สนุกไหมเล่า?” หลี่มู่หัวเราะลั่น
ท่ามกลางฝุ่นตลบจากที่ไกลๆ เสียงโกรธแค้นของผู้เฒ่าแมงมุมเขียวดังขึ้น “เคี้ยกๆ…เจ้าทำให้ข้าสนใจเสียแล้ว วิหารเทพแมงมุมจะไล่สังหารเจ้าทั้งบนฟ้าและใต้ดินไปตลอดกาล…”
หลี่มู่ส่ายหน้า “ตัวร้ายทุกตัวก็มีคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคนี้แหละ ช่างเป็นบทสนทนาที่ไร้ประโยชน์เสียจริง”
เขาไม่ไปสนใจอีก แต่สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของเทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้า
พูดให้ถูกคือหยุดอยู่ที่ใบหน้าและ…ไหล่ด้านหน้าของเทพธิดาแห่งสงคราม
หลี่มู่คิดอยากจะดูให้ละเอียดอีกที และหาเอกลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับกัวอวี่ชิงจากใบหน้านางเพื่อยืนยันการคาดเดาของตน
แต่ทว่าแววตาแบบนี้ในสายตาของคนอื่น กลับเป็นดูแล้วค่อนข้างโจ่งแจ้งและคุกคาม
หรือคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินจะจับจ้องความงามของธิดาเทพชิงเยียนตาเป็นมันเหมือนกัน?
กุนซือหนุ่มคาดเดาในใจ
ส่วนตัวเทพธิดาสงครามเองคิ้วขมวดมุ่น ในใจเกิดความรู้สึกรังเกียจขึ้นมารางๆ อย่างอดไม่ได้
ตั้งแต่เล็กจนโตถูกสายตาแบบนี้ของคนต่างเพศจ้องมองนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านการเข้ามาชวนคุยแบบไม้แข็งหรือไม้อ่อนและความใกล้ชิดมากมาย ทำให้นางยากจะอดทนต่อการจ้องมองแบบนี้
ยามนางขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้และจะเอ่ยปากพูด…
หลี่มู่พลันถามขึ้นว่า “ธิดาเทพชิงเยียนใช่หรือไม่? เจ้ารู้จักคนที่ชื่อกัวอวี่ชิงไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา