จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 238

“ดูให้ดีเล่า สาธิตครั้งที่สอง”

หลี่มู่เหนี่ยวสายธนูอีกครั้ง ธนูเทพรั้งจันทราหลอมรวมแสงจันทร์ เพียงปล่อยสายธนู แสงจันทร์สายหนึ่งก็พุ่งไปอย่างรวดเร็วแล้วกลืนหายไปในความมืด

จากที่ไกลๆ มีเสียงวัตถุหนักร่วงลงพื้นดังมา

แทบไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าเป็นเสียงตัวประหลาดผีดิบถูกยิงร่วงลงมาจากกลางอากาศ

เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้าได้เรียนแค่เศษเสี้ยววิชาของ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ เท่านั้น ก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังในท้องทุ่งหญ้า และกลายเป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งธิดาเทพแห่งวิหารเทพหมาป่า จะเห็นได้ถึงความเลิศล้ำและความน่ากลัวของวิชา ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ได้ ดังนั้นนางจึงรู้ว่าขอแค่ธนูดอกนี้ถูกยิงออกไป ตัวประหลาดผีดิบนั่นได้ตายแน่นอน

หาก ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ จับเป้าหมายแล้วจะหนีรอดไปได้อย่างไร?

เทพธิดาแห่งสงครามรู้ถึงความน่ากลัวของวิชาธนูเทพเป็นอย่างดี

นางยิ่งมองออกว่า วิชาธนูของคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินไปถึง ‘ระดับเกาทัณฑ์ดั่งจิต’ ซึ่งเป็นลำดับสองในสามระดับคือ ‘จิตอาตมัน’ ‘เกาทัณฑ์ดั่งจิต’ และ ‘ศรสถิตสวรรค์’ ที่บรรยายอยู่ในวิชา ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ แล้ว นี่เป็นระดับที่ไม่ใช่วันสองวันก็จะสำเร็จได้ จะต้องฝึกฝนวิชาธนูเทพมาหลายสิบปีแล้ว

“สาธิตครั้งที่สาม ดูให้ดีล่ะ”

หลี่มู่ขึ้นสายธนูครั้งที่สาม

ระหว่างที่เขาพูดก็ดึงธนูเทพรั้งจันทราอีกครั้ง

คราวนี้ หลี่มู่สำแดงระดับที่สูงที่สุดของวิชาธนูเทพ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ที่เขาทำได้ในตอนนี้ แสงจันทร์สีเงินยวงทั่วฟ้าราวเกล็ดหิมะโปรยปราย หลอมรวมมายังสายของธนูรั้งจันทรา ด้านหน้าธนูมีแสงจันทร์ทะลักเข้ามา มีรูปดวงจันทร์เก่าแก่แปลกประหลาดหมุนวน อักขระลึกลับแปลงออกมาจากในคันธนู ค่ายกลวิชาเวทดาวหกแฉกขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นวูบวาบ แสงจันทร์หลอมรวมเป็นลูกธนูยาวดอกใหญ่ดอกหนึ่ง ก่อนลอยออกมาจากค่ายกลวิชาเวทดาวหกแฉก

ใต้หน้ากากผียิ้มสีเงิน หลี่มู่เบิกเนตรสวรรค์

ผู้เฒ่าแมงมุมเขียวที่ซ่อนตัวในเงามืดถอยหลังไปอย่างช้าๆ ถูกจับตำแหน่งได้อย่างแม่นยำราวกับลิงในกล้องจับความร้อน หลี่มู่เล็งเป้าแล้วยิงออกไป

แสงจันทร์พุ่งทะยาน

ประกายวาววับขนาดใหญ่ยาวหลายสิบจั้งเพียงกะพริบก็แหวกอากาศไป

“อ๊ากกก” เสียงร้องตกใจของผู้เฒ่าแมงมุมเขียวดังขึ้นในความมืด แขนข้างหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้าพร้อมโชกไปด้วยเลือด บนพื้นปรากฏรอยเลือดเป็นทาง หยดตั้งแต่ปากตรอกลึกเข้าไปไกลในความมืด

หืม?

หลี่มู่ตกใจเล็กน้อย

ธนูดอกนี้ปลิดชีวิตของเจ้าเฒ่าประหลาดนี่ไม่ได้อย่างนั้นรึ?

เหมือนว่าบนร่างของเขาจะมีของวิเศษไอปีศาจที่ป้องกันความตายได้?

เขาเก็บ ‘ธนูรั้งจันทรา’ ไประหว่างที่ขบคิด จากนั้นก้มลงมามองคนที่ราบทุ่งหญ้าอีกครั้ง สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้า กล่าวว่า “เป็นอย่างไร ตอนนี้บอกข้าได้หรือยังว่าพี่กัวอวี่ชิงเป็นอะไรกับเจ้า?”

“เจ้ารู้จักกับท่านลุงกัวได้อย่างไร?” เทพธิดาสงครามย้อนถาม

พูดอย่างนี้เท่ากับยอมรับในความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกัวอวี่ชิงแล้ว

“เราพบกันโดยบังเอิญ ถูกชะตากันเป็นอย่างมาก จึงสาบานเป็นพี่น้องกัน” หลี่มู่ตอบ “เจ้าเรียกพี่ใหญ่กัวว่าท่านลุงกัว เขาเป็นพี่ชายของพ่อเจ้า?”

เทพธิดาสงครามแห่งทุ่งหญ้าตอบ “ข้าชื่อกัวชิงเยียน”

หลี่มู่เข้าใจในทันที ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง

“ฮ่าๆ ที่แท้เป็นหลานสาวคนโตนี่เอง…ฮี่ๆ ฮ่าๆๆๆ” หลี่มู่อดหัวเราะไม่ได้ ประโยคนี้ทำเอาภาพลักษณ์ยอดฝีมือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สร้างขึ้นมาพังครืน เผยความชั่วร้ายปากเสียของราชาปีศาจหลี่มู่ออกมาแล้ว

เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเหงื่อตก

นายน้อยเผ่ายิงจันทร์และกุนซือต่างนิ่งอึ้ง

ภาพฉากกลายเป็นน่าตลกขบขันไปทันใด

แต่ทว่าหลี่มู่ก็พูดไม่ผิด หากนับลำดับอาวุโส ธิดาเทพชิงเยียนก็เป็นหลานสาวคนโตของกัวอวี่ชิงจริงๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ลงมือช่วย” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ประสานมือเอ่ยขอบคุณ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คืนนี้หากคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินไม่ปรากฏตัวทันเวลา แล้วยิงธนูสามดอกทำให้ศัตรูล่าถอยไปละก็ เช่นนั้นเกรงว่าพวกเขาคงจะต้องฝังร่างไว้ที่นี่แล้ว

“ผู้อาวุโส?” หลี่มู่พูด “อย่าๆๆ ข้าเด็กกว่าเจ้ามากนัก”

นายน้อยเผ่ายิงจันทร์เอ่ยไม่ออก

“ท่านลุงกัวตอนนี้อยู่ที่ใด? เขา…สบายดีหรือไม่?” เทพธิดาสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้ากัวชิงเยียนถามขึ้นอย่างลังเลและตื่นเต้น

“สบายดี อยู่ดีกินดี มีทั้งลูกสาวลูกชาย อืม เขาอยู่ในจักรวรรดิฉิน หากเจ้าอยากเจอเขาข้าพาเจ้าไปหาได้” หลี่มู่ไม่ได้พูดละเอียดนัก

เห็นได้ชัดว่ากัวชิงเยียนค่อนข้างสนใจ

แต่เมื่อนางมองสหายรอบๆ แล้วก็ระงับความปรารถนาในใจไว้ “ข้าต้องกลับที่ราบทุ่งหญ้าก่อน ยังมีเรื่องสำคัญอีก…ผู้อาวุโส ท่านบอกที่อยู่ของท่านได้หรือไม่ รอให้ผู้น้อยจัดการเรื่องในทุ่งหญ้าเรียบร้อยแล้วจะกลับมาเยี่ยมเยือนท่าน แล้วไปพบท่านลุงกัวด้วยกัน?”

หลี่มู่พยักหน้ากล่าว “ก็ดีเหมือนกัน คืนนี้วุ่นวาย ในเมืองฉางอันมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ควรรั้งอยู่นาน ข้าจะส่งเจ้าออกนอกเมืองเอง”

เรื่องดีต้องทำให้ถึงที่สุด ส่งพระต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป

ในเมื่อเป็นหลานสาวของพี่กัว เช่นนั้นย่อมต้องส่งพวกนางออกนอกเมืองไปอย่างปลอดภัย

“ขอบคุณผู้อาวุโส” กุนซือของชาวที่ราบทุ่งหญ้าได้ยินดังนั้นก็ดีใจนัก

นักรบที่ราบทุ่งหญ้าคนอื่นก็มีสีหน้าลิงโลดเช่นกัน

มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สูงส่งเกินหยั่งแบบนี้คุ้มกัน เช่นนั้นการออกไปจากเมืองฉางอันอย่างปลอดภัยก็แทบจะไม่ใช่ปัญหาแล้ว ไม่ต้องวิตกหวาดกลัวอีก นี่ช่างเป็นโชคที่หล่นมาจากฟ้าจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา