นักพรตคิ้วยาวโมโหจนเกือบกระอักเลือด
จะหน้าไม่อายเกินไปแล้ว คำพูดแบบนี้ยังกล้าเอ่ยออกมา เอาเปรียบคนอื่นแล้วยังจะหน้าด้านอีก
เขาต่อแขนแล้วเรียบร้อย แต่ไม่มีความกล้าที่จะสู้อีกแล้ว
‘กระจกสยบฟ้า’ เป็นอาวุธสำคัญของจักรวรรดิ สะกดการโคจรพลังในเมืองฉางอันไว้ มีเพียงเจ้าเมืองเท่านั้นที่ควบคุมได้ เมื่อขับเคลื่อนแล้วพูดได้ว่ารวบรวมพลังของทั้งเมือง สะกดทั่วทุกทิศ ทั้งพลังมนุษย์และพลังฟ้าดินในเมืองฉางอันล้วนถูกอาวุธเทพชิ้นนี้สะกด นอกเสียจากเจ้าเมืองหลี่กังจะสลายพลัง ‘กระจกสยบฟ้า’ หรือมีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ไม่ก็ของวิเศษเพิ่มพลังเหมือนองค์ชายสอง หรือหลุดพ้นขั้นเหนือมนุษย์ก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะ ถึงจะมีพลังขับเคลื่อนพลังฟ้าดินได้
ในสภาวะเช่นนี้ นักพรตคิ้วยาวรู้ตัวเลยว่าไม่ใช่คู่มือของหลี่มู่
ข้างหลังองค์ชายสองยังมีอีกหลายคน เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่ติดตามมา กำลังพยายามควบคุมความคิดที่จะลงมือ
พูดตามตรง พวกเขาตื่นตะลึงกับกำลังรบที่หลี่มู่สำแดงออกมาเมื่อครู่มาก
โดยเฉพาะท่าดาบเหินหาวอัศจรรย์พันลึกราวกลวิชาเซียน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมีใครพัฒนาเพลงดาบได้ถึงขั้นนี้ กระบวนท่ากระบี่เหินหาวของสำนักกระบี่สวรรค์ก็มีชื่อเสียงมากในแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่ไม่อาจเทียบกับดาบเหินหาวของหลี่มู่ได้เลย
วิชาดาบเหินหาวของหลี่มู่ ทักษะเลิศล้ำใกล้เคียงกับหลักแห่งเต๋า พลังสังหารน่าสะพรึงกลัว
“ตาย”
องค์ชายสองเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
ร่างเงากะพริบวูบ
ยอดฝีมือสี่คนข้างหลังเขาร่างกะพริบไหว โจมตีสังหารไปยังหลี่มู่พร้อมกัน
ชายหนุ่มชุดขาวอำพรางหน้าที่อยู่ข้างกายหลี่มู่ ตอนนี้ก็ตั้งสติกลับมาแล้ว เขาห้ามเลือดจากแผลหอกที่ไหล่ ก่อนกวัดแกว่งกระบี่ทั้งสอง “ข้าช่วยเจ้าเอง!” เขาพยายามสกัดหนึ่งในสี่คนที่ล้อมโจมตีหลี่มู่
ทว่า ประกายดาบสายหนึ่งสกัดชายชุดขาวเอาไว้
“ถ้าอยากตาย ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง” คนที่ลงมือคือฉู่หนานเทียนหนึ่งในผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์ยุคปัจจุบัน จอมกระบี่หนุ่มที่แพ้ให้กับหลี่มู่ก่อนหน้านี้นั่นเอง หลังจากจำศีลไปหลายวัน เห็นได้ชัดว่าหันไปพึ่งพาองค์ชายสองแล้ว
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์ยุคปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่มู่ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นขั้นฟ้าประทาน วิชากระบี่ล้ำเลิศ พอลงมือก็ควบคุมชายหนุ่มชุดขาวปิดหน้าที่แต่เดิมได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วเอาไว้ อันตรายเกิดขึ้นไม่หยุด ทำให้ฝ่ายหลังไม่อาจช่วยหลี่มู่ได้
ที่ไหล่ของเขา แผลหอกปริแตกเพราะออกแรง เลือดพุ่งกระฉูดย้อมจนชุดสีขาวแดงเถือก
“ตาย!”
เขาคำรามลั่น เหมือนไม่รู้สึกรู้สากับบาดแผลบนร่าง กระบี่คู่กวัดแกว่งราวกับเจียวคลั่งอาละวาดกลางสมุทร เหมือนอาทิตย์ฉายเหนือยอดเขาหิมะ พลังไม่ด้อยกว่าตอนที่สู้กับ ‘อาชาสวรรค์หอกเงิน’ เมิ่งอู่ก่อนหน้านี้เลย ถึงแม้จะเสียเปรียบ แต่ชั่วขณะนั้นก็พอจะสู้ได้ ไม่แพ้และไม่ตาย
หลี่มู่เดิมจะช่วยเหลือ แต่เห็นฉากนี้แล้ว ในใจก็อดจุปากอย่างอัศจรรย์ไม่ได้
ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้น่ากลัวว่าคงมีคุณสมบัติกายด้านต่อสู้ที่พิเศษอย่างหนึ่ง ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง คนแบบนี้เหมือนกับเฉียวฟง หนึ่งในสามพระเอกของเรื่อง ‘แปดเทพอสูรมังกรฟ้า’ เกิดมาก็เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ วิชายุทธ์ที่เหมือนๆ กัน เมื่ออยู่ในมือเขากลับสำแดงพลังได้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นหลายสิบเท่า ลองคิดดู หัวหน้าพรรคกระยาจกหลายรุ่นล้วนมีสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรและไม้เท้าตีสุนัข แต่มีเพียงอยู่ในมือของเฉียวเฟิงเท่านั้นถึงแทบเรียกได้ว่าไร้พ่าย
หากมี BGM เป็นของตัวเอง พกลำโพงมาเปิดเองละก็ เช่นนั้นก็จะไร้พ่ายในใต้หล้าเหมือนกับเฉียวฟงแล้วจริงๆ[1]
ถึงอย่างไร คนที่เวลาเปิดตัวออกมาสู้แล้วมีเพลงขึ้น สามสี่คนนั้นก็ล้วนไร้พ่ายกันทั้งสิ้น
สำหรับหลี่มู่ ชายหนุ่มชุดขาวมีแนวโน้มจะเป็นเฉียวฟง
อีกทั้งเพื่อช่วยพวกถังฮูหยิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องตายแน่ก็ยังคงลงมือช่วย นับเป็นคนที่มีความกล้าหาญจริงใจ คนแบบนี้หลี่มู่ชื่นชมเป็นอย่างมาก
ขณะในใจของเขากำลังขบคิด ก็ไม่ส่งผลกระทบกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ที่ลงมือเป็นคนข้างกายองค์ชายสอง พลังไม่ด้อยไปกว่านักพรตคิ้วยาวเลย ทุกคนเป็นขั้นเหนือมนุษย์ทั้งสิ้น แต่กลับร่วมมือกันสังหารหลี่มู่ นี่เรียกได้ว่าทำให้ความภาคภูมิใจและเกียรติของขั้นเหนือมนุษย์ตกต่ำถึงขีดสุดทีเดียว
และนี่ก็เป็นการประกาศว่า นับจากพริบตานี้เป็นต้นไป การฆ่าล้างสังหารในวังวนการเมืองที่แท้จริงเปิดฉากขึ้นแล้ว
สำหรับองค์ชายสอง สิงโตจับกระต่ายก็ต้องใช้แรงสุดกำลัง เขารู้สึกไม่ชอบกลบางอย่าง จึงจะจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดและกวาดล้างทุกสิ่ง ชื่อเสียงใดล้วนไร้ประโยชน์ ขอแค่ตัดหัวหลี่มู่และหลี่กังได้ถึงจะนับว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง นับแต่โบราณมาผู้ทำการใหญ่ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ประวัติศาสตร์ล้วนจดจำแต่ผู้ชนะเท่านั้น
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ดาบบินกะพริบวับไหว ปราณดาบถาโถมตามใจ
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แต่จิตหมายต่อสู้ในกายของเขากำลังลุกไหม้เดือดพล่าน
พลังของ ‘กระจกสยบฟ้า’ สะกดพลังฝึกของขั้นเหนือมนุษย์ทั้งสี่เอาไว้ หากไม่อาจเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินได้ ก็เท่ากับถูกสะกดขอบเขตเหนือมนุษย์ขั้นสูงสุดสมบูรณ์ ถึงแม้จะยังคงเหนือกว่าหลี่มู่ แต่หากไม่มีการเพิ่มพลังจากพลังฟ้าดิน ก็จะไม่เป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าสำหรับหลี่มู่ สี่คนนี้เป็นหินลับมีดที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ์ของตัวเอง
หัตถ์ดาบออกท่าหกดาบวายุเมฆา ความคิดควบคุมดาบบินเล็กใหญ่ยี่สิบเล่ม ปราณดาบล้อมรอบทั่วร่างเขา ศึกดุเดือดเกิดขึ้น เพียงแค่พริบตาก็รักษาโอกาสชนะไว้ได้ครึ่งๆ
องค์ชายสองยืนอยู่บนหอสูง ไม่ได้สนใจการต่อสู้ศึกนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา