จิตแห่งกระบี่ธุลีแดง ยังคงอยู่เพื่อเซียนกระบี่
หลังจากที่หลี่กังฟันครั้งที่สามออกไป สังหารขั้นเหนือมนุษย์ก้าวสองไปอีกหนึ่ง องค์ชายสองที่ต่อให้ต้องสูญเสียขั้นเหนือมนุษย์ทั้งหมดไป แต่หากสังหารหลี่กังได้ก็ถือว่าได้กำไรแล้วนั้น ตอนนี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ ราวใบไม้แน่นขนัดที่กำลังจะร่วงโรยลงมา
“หนี!”
“ถอยก่อน!”
“ต้านทานไม่ได้!”
ไม่ต้องมีคำสั่งจากองค์ชายสอง ขั้นเหนือมนุษย์ที่เหลืออีกสองคนต่างถอยหนีราวกับสุนัขไร้บ้านก็มิปาน ความกล้าหาญในการต่อสู้หายไปจนหมดสิ้น
จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้
หากพลังแท้จริงห่างกันไม่มาก พวกเขายังพอสู้อย่างมีความหวังได้ ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขารับกระบี่ของหลี่กังไม่ได้แม้แต่ทีเดียว ห่างชั้นกันเกินไป เหมือนมดปลวกเผชิญหน้ามังกรยักษ์ จะทำอย่างไรได้? หากสู้ต่อก็ไม่ต่างจากเดินเข้าไปตาย ได้ไม่คุ้มเสีย
ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองแม้จะดีกับพวกเขาไม่เลว และเป็นนายที่พวกเขาสาบานตนว่าจะสวามิภักดิ์ด้วย แต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้วกลับไม่อาจนับเป็นอะไรได้…
พวกเขาเป็นขั้นเหนือมนุษย์ ขั้นเหนือมนุษย์ที่สูงส่ง ไม่ใช่ทหารเดนตาย
หลี่กังหนึ่งกระบี่ดับหนึ่งชีวิต สวมเกราะแสงกระจกสยบฟ้า รอบกายมีแสงกระบี่ทลายฟ้าพันรอบ ดูราวกับราชาสวรรค์เทพสงคราม
“องค์ชาย ยังจะสู้กันอีกหรือไม่?”
หมวกเกราะของหลี่กังเปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกสลักมีความเชื่อมั่นและอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวไว้ องค์ชายสองไม่คู่ควรจะพูดว่ายอมจำนนนกับเขา เวลานี้ได้รับการยืนยันแล้ว คนอย่างเซียนกระบี่ธุลีแดง มีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้นถึงจะสั่งการได้ กับแค่ราชบุตร จะมีคุณสมบัติอะไรให้เขาสวามิภักดิ์ด้วย?
“ข้ารับสั่งจักรพรรดิฉิน ยืดถือคุณธรรม สังหารพวกกบฏ จะถอยหนีได้อย่างไร? หลี่กังเจ้าขัดราชโองการเช่นนี้ จะทำชั่วไปได้อีกนานแค่ไหน?” องค์ชายสองพูดอย่างเดือดดาล
เขายกมือขึ้น ราชโองการจักรพรรดิที่อยู่กลางอากาศลอยลงมาอยู่ในมือ สาดแสงสีเหลืองทองปกคลุมทั่วทั้งร่างเขา เขากัดฟันดูดซับพลังในราชโองการนี้เข้าไปในร่างตนทั้งหมด
วิชาเทพ ‘เคล็ดมังกรทะยาน’ ที่ราชวงศ์ฝึกฝนนั้นมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ ราชโองการที่จักรพรรดิให้มาก็ลงวิชาเคล็ดมังกรทะยานไว้ด้วย ด้านในมีพลังแก่กล้าหอยู่ บรรดาราชนิกุลที่ฝึกเคล็ดมังกรทะยานมา ต่างสามารถดูดซับพลังด้านในราชโองการได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งความสามารถของราชโองการแห่งจักรพรรดิฉินตะวันตก
เมื่อดูดซับพลังของราชโองการ บวกกับพลังฝึกที่มีอยู่ องค์ชายจะสองสามารถระเบิดการโจมตีสังหารได้
ทว่า การกระทำต่อมาของหลี่กังกลับทำลายความมั่นใจขององค์ชายสองไปจนหมดสิ้น
ประกายแสงสีเหลืองทองสายหนึ่งบินออกไปจากมือของหลี่กัง พริบตาเดียวก็ขึ้นไปอยู่กลางอากาศ แผ่ความน่าเกรงขามดุจอำนาจสวรรค์ของราชวงศ์ออกมา ราวกับราชาสวรรค์ผู้สูงส่งลืมตาขึ้นกวาดมองลงมายังสรรพสิ่งบนพื้นพิภพ กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดผวาแผ่กระจาย
“ด้วยอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ แจ้งราชโองการ ฉินฝานราชบุตรลำดับสองแห่งข้า มีฐานะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ใจกลับคิดคด สมคบคิดกับขุนนางนอก แทรกแซงอำนาจการทหาร แอบซ่องสุมนักรบเดนตาย ลอบสังหารขุนนางใหญ่…ขอสั่งการเจ้าเมืองฉางอันหลี่กังให้จัดการแทนข้า สังหารองค์ชายสองฉินฝาน แล้วจงส่งศีรษะกลับมาเมืองหลวง จบราชโองการ!”
เสียงที่น่าเกรงขามและไร้ซึ่งความรู้สึกอย่างมนุษย์ สะท้อนกังวานบนท้องฟ้าเหนือเมืองฉางอัน
เสียงนี้เหมือนกับราชโองการขององค์ชายสองก่อนหน้าไม่มีผิดเพี้ยน
นี่ก็เป็นราชโองการอีกฉบับ
ยิ่งกว่านั้นเนื้อหาด้านในยังตรงกันข้ามกับราชโองการฉบับก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
เสียงน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่นี้กังวานอยู่ระหว่างแผ่นฟ้ากับผืนดิน กลิ่นอายพลังกดดันของจักรพรรดิไม่ได้ด้อยกว่าราชโองการก่อนหน้าขององค์ชายสองแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างกะทันหันนี้ ทำเอาชาวเมืองฉางอันสับสนถึงที่สุด
รวมไปถึงพวกที่อยู่ในโถงหอบวงสรวงของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุ และตัวหลี่มู่ด้วย
ราชโองการสองฉบับ?
หลี่มู่เงยหน้ามองบนฟ้า
เขาไม่รู้ว่าราชโองการฉบับนี้จริงหรือปลอม แต่เมื่อพิจารณาจากกลิ่นอายและพลังอำนาจ ก็ไม่พบพิรุธใดๆ เลย อีกทั้งเมื่อมองสีหน้าขององค์ชายสองบนหอสูงไกลออกไป น่ากลัวว่าจะไม่ใช่ของปลอมแน่
โอ้โห น่าสนใจ!
นี่มันน่าสนใจจริงๆ!
จักรพรรดิฉินตะวันตกเล่นตลกอยู่กระมัง ถึงได้ออกราชโองการสองฉบับที่แตกต่างกันสิ้นเชิงแบบนี้
หรือว่าราชสำนักฉินตะวันตกวุ่นวายจนถึงระดับที่ว่าใครก็หยิบเอาราชโองการมาเที่ยวข่มขู่คนอื่นได้แบบนี้แล้ว?
“บังอาจ หลี่กัง เจ้ากล้าประกาศราชโองการปลอมเชียวหรือ?” องค์ชายสองหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล
หลี่กังนิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้าน และเอ่ยกลับว่า “ฉินฝาน ภายใต้พระราชโองการ เจ้าคิดจะขัดขืนเช่นนั้นหรือ?”
องค์ชายสองหัวเราะเย็นชา “เจ้ามันขุนนางปลิ้นปล้อนจริงๆ บิดาข้ารับสั่งให้สังหารเจ้า ช่างปราดเปรื่องโดยแท้ แต่เจ้ากลับกล้าหาญชาญชัย ปลอมราชโองการขึ้นมาเพื่อให้ร้ายองค์ชาย ยังมีเรื่องอะไรที่เจ้าไม่กล้าทำอีกบ้าง? ดูท่าเจ้าคงไปมีนอกมีในกับซ่งเหนือแล้วกระมัง?”
“พาดพิงเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ความ” หลี่กังชูกระบี่ขึ้น กล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ภายใต้พระราชโองการ จะให้เจ้าดูหมิ่นต่อไปได้อย่างไร ข้าไม่อยากให้มือต้องเปื้อนเลือดของเชื้อพระวงศ์ แต่หากเจ้ายังโง่เขลาเบาปัญญา กระบี่ธุลีแดงก็จะไม่ละเว้น”
กระบี่ยาวชี้มา ปราณกระบี่จิตกระบี่ไหลเวียน
ขอบเขตจิตกระบี่ธุลีแดงหมุนวนออกมา ประสานกับราชโองการที่ลอยอยู่บนฟ้า สนามพลังน่าพรั่นพรึงที่ไม่มีใครควบคุมได้แผ่ขยาย ปิดผนึกพื้นที่ในรัศมียี่สิบลี้จากโรงฝึกยุทธ์พลังพายุทันที พลังฟ้าดินแทบจะแน่นิ่งไป ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของหลี่กังแล้ว
ปิดผนึก จองจำ
หนีไปไหนไม่ได้
ในพริบตา องค์ชายสองก็กลายเป็นนกในกรงไปเสียแล้ว
สีหน้าเขาบิดเบี้ยว
“หลี่กัง เจ้าขุนนางชั่ว” องค์ชายสองตกใจระคนโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย
เรื่องของราชโองการนั้น เขาแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจ
ตนเองสามารถเข้าไปเอาราชโองการฉบับหนึ่งจากตำหนักสารบรรณกลางมาได้ พี่ชายที่เป็นองค์รัชทายาทย่อมนำออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นสุนัขนำทางขององค์รัชทายาทอย่างหลี่กังมีราชโองการฉบับหนึ่งในมือ จึงไม่ใช่เรื่องควรค่าให้ตกใจอะไร
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ราชโองการเป็นของจริงหรือปลอม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา