เดิมทีโลกใบนี้ไม่ได้ตัดขาดจากดาราสมุทรจริงๆ ยังสามารถติดต่อกับชนเผ่าจักรวาลในดาราสมุทรได้?
ไม่ใช่บอกว่าดาวนี้เป็นดาววิถียุทธ์ระดับล่างที่แยกออกมาเดี่ยวๆ หรือ?
มารดามันเถอะ ซินแสเฒ่าหลับหูหลับตาพูดโม้แล้ว
หรือตาเฒ่าอยู่บนโลกตั้งนานแสนนานเกินไป แท้จริงตัดขาดจากก้าวย่างแห่งยุคสมัยไปแล้วกันแน่?
หลี่มู่รู้สึกมึนงงนิดหน่อย
แต่ว่าพอกลับมาคิดดู ประวัติศาสตร์ของแผ่นดินนี้ที่ตนเองรู้มา เหมือนจะไม่ค่อยมีขั้วอำนาจดาราสมุทรรุกล้ำเข้ามาเลย ดังนั้นการอัญเชิญอย่างที่องค์ชายสองทำจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยนัก อารมณ์ประมาณใช้โทรศัพท์ดาวเทียมโทร แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีสัญญาณของ ‘โทรศัพท์ดาวเทียม’ ด้วย…เกิดขึ้นได้น้อยมาก?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของหลี่กังแล้ว สิ่งที่องค์ชายสองทำเหมือนจะเป็นเรื่องต้องห้ามในโลกนี้ซะแล้ว
แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร ใช้เลือดเนื้อประชาชนสังเวยเพื่อเปิดประตูมิติ ดูแล้วก็เหมือนวิชาชั่วร้ายประเภทหนึ่ง ไม่ใช่วิชาสายธรรมะ
ดวงตาของหลี่มู่จับจ้องอยู่ที่หลุมดำสีเลือดกว้างประมาณสามฉื่อ
ห้วงดาราสมุทรไร้ขอบเขตที่อยู่อีกฝั่ง กลุ่มดาวสีสันสวยงามกับดวงดาวที่กะพริบอยู่ไกลๆ เต็มไปด้วยสีสันแห่งความลึกลับ และดวงตาราวกับทะเลเลือดที่ลอยอยู่กลางดาราสมุทรนั้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย คอยดูดเอาเลือดเนื้อของชาวเมืองฉางอันที่ตายไปไม่หยุด
“สะบั้น!”
หลี่กังฟันกระบี่ออกไปหนึ่งครั้ง จิตแห่งกระบี่ท่วมฟ้า
ทว่าลึกเข้าไปในหลุมดำสีเลือด แสงชั่วร้ายบางๆ สีแดงคล้ำชั้นหนึ่งห่อหุ้มร่างขององค์ชายสองไว้ด้านใน เมื่อจิตกระบี่ธุลีแดงฟาดฟันถูกแสงนั้นกลับไม่มีอาการใดเกิดขึ้น เหมือนวัวดินจมลงสมุทร ถูกสลายไปทันที
“ข้าทาสผู้ต่ำต้อย เจ้าต้องการอะไร?” เสียงชั่วร้ายดังลอดออกมาจากอีกฝั่งของหลุมดำสีเลือด
องค์ชายสองเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง “เทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ โปรดมอบพลังขั้นเทวะให้กับข้าเถิด รวมทั้ง ‘ยอดวิชาแพะทมิฬ’ ขั้นที่สอง…”
“พลังแห่งเลือดเนื้อที่สังเวยไม่เพียงพอ” เสียงเทพแพะเมฆาดำอันชั่วร้ายดังมา เรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์
“นี่…” องค์ชายสองคับแค้นใจอย่างมาก
สามปีก่อนหน้า หลังจากที่เขาได้รับรูปปั้นผลึกเลือดของเทพแพะเมฆาดำมา เขาดีใจแทบคลั่ง ยกมันเป็นสมบัติล้ำค่า ลักลอบติดต่อกันมาหลายต่อหลายครั้ง และแอบจัดเตรียมอย่างลับๆ เดิมทีเขาต้องการรวบรวมเลือดสดสังเวยให้เพียงพอเพื่อแลกกับพลังและวิชาที่แกร่งขึ้น แต่ครั้งนี้เขากลับถูกบีบจนจนตรอก การอัญเชิญสูญเปล่าเพราะเตรียมการมาไม่พอ จึงไม่อาจได้รับสิ่งที่ใจเฝ้ารอมากที่สุดมา
“เช่นนั้นขอท่านมอบพลังขั้นเทวะให้กับข้าก็แล้วกัน” องค์ชายสองเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย
เมื่อมีพลังขั้นเทวะ เขาก็สามารถกวาดล้างเมืองฉางอัน จัดการสังหารพวกหลี่กังหลี่มู่ จากนั้นบดขยี้ทั้งเมืองให้เป็นผุยผง สังหารผู้คนให้หมดสิ้น ถึงตอนนั้นก็โยนความผิดฐานติดต่อกับเทพปีศาจนอกพิภพให้หลี่กังเสีย ส่วนตัวเองเอาตัวรอดไปได้
“การสังเวยเลือดเนื้อครั้งนี้ของเจ้าน้อยนิดเกินไป อีกทั้งร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไปเช่นกัน ข้ามอบให้ได้เพียงพลังดาวบริวารหนึ่งในพันเท่านั้น…” เสียงเฉยชาของเทพแพะเมฆาดำดังก้อง
ต่อมา ด้านในของหลุมดำสีเลือดมีมวลพลังขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งทะลักออกมา ดูคล้ายเลือดสดพุ่งเข้ามายังโลกใบนี้ในพริบตา อักขระจำนวนมากด้านในเลือดส่องกระพริบ จากนั้นกลายเป็นหยดเลือดหยดหนึ่งขนาดราวนิ้วมือ เสียงติ๋งดังขึ้น หยดเลือดร่วงลงมาบนหน้าผากขององค์ชายสอง แล้วไหลซึมลงไปเหมือนน้ำซึมดิน แทรกซึมเข้าไปสู่ใต้เนื้อหนังของเขา
“อ๊าก…” องค์ชายสองแหงนหน้าตะโกนราวกับเจ็บปวด เหมือนยินดีอย่างบ้าคลั่ง ลวดลายสีแดงเป็นสายดุจอสรพิษร้ายดำผุดดำว่ายจากหน้าผากลงไปที่ใบหน้า ต้นคอ ก่อนขยายไปทั่วทั้งร่าง มองแล้วทั้งน่ากลัวและน่าประหลาด
“ผสานพลังของเทพปีศาจนอกพิภพ รับการส่งพลังจากปีศาจแบบนี้…เจ้ามันบ้าไปแล้ว…” สีหน้าของหลี่กังสลับอารมณ์ไปมา
บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว การสมคบคิดกับปีศาจมารนอกพิภพมีโทษถึงตาย
เป็นเรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ไม่รู้ว่ามีราชวงศ์และสำนักเรืองอำนาจในช่วงยุคหนึ่งหรือคนใหญ่คนโตมากมายเท่าใดที่ถูกลุกฮือโจมตีด้วยสาเหตุนี้ ตำนานเล่าว่าเมื่อพันปีก่อน แผ่นดินใหญ่เสินโจวมีสิบสำนักเทพ ต่อมาหนึ่งในนั้นข้องเกี่ยวกับปีศาจนอกพิภพ จึงถูกรุมล้อมโจมตี และถูกลบหายไปจากแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์
องค์ชายสองที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับปีศาจนอกพิภพ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะต้องก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่เป็นแน่
เขาไม่มีทางไม่รู้ถึงจุดนี้ แต่กลับยังทำ คงบ้าไปแล้วจริงๆ
สถานการณ์เกินกว่าขอบเขตที่หลี่กังคาดการณ์เอาไว้ไปแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าใครก็รับความเมตตาจากปีศาจนอกพิภพไว้ได้ องค์ชายสองไปได้รับผลึกโลหิตเก็บวิญญาณของปีศาจนอกพิภพมาได้อย่างไร?
“หลี่กัง!”
องค์ชายสองเอ่ยขึ้น น้ำเสียงมีความชั่วร้ายสะท้อนก้อง ราวกับปีศาจก็ไม่ปาน
เมื่อสิ้นสุดการรับพลังปีศาจ ดวงตาทั้งคู่ของเขากลายเป็นสีเลือด ไม่แยกเป็นตาขาวตาดำ ภายในเบ้าตามีเพียงสีแดงฉานเท่านั้น บนหน้าผากปรากฏเขาแพะสีแดงเลือดคู่หนึ่ง ม้วนเป็นวงอย่างดุร้าย กลิ่นอายปีศาจชั่วร้ายเข้มข้นพันล้อมอยู่รอบกาย และยังไม่ต่อต้านปราณแท้มังกรทะยานบนตัวเขาอีกด้วย แต่เหมือนอยู่ในสภาวะผสมผสานกันอย่างน่าประหลาด ทำให้ปราณแท้มังกรทะยานที่เดิมทีเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามแห่งราชวงศ์ทั้งชั่วร้ายและเหี้ยมเกรียม เปี่ยมด้วยความปรารถนาจะสังหาร ประหนึ่งราชามารที่ผุดออกมาจากปรโลก
“หลี่กัง เจ้าทำลายเรื่องที่ข้าสร้างเอาไว้ เจ้าสมควรตาย!”
องค์ชายสองยกมือซัดออกมา กรงเล็บมังกรแดงพลันปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า กลิ่นอายพลังสีเลือดที่ทรงพลังอำนาจไหลวน ความว่างเปล่าทรุดตัวลง จากนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาหลี่กังคล้ายกำลังคว้าจับลูกไก่
หลี่กังสีหน้าเคร่งขรึม วาดกระบี่ออกไปติดกันสามครั้ง
จิตกระบี่ธุลีแดงสูงเทียมฟ้า ต้านทานกรงเล็บมังกรโลหิตเอาไว้อย่างเต็มกลืน
“หืม? ขั้นเหนือมนุษย์ระดับสมบูรณ์…ไม่สิ นี่มันเกือบครึ่งขั้นเทวะแล้ว พลังเช่นนี้ชั่วร้ายนัก” หลี่กังเพียงหยั่งเชิง ก็รู้กำลังรบขององค์ชายสองหลังจากที่รับพลังปีศาจนอกพิภพมา
“ท่านชิ่ง ออกมาเถิด ท่านต้องมาช่วยสู้เคียงไหล่ข้าแล้ว” เขาก็ไม่รีรอ เอ่ยปากทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา