ศึกของสามผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์หลอมรวมพลังฟ้าดินเข้ามา รอบๆ มีม่านพลังเหลือบรุ้งเทพมารต้านทานไว้ ปิดกั้นจากโลกภายนอก ทำให้ระดับความเข้มข้นพลังวิญญาณในสนามรบมากเกินกว่าปกติ เทียบได้กระทั่งแดนเซียนบางแห่ง ค่ายกลที่หลี่มู่วางจึงได้รับพลังวิญญาณเข้มข้นหลายสิบเท่า การป้องกันย่อมเหนือกว่าสภาวะปกติ
อีกทั้งกฎแห่งพลังฟ้าดินขับเคลื่อน ยิ่งเป็นการเพิ่มพลังให้กับค่ายกลอย่างพิสดาร
หลี่มู่หัวเราะฮิๆ
ร่างของเขาวนรอบโถงใหญ่อย่างรวดเร็วอีกรอบ
ดาบบินยี่สิบสี่เล่ม ปราณดาบถาโถมรอบด้าน ราวพู่กันสลักยี่สิบสี่เล่ม สลักอักษรเต๋าลึกลับหลายแถวตามกำแพงของโถงใหญ่และเสาหินดั่งลำแสงอีกครั้ง ชั่วขณะที่สลักออกมา อักษรเต๋าเหล่านี้กะพริบแสงออกมาเป็นเส้นๆ จากนั้นก็ราวกับรอยวาดจากน้ำที่ถูกลมพัดแห้ง ตาเนื้อไม่อาจมองได้เห็นอีกต่อไป
คนอื่นๆ ซาบซึ้งอย่างมากเมื่อหลี่มู่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ค่ายกลป้องกันโถงใหญ่
สถานการณ์ในวันนี้ดำเนินมาถึงขั้นนี้ คนทั้งหมดในโถงใหญ่โดยพื้นฐานแล้วเป็นแค่ของประดับ สร้างผลกระทบอะไรให้สถานการณ์รบไม่ได้เลย ขั้นเหนือมนุษย์สูงสุดทั้งสามที่กำลังต่อสู้อยู่บนที่สูงลิบราวกับเทพเซียนบนฟ้า กำลังรบที่ปะทุออกมาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือได้ แค่เศษเสี้ยวพลังสายเดียวก็ปลิดชีวิตพวกเขาได้ ผู้ที่พลังแข็งแกร่งที่สุดในนั้นอย่างหัวหน้าโรงฝึกยุทธ์ถานเยี่ยนจือก็ยังยากจะรับไหว
มีเพียงหลี่มู่คนเดียวที่ใช้พลังค่ายกลปกป้องทุกคนเอาไว้
ทุกคนในนั้นจึงล้วนติดหนี้ชีวิตหลี่มู่
สุภาพบุรุษวาโยหวางเฉินมององค์หญิงฉินเจินที่อยู่ข้างๆ กำลังจะอ้าปากเอ่ย แต่สายตาของฝ่ายหลังห้ามเอาไว้เสียก่อน
นักรบของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้คลั่งไคล้การต่อสู้ พวกเขาต่างเฝ้าดูการต่อสู้กลางท้องฟ้า ดวงตางดงามของถานเยี่ยนจือไล่ไปมาบนร่างของหลี่มู่ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางก็เห็นสายตาของฉินเจิน ดังนั้นจึงไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน
ถังฮูหยินกอดบุตรสาวคนเล็กเอาไว้แน่น มือขวาจับบุตรสาวคนโตเอาไว้ ในใจอธิษฐานให้หลี่กังและสวีเซิ่งได้รับชัยชนะ
ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ ในที่สุดหลี่มู่ก็หยุดลง
เนตรสวรรค์เบิกขึ้น กวาดไปทั่วทั้งโถงใหญ่หอบวงสรวง มองทะลุกำแพงหิน ก็เห็นอักขระเต๋าที่ตาเนื้อของคนอื่นมองไม่เห็นเหล่านั้นได้ชัดเจน ร่องรอยหลายต่อหลายแถว ลวดลายเคลื่อนไหวแต่ละเส้น แฝงด้วยจิตสูงสุดแห่งวิชาเต๋า สลักเต็มกำแพงหินโถงใหญ่ไปจนถึงชั้นดินภายในระยะสามจั้งใต้โถงใหญ่ประหนึ่งม้วนภาพวาดอันงดงาม
ดาบทั้งยี่สิบเล่มสี่บินกลับมา ก่อนแปลงเป็นดาบวัฏจักรสีเงินเล่มยักษ์ปักอยู่แทบเท้าหลี่มู่
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
คนอื่นไม่รู้ตัว แต่เนตรสวรรค์ของหลี่มู่กลับสามารถมองเห็นได้ ค่ายกลที่เขาสลักขึ้นใหม่บนกำแพงหินกำลังดูดซับเศษเสี้ยวพลังการต่อสู้ในสนามรบของขั้นเหนือมนุษย์ทั้งสามอย่างเงียบงัน พลางดูดซับพลังฟ้าดินชนิดนี้ไปตามลวดลายที่เหมือนกับวงจรไฟฟ้า สุดท้ายก็รวมไปยังใต้พื้นดินของโถงใหญ่
และใต้โถงใหญ่ลึกลงไปสามจั้ง ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ กำลังดูดซับพลังชนิดนี้อย่างหิวกระหาย
ในห้าส่วนของห้าธาตุ ธาตุดินมีแสงสีส้มส่องกะพริบ เหมือนหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน สกัดกั้นการมองสอดแนมทุกอย่างจากโลกภายนอก และซ่อนพลังที่ดูดซับมาไว้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่แผ่กระจายคลื่นพลังออกไปแม้แต่น้อย
‘สู้กันเลยๆ สู้กันนานอีกหน่อย ‘ชาร์ตแบต’ ให้กับลูกรักของข้า พอ ‘แบต’ เต็มเมื่อไหร่ ฮี่ๆ…’ หลี่มู่แอบยิ้มกระหยิ่ม มีความสุขราวขโมยของได้สำเร็จ พลังฝึกของเขาไม่มากพอ ไม่อาจมอบกำลังที่เพียงพอให้กับ ‘ตราห้าธาตุพลิกนภา’ ได้ แต่กับผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์สูงสุดสามคนนี้…ฮี่ๆ สู้กันให้เต็มที่ไปเลย
เวลาผ่านไป
อาณาเขตนอกโถงใหญ่กลายเป็นซาก
หินปูพื้นถูกซัดปลิวไปไม่รู้กี่ตลบ สุดท้ายหิน ดิน สิ่งก่อสร้าง อีกทั้งร่างของจอมยุทธ์นักรบที่ตายไปล้วนกลายเป็นผุยผง ภายในบริเวณที่ม่านรุ้งเทพมารปกคลุม นอกจากโถงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านราวเกาะโดดเดี่ยวโดยมีค่ายกลปกป้องเอาไว้ สิ่งอื่นล้วนกลายเป็นผุยผง แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทรายจนหมด
กลางท้องฟ้า พลังฟ้าดินเอ่อทะลักราวคลื่น
อากาศเหนียวข้น
จิตกระบี่ท่วมฟ้า ปราณหมัดราวสายอัสนี
เซียนกระบี่ธุลีแดงหลี่กังและหมัดเทพทลายฟ้าสวีเซิ่งใช้ไพ่ตายออกมาหมดแล้ว ไม่รู้สำแดงเคล็ดวิชาต่อสู้ชั้นยอดไปเท่าไหร่ จิตกระบี่จิตหมัดเยี่ยมยอด ต่างหลอมจิตสูงสุดแห่งวิถียุทธ์ที่เป็นของตนออกมา ทว่าพวกเขาสองคนร่วมมือกันก็ยังถูกควบคุมไว้ไม่ได้
“ฮ่าๆ แม้แต่หน่วยตรวจการยังกลายเป็นสุนัขรับใช้ของรัชทายาท ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันจริงๆ วันนี้พวกเจ้าต้องตาย” องค์ชายสองหัวเราะเย้ยหยัน
ทั่วร่างของเขามีเลือดลมปีศาจมารพันล้อม เขาบนหัวแผ่ละอองหมอกราวเลือดออกมา ดวงตาดุจตาของมารร้าย ไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่คำเดียวก็ราวกับทำให้ฟ้าดินสั่นไหวได้ ทั้งยังแฝงท่วงทำนองแปลกประหลาดเอาไว้ เมื่อฝ่ามือหนึ่งซัดออกไป มังกรโลหิตกลายพันธุ์สีทองเหี้ยมเกรียมก็คำรามออกมาพร้อมอานุภาพที่คาดไม่ถึง
“อั้ก!”
ฝ่ามือขององค์ชายสองซัดสวีเซิ่งกระเด็นจนกระอักเลือด
หลี่กังฟันหลายร้อยกระบี่ออกมาในชั่วพริบตา แสงกระบี่ราวดาวตก จิตกระบี่ธุลีแดงทำลายล้างฟันออกมาไม่ขาดสาย พอถูไถสกัดฝ่ามือขององค์ชายสองไว้ได้ แต่เขาสีหน้าซีดขาว มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมา บาดแผลที่ถูกองค์ชายสองลอบโจมตียามสู้กับเฉาปิ่งเหยียนก่อนนี้ยังไม่หายดี ตอนนี้ต่อสู้ก็ยังถูกพลังมารสะเทือนปอด แผลเก่าใกล้จะฝืนทนไม่ไหวแล้ว
“ฮ่าๆ แพ้ไปซะเถอะ”
องค์ชายสองหัวเราะร่า ใบหน้าที่แต่เดิมงามสง่ามีเส้นเลือดสีแดงเข้มบิดเบี้ยวราวงูพิษขึ้นเต็มไปหมด “เคล็ดมังกรทะยาน ตราประทับฝ่ามือมังกร!”
กระบวนท่าสุดยอดถูกสำแดงออกมา
ตราประทับฝ่ามือมังกรโลหิตทองสองตรา กดทับลงมาจากบนท้องฟ้า
ตูม ตูม!
สวีเซิ่งและหลี่กังลอยกระเด็นอีกครั้ง กระแทกเข้ากับม่านพลังรุ้งของเทพปีศาจสีเลือดเข้าเต็มแรง กระดูกทั่วร่างของทั้งสองหักไปไม่รู้ต่อกี่ท่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา