“องค์ชาย พวกตระกูลถังน่าจะหนีออกจากเมืองไปแล้ว”
หลิวเฉิงหลงที่ต่อแขนกลับแล้วสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
ช่วงไม่กี่วันนี้ ในเมืองมีการติดตามจับกุมครั้งใหญ่ บังเอิญจับพวกชั่วช้าและเผ่าปีศาจได้มากมาย แต่กลับหาร่องรอยของพวกตระกูลถังไม่เจอ นี่ทำให้หลิวเฉิงหลงสงสัยว่าคนเหล่านี้ไม่อยู่ภายในเมืองแล้ว
องค์ชายสองเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน “ยังอยู่ในเมืองอย่างแน่นอน”
เขาที่พูดเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีสิ่งอ้างอิงของตัวเอง
แต่ว่าเขาแค่ไม่ได้บอกหลิวเฉิงหลงเท่านั้น
ไม่กี่วันมานี้ ผลงานของหลิวเฉิงหลงทำเขาผิดหวังเล็กน้อย
กระทั่งองค์ชายสองยังรู้สึกสงสัย ขุนนางมากความสามารถจากเมืองฉินในวันวานคนนั้น พอมาอยู่เมืองฉางอันหลายปี ความสามารถเขาถดถอยลงแล้วหรือไม่
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็อยู่กับหลี่มู่ทางนั้นเป็นแน่” หลิวเฉิงหลงก็พยายามแสดงความสามารถอย่างสุดกำลัง เพื่อเรียกคะแนนคืนกลับมาบ้าง เขาเอ่ยต่อ “ทั่วทั้งเมืองฉางอันตอนนี้ สถานที่ที่ยังไม่ได้ค้นเหลืออีกไม่มากแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ ‘เรือนซอมซ่อ’ ของหลี่มู่”
องค์ชายสองส่ายศีรษะ
“ทางหลี่มู่ปล่อยไปก่อน ค้นหาในเมืองเสีย หากขุดสามฉื่อยังไม่พอ ก็ขุดลงไปสามสิบฉื่อ ขุดมันลงไปเรื่อยๆ คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลถัง จงจับมาเฆี่ยนเสียให้หมด ข้ายอมสังหารหนึ่งหมื่น แต่จะพลาดเพียงหนึ่งเดียวไปไม่ได้” องค์ชายสองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
ในใจของหลิวเฉิงหลงสะท้านขึ้นมา
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองอาจตีความหมายผิดไป
จริงๆ แล้วองค์ชายสองอาจไม่ได้ต้องการหาพวกตระกูลถัง แต่ทำตัวเป็นคนขี้เมาที่ไม่สนใจสุรา[1]?
เช่นนั้นแล้ว เป้าหมายขององค์ชายสองเป็นใครกัน?
เขารีบร้อนรับบัญชา จากนั้นเอ่ยว่า “ฝ่าบาท เจ้าสำนักยมบาลเดินทางมาถึงในเมืองแล้ว ต้องการเข้าเฝ้าองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” สำนักยมบาลเป็นสำนักใหญ่ในจักรวรรดิฉินตะวันตก มียอดฝีมือมากมาย สองผีดิบยมบาลที่อยู่ข้างกายองค์ชายสองก่อนหน้านี้ ก็เป็นคนจากสำนักแห่งนี้เอง แต่ว่าต่อสู้จนตัวตายตอนเหตุจลาจลหน่วยเลี้ยงรับรองคืนนั้นแล้ว ที่เจ้าสำนักยมบาลมายังเมืองฉางอันครั้งนี้ คงด้วยสาเหตุนี้เป็นแน่
คนสำนักยมบาลย่อมไม่อาจตายเปล่า
“ให้พวกเขาเข้ามา” ใบหน้าขององค์ชายสองปรากฏรอยยิ้มบาง
ลือกันว่าเจ้าสำนักยมบาลเก็บตัวฝึกตนเป็นร้อยปี ในที่สุดก็ก้าวข้ามขีดจำกัด บรรลุเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์เรียบร้อยแล้ว
……
จวนตระกูลหนิง
“ท่านพ่อ ข้ากับเสวี่ยเอ๋อร์อยากไปที่ ‘เรือนซอมซ่อ’ เสียหน่อย…” หลังจากรายงานเรื่องกิจการแล้วเห็นว่าบิดาน่าจะอารมณ์ดี หนิงจิ้งที่คิ้วหนาตากลมโตจึงลองหยั่งเชิงอย่างระมัดระวังต่อหน้าหนิงหรูซาน
“เจ้าคนชั้นต่ำนั่น จะไปที่เรือนซอมซ่อหรือ? ตอนนี้หลี่มู่ผิดใจกับองค์ชายสอง กลายเป็นตั๊กแตนหลังฤดูหนาวไปแล้ว กระโดดโลดเต้นได้อีกไม่เท่าไร หากนางไปที่เรือนซอมซ่อนั่น จะไม่ทำให้องค์ชายสองมองตระกูลหนิงเป็นศัตรูหรือไรกัน?” ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าปีคนหนึ่งตำหนิตรงๆ หลังได้ยินคำขอ
คนผู้นี้คือหนิงคัง คุณชายใหญ่แห่งจวนตระกูลหนิง
หนิงหรูซานมีบุตรชายสามคนและบุตรีสามคน ในนั้นมีเพียงหนิงจิ้งที่เป็นลูกนอกสมรส ครั้งหนึ่งหนิงหรูซานเมาจนขาดสติ และได้ร่วมหลับนอนกับสาวใช้คนหนึ่งจนเขาถือกำเนิดขึ้นมา
ส่วนบุตรชายสองคนและบุตรีสามคนเป็นลูกของภรรยาเอก ลูกชายคนโตหนิงคัง คนรองหนิงอัน ต่างเป็นพวกสำมะเลเทเมา ใช้สมองไม่ค่อยเป็น ทำตัวเจ้าสำอาง ใช้เงินเหมือนเทน้ำ บู๊ไม่ได้บุ๋นไม่ดี ทำการค้าก็ไร้ปัญญา หนิงหรูซานพยายามอบรมอย่างสุดความสามารถ ทว่าไม่เป็นผล ตอนนี้ทำได้เพียงเลี้ยงลูกชายสองคนนี้ไว้ในจวน ให้เงินติดตัวทุกเดือน แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ยังไม่ยอมสงบเสงี่ยม มักก่อเรื่องสร้างปัญหาอยู่เสมอ ทำให้เขาไม่อาจสบายใจได้
ส่วนบุตรีอีกสามคน คนโตและคนรองนั้นออกเรือนไปหมดแล้ว คนหนึ่งแต่งงานกับพ่อค้า อีกคนแต่งกับทหารจากกำลังพลหลักของค่ายนอกเมือง ใช้ชีวิตไม่ดีมากแต่ก็ไม่แย่ ถือว่าพอถูไถไปได้ ส่วนลูกสาวคนเล็กหนิงอิงยังไม่ออกเรือน ได้รับความรักเอ็นดูจากหนิงหรูซานมากที่สุด แต่บุตรีคนเล็กนี้กลับหันหลังให้การแต่งตัว สนใจเรื่องการยุทธ์ เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์กับแม่ชีแขนเดียวแห่ง ‘อารามพินิจใจ’ ในเมืองแล้ว วิทยายุทธ์นางใช้ได้ ซ้ำยังชอบท่องยุทธจักร มีชื่อเสียงอยู่บ้าง และยังถือเป็นสาวงามที่มีชื่อของเมืองด้วย
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนทั่วไปมองความตกต่ำของตระกูลหนิงออกกันทั้งสิ้น คนตระกูลหนิงส่วนใหญ่กลับไม่รู้จักประเมิณตน เอาแต่วางมาดว่าเป็นลูกหลานของขุนพลใหญ่ นอนอยู่บนความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษ หลายปีนี้ หากไม่ใช่เพราะเขาพยายามรักษามันไว้อย่างเต็มกำลัง จวนตระกูลหนิงคงไม่มีหน้าออกไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้ว
มีเพียงหนิงจิ้งลูกนอกสมรสที่ขยันซื่อสัตย์เป็นทุนเดิม รับผิดชอบหน้าที่การงาน และยังช่วยเหลือกิจการบางส่วนของตระกูลได้ เดิมทีบุตรชายคนนี้ไม่อยู่ในสายตาของหนิงหรูซานเลย อย่างไรเสียหนิงจิ้งก็แค่เป็นคนซื่อสัตย์ แต่ยังไม่ฉลาดมากพอ ทำการค้าก็เพียงไม่ขาดทุน ทว่าก้าวหน้าได้ยาก สอบไม่ผ่านเรื่องทำให้ตระกูลรุ่งเรือง
แต่ทว่า หนิงจิ้งกลับได้แต่งภรรยาผู้หนึ่งที่มีพรสวรรค์ด้านการค้าอย่างน่าตะลึง ถึงแม้มีฐานะเป็นเพียงสาวใช้ แต่ด้านการค้า นางมีความสามารถที่แม้แต่พวกเถ้าแก่ใหญ่ในสมาพันธ์การค้าด้านนอกหลายคนก็ยังไม่มี ทำให้หนิงหรูซานตกตะลึงยิ่งนัก ดังนั้นในช่วงไม่กี่ปีนี้ เขาจึงค่อยๆ ให้สามีภรรยาหนิงจิ้งรับกิจการบางอย่างของตระกูลไป พวกเขาก็ดูแลจัดการได้เรียบร้อยสมบูรณ์และดีขึ้นเรื่อยๆ จวนตระกูลหนิงถึงรักษาสภาพการณ์ในตอนนี้เอาไว้ได้
แต่หากเป็นเช่นนี้ ก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้บุตรชายสองคนที่เหลือคิดว่าบิดาลำเอียงให้กับคนชั้นต่ำลูกเมียน้อย ส่งต่ออำนาจดูแลกิจการให้คนใช้คนหนึ่ง จะมีคำครหามากมายตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
หนิงคังไม่ชอบขี้หน้าสามีภรรยาหนิงจิ้งมาโดยตลอด มักจะจิกกัดก่นด่าเสมอ ยามนี้สบโอกาสจึงตำหนิ ด่าตงเสวี่ยว่าเป็นคนชั้นต่ำ และไม่ยอมให้ทั้งคู่ไปยัง ‘เรือนซอมซ่อ’ นั้น
หนิงหรูซานกลับคิดอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ก็ดีเหมือนกัน พวกเจ้าไปเถอะ”
เขาก็คาดหวังบางอย่างจากตัวหลี่มู่เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา