จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 271

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ประกายหอกดุจสายฟ้า กระจายเต็มผืนนภาราวหมู่ดาว

จำต้องยอมรับว่าพลังที่แท้จริงของเมิ่งอู่แก่กล้ายิ่งนัก หอกเงินเล่มหนึ่งกลับโลดแล่นราวมังกรเงินเมื่ออยู่ในมือเขา แสงหอกผลุบโผล่กระจายเต็มท้องฟ้า รวดเร็วและแม่นยำ เมื่อประสานกับพลังฝึกอหังการแล้ว คู่ควรกับคำว่าหอกดุจดาวบนฟ้าอาชาดุจมังกรจริงๆ

แต่ชายหนุ่มอำพรางหน้าในชุดขาว สองมือกำกระบี่มั่น กลับราวห่านป่าเตลิดหนี น้ำไม่อาจผ่าน ฝนไม่อาจต้อง รับมือป้องกันได้อย่างแน่นหนา และแฝงการโต้กลับเอาไว้ เขาแทงสวนกลับในบางจังหวะ ในช่วงที่เมิ่งอู่แรงเก่าหมดลง แรงใหม่ยังไม่ทันมา จึงบีบให้เมิ่งอู่จำต้องหันมาป้องกันได้

ทว่า สิ่งที่ทำให้เมิ่งอู่พูดไม่ออกที่สุดก็คือ พลังแท้จริงของชายหนุ่มคลุมหน้าในชุดขาวคนนี้ เห็นชัดๆ ว่ายังไม่ถึงขั้นฟ้าประทาน แค่อาศัยวิชากระบี่อันยอดเยี่ยมกับฝีมือในการสู้รบเท่านั้น แต่สามารถรับมือกับการโจมตีราวห่าฝนเช่นนี้ได้

“หลีกไปให้หมด ห้ามเข้ามาสอด ข้าจะจับเป็นพวกสมคบคิดกับตระกูลถังคนนี้”

เมิ่งอู่โมโหจนร้องลั่น สั่งการขึ้นมา

แต่ผ่านไปเพียงชั่วหนึ่งก้านธูป เขาก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบกลแล้ว

พริบตาแรกที่ปะทะกัน อีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะถูกตนแทงตายบนพื้นแล้วแท้ๆ เมื่อโต้กลับด้วยท่าชูกระบี่ชี้นภา หยุดหอกราวสายฟ้าของเขาได้ ก็ทะลวงขั้นพลังเสียแล้ว ทว่าตอนนี้ ระยะเวลาประมือยืดยาวออกไป ท่าทางของฝ่ายตรงข้ามกลับดุดันขึ้นเรื่อยๆ ปราณกระบี่เย็นยะเยือก มีเค้าลางว่ากำลังจะทะลวงขั้นอีกอยู่รำไร

มารดามันเถอะ นี่มันอัจฉริยะด้านต่อสู้จริงหรือนี่?

เมิ่งอู่ทั้งโกรธทั้งโมโห

“ตาย!”

หอกยาวของเขาสะบัด สาดคมหอกออกไป ทันใดนั้น มือซ้ายก็ล้วงเอากระบอกเข็มสีดำราวหมึกกระบอกหนึ่งออกมา มือบิดที่ก้นกระบอก เสียงฟิ้วดังขึ้น เข็มเล็กเท่าขนวัวห่าใหญ่พุ่งหวือสาดตรงไปยังชายหนุ่มในชุดขาวทันที

“เจ้า…” ชายหนุ่มคลุมหน้าชุดขาวคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ อีกฝ่ายจะใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้ลอบกัด เขาวาดกระบี่เพื่อปัดป้อง แต่กระบวนท่าถูกทำลาย หน้าอกเกิดอาการชา ไหล่ซ้ายถูกหอกแทงใส่จนลอยกระเด็นออกไป

เมิ่งอู่ไม่พูดจา เสือกหอกเงินแทงซ้ำอีกครั้ง เป้าหมายอยู่ที่หัวใจ

เมื่อชายหนุ่มปิดหน้าในชุดขาวเห็นว่าตนกำลังจะถูกหอกแทงตาย เขาจึงเลือกหนทางเดียวกับพี่น้องของตนก่อนหน้า กริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ก่อนยกมันขึ้นจะกรีดใบหน้าทำลายรูปลักษณ์ ป้องกันหายนะที่จะมาเยือนสำนักและเพื่อนพ้องตน…

ทว่า ในตอนนี้เอง…

ฟิ้ว!

ประกายดาบหนึ่งฟาดฟันเข้ามา

ฉับพลันชายหนุ่มรู้สึกสั่นสะเทือนที่กลางฝ่ามือ กริชถูกกระแทกปลิวออกไป

ในเวลาเดียวกัน หอกเงินที่แทงเข้ามาก็ถูกคมดาบผ่าอย่างรุนแรงเช่นกัน เสียงตูมดังสนั่น หอกเงินโค้งงอจากตรงกลาง เมิ่งอู่เจ้าของหอกร้องขึ้นด้วยความตกใจ ระหว่างที่ตัวหอกยังสั่นสะท้านไม่หยุด ง่ามนิ้วของเขาก็โชกชุ่มด้วยเลือด ไม่สามารถจับยึดมันได้อีก หอกเงินจึงลอยคว้างออกไป

ส่วนคมดาบทั้งสองสายนั้นกลับหมุนตีวงกลางอากาศ และค้างนิ่งอยู่กับที่ราวกับมีชีวิต

มันคือดาบบินประหลาดสีฟ้าอ่อนสองเล่ม

“ใครกัน?” เมิ่งอู่ตะโกนอย่างเดือดดาล จากนั้นรูม่านตาหดลงเล็กน้อย

แสงสีเงินแหวกผ่าท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป

บนตัวดาบมีคนผู้หนึ่งยืนตระหง่านอยู่ด้านบน

วิชาดาบเหินหาว!

หลี่มู่!

ในเวลาที่สำคัญที่สุด คนที่ลงมือฉับพลันกลับเป็นฝันร้ายที่เขากลัวมากที่สุดในช่วงไม่กี่วันนี้ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์หลี่มู่

“จอมยุทธ์สายรัดหมวกไร้ลวดลาย คมดาบเปล่งประกายราวน้ำค้างแข็ง…”

หลี่มู่เหยียบดาบพุ่งเข้ามา ปากก็ร่ายกลอน ราวกับเซียนขี่ลมขี่เมฆลอยมา

ฟิ้ว ฟิ้ว!

เมื่อกลอนสองประโยคนี้จบลง ดาบถลาลมรูปร่างพิลึกทั้งสองก็ประหนึ่งนกนางแอ่นกลับรัง บินย้อนกลับมารวมกับดาบยักษ์สีเงินใต้เท้าของหลี่มู่จนเป็นหนึ่งเดียวกัน

“หลี่มู่ เจ้ากล้าสมคบคิดกับพวกตระกูลถัง…” เมิ่งอู่ลูกตาแทบถลน แผดเสียงออกมาด้วยความเกลียดชัง หนวดเคราผมเผ้าตั้งชัน “สถานการณ์อย่างวันนี้ เจ้ายังกล้ามาปรากฏตัว ก่อนหน้าก็สมคบคิดกับเผ่าปีศาจ ตอนนี้ยังมาข้องเกี่ยวกับตระกูลถังอีก รนหาที่ตายนัก สังหารมันซะ”

บนพื้น หน้าไม้ทลายดาวนับไม่ถ้วนทยอยเล็งไปยังหลี่มู่ จากนั้นพากันยิงออกมา

ลูกธนูพุ่งเข้าใส่หลี่มู่ราวตั๊กแตน

“ประกายเงินสาดชุดขาว เสียงพุ่งทะยานราวดาวตก!”

บทกลอน ‘การเดินทางของจอมยุทธ์’ จากยอดกวีหลี่ไป๋ที่โลกเดิม หลี่มู่นำมาดัดแปลงและท่องออกมา นัยน์ตาของเขาเผยจิตสังหาร

วันนี้ เขามาเพื่อสังหารคน

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

ดาบวัฏจักรยักษ์สีเงินใต้เท้าเขาแยกออกจากกันอย่างฉับพลัน กลายเป็นดาบยี่สิบสี่เล่มหมุนรอบตัว ระหว่างที่คมดาบหลากสีหมุนวน ศรทลายดาวทั้งหมดถูกฟันสะบั้นสลายกลายเป็นฝุ่น จากนั้นดาบถลาลมทั้งยี่สิบสี่ก็กลับมารวมตัวเป็นดาบวัฏจักร หวนมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาอีกครั้ง

ภาพฉากที่เห็นตื่นตาราวอภินิหาร เคล็ดวิชาเยี่ยมยอดของมันทำเอาคนที่เห็นตาลาย เสมือนได้เห็นความสามารถเซียนอย่างไรอย่างนั้น

เหล่าทหารลาดตระเวนสวมเกราะด้านล่างต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง

“นี่คือ…ทักษะแห่งเซียน”

“เหนือมนุษย์ นี่ต้องเป็นขั้นเหนือมนุษย์แน่ๆ”

“ต่อกรไม่ไหว”

พวกเขาสูญเสียความกล้าหาญในการรบไปแล้ว

“องค์ชายสองอยู่ที่ไหน?” หลี่มู่ถาม เสียงดังราวสายฟ้า “ออกมาสู้กันเดี๋ยวนี้!”

วันนั้นที่หน้าประตูสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ คนที่ส่งตราดัชนีทองมาสังหารซ่างกวนอวี่ถิง ก็คือองค์ชายสองนี่เอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา