นั่นเป็นจดหมายที่สวีเซิ่งส่งมา
เนื้อความจดหมายไม่ดีนัก
เพราะการตายขององค์ชายสอง เรื่องที่เขาเสนอให้สำนักตรวจการรับหลี่มู่เป็นผู้บัญชาการสำนักตรวจการฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ขั้นตอนดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ใกล้จะถึงเมืองฉางอันอยู่แล้ว แต่กลับหยุดลงกลางทาง เห็นทีคงไม่มีหวังแล้ว
ในจดหมายเขายังขอโทษหลี่มู่อีกด้วย
นอกจากนั้น สวีเซิ่งยังเตือนเขากลายๆ ว่าเพราะการตายขององค์ชายสอง การเมืองในเมืองฉินจึงปะทุรุนแรง ความสมดุลที่ซับซ้อนก่อนหน้านี้ถูกทำลายลง พูดได้ว่าแตะแค่เส้นผมสะเทือนไปทั้งตัว พลังของแต่ละฝักฝ่ายเริ่มเผยเขี้ยวเล็บ อีกองค์จักรพรรดิเก็บตัวเงียบรักษาบาดแผล ฝูงมังกรไร้หัว สถานการณ์จึงยิ่งวุ่นวาย
ส่วนขั้วอำนาจเบื้องหลังองค์ชายสอง กล่าวได้ว่าเกลียดหลี่มู่เข้ากระดูกดำ เพียงแต่เพราะแต่ละฝั่งต่างช่วงชิงพื้นที่ว่างทางการเมืองที่องค์ชายสองทิ้งไว้หลังตายไป ขั้วอำนาจที่เหลือขององค์ชายสองกำลังเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับมือ ในช่วงเวลาสำคัญจึงไม่ว่างมาสนใจหลี่มู่ แต่วันเวลาสงบสุขแบบนี้ไม่น่าจะยืนยาวเท่าใด
สวีเซิ่งแนะนำในจดหมาย หากหลี่มู่มีทางถอยละก็ให้ถอยชั่วคราว ซ่อนตัวในยุทธจักร ปกปิดร่องรอยเสีย
เมื่ออ่านจบ หลี่มู่หัวเราะไม่ยี่หระ
แน่นอนว่าหลี่มู่ซาบซึ้งกับความหวังดีของสวีเซิ่งมาก
เขามองออกว่าผู้อาวุโสสำนักขุนคีรีเป็นบุคคลฝ่ายธรรมะจริง และดีกับหลี่มู่ไม่เลว
แต่หลี่มู่ไม่รับคำแนะนำของสวีเซิ่ง
อำเภอขาวพิสุทธิ์วันนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะ ‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ พลังวิญญาณมากล้น ค่อยๆ พัฒนาไปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ พูดได้ว่ารากฐานมั่นคงเป็นพิเศษ อีกทั้งอำเภอขาวพิสุทธิ์ตั้งอยู่ในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ ทิวทัศน์งดงามปานภาพวาด อากาศดี ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ดีเยี่ยม จะติดต่อกับโลกภายนอกก็ได้ หรือจะอยู่อย่างสันโดษก็ได้ สำหรับหลี่มู่ที่มีความคิดจะสร้างขั้วอำนาจของตัวเอง นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ภายในยี่สิบปี หลี่มู่จะไปถึงขั้นทะลวงสวรรค์ และออกไปจากดาวดวงนี้
ถึงจะบอกว่าเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งปีกว่าๆ เขาก็มีหวังไปถึงขั้นเหนือมนุษย์ สำเร็จเส้นทางที่ชั่วชีวิตจอมยุทธ์บางคนเดินได้ไม่สุด แต่เส้นทางวิถียุทธ์ยิ่งเดินต่อไป ยิ่งก้าวยากเย็นมากขึ้น มีผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานมากมายที่ทั้งชีวิตไปไม่ถึงขั้นเหนือมนุษย์ และก็มีขั้นเหนือมนุษย์อีกหลายคนที่ทั้งชีวิตไปไม่ถึงขั้นเทวะ ต่อให้ก้าวถึงเทวะ จะมีอีกสักกี่คนที่สุดท้ายข้ามผ่านจุดนี้ แล้วก้าวเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ได้?
ปัญหาเรื่องอัตราส่วนนี้ ยิ่งก้าวสูงขึ้นยิ่งต่ำ
หลี่มู่ไม่กล้ามั่นใจกับระยะเวลายี่สิบปีนี้มากนัก
แน่นอนว่าเขาอยากแบกกระบี่ท่องใต้หล้า ขี่ม้าไปกับสาวงาม ถือดาบฝ่าไปในยุทธจักร ไปดูความรุ่งเรืองของโลกใบนี้ แต่เขาไม่มีเวลาทำแบบนั้น
เนื้อหาในจดหมายของสวีเซิ่งแจ้งเตือนหลี่มู่
ต้องเริ่มเตรียมการบางอย่างแล้ว
มิฉะนั้นหากคลื่นน้ำวนจากการตายขององค์ชายสองปะทุมาถึงอำเภอขาวพิสุทธิ์ สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือคลื่นปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
หลี่มู่เริ่มขบคิด
แผนการบางอย่างค่อยๆ ปรากฏชัดเจนในใจเขา
……
เวลาผ่านไป อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ
ใบไม้ในป่าสุดลูกหูลูกตาร่วงกราว แม่น้ำสายยาวไหลบ่าไม่ขาดสาย
ในอำเภอขาวพิสุทธิ์มีหิมะตกติดกันสิบวัน เป็นหิมะแรกนับจากเข้าสู่ฤดูหนาวมา แต่ละบ้านต่างก่อเตาผิง ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง
ฟิ้ว!
แสงดาบพุ่งผ่านท้องฟ้า
หลี่มู่ขี่ดาบทะยานอยู่เหนือท้องฟ้าเขตที่ว่าการราวกับเซียน เขาพุ่งผ่านผืนฟ้าเหนืออำเภอขาวพิสุทธิ์ เข้าไปในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา
ประชาชนในอำเภอเมื่อได้เห็นภาพนี้ต่างเคารพหมอบกราบ
“ใต้เท้าขุนนางเมืองคือเทพเซียนจุติลงมาแท้ๆ”
“เป็นเทพเซียน จะต้องเป็นเทพเซียนแน่ๆ”
“อำเภอขาวพิสุทธิ์ของเรามีวาสนานัก ได้เซียนมาคุ้มครอง”
ชาวบ้านทั้งอำเภอดีใจเป็นที่สุด และภาคภูมิใจเป็นที่สุดเช่นกัน ความฮึกเหิมในใจขับไล่ความหนาวเหน็บจากเหมันต์ฤดู ทุกคนต่างรู้สึกว่า ฤดูหนาวของอำเภอขาวพิสุทธิ์ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้รู้สึกสบายและอบอุ่นเช่นนี้เลย
ที่ว่าการอำเภอที่สร้างขึ้นใหม่ห่างจากตำแหน่งเก่าไม่ไกล
ขุนนางที่ทำงานอยู่ในนั้นมองหลี่มู่ขี่ดาบผ่านหน้าต่าง ภาพแหวกผ่านน่านฟ้าแบบนี้ ถึงแม้จะเห็นบ่อยจนคุ้นชิน แต่ในใจของพวกเขาทุกคนก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกัน ความยำเกรงต่อหลี่มู่ก็ขึ้นไปถึงขีดสูงสุด
‘หากใต้เท้าขุนนางเมืองมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนให้ข้าเหมือนกันละก็…’
ขุนนางหนุ่มฝ่ายอักษรคนหนึ่งวางพู่กันลงบนชั้นวางพู่กัน พลางคิดอย่างอิจฉาและใฝ่ฝัน
งานเลี้ยงต้อนรับเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ เรื่องที่ใต้เท้าขุนนางเมืองมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนเล่าลือไปในหมู่ขุนนางแล้ว ขุนนางแทบทั้งหมดตอนนี้ล้วนเฝ้ารอ หวังว่าจะได้รางวัลจากใต้เท้าขุนนางเมือง ได้รับเคล็ดวิชามาฝึกฝนบ้าง ถึงแม้จะฝึกเป็นเซียนไม่ได้ แต่อย่างน้อยร่างกายแข็งแรง อายุขัยยืนยาวขึ้นอีกนิดก็ยังดี
ตอนนี้เหล่าขุนนางค่อยๆ หมดความสนใจเรื่องเลื่อนตำแหน่ง เงินทอง และลาภยศพวกนี้แล้ว เป้าหมายใหญ่ที่สุดคือหวังว่าตัวเองจะทำดีได้รับรางวัลจากใต้เท้าขุนนางเมือง ได้รับเคล็ดวิชาฝึกฝนชั้นสูง อย่างไรเสียก็เป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ ต้องมีพลังที่มากเพียงพอ ถึงจะมีสิทธิ์เสพสุขอำนาจและเงินทอง
บรรยากาศในอำเภอกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางวันเวลาที่ดูเหมือนจะสุขสงบแบบนี้ เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือน
ผ่านศึกใหญ่วันนั้นมาหนึ่งเดือนครึ่งแล้ว
หลี่มู่ขี่ดาบไปยังเทือกเขาขาวพิสุทธิ์แทบทุกวัน
วันนี้เป็นวันที่หิมะตกหนักอีกแล้ว
ยอดเขาดุจงูสีเงินร่ายรำ เนินเขาราวมีฝูงช้างสีเงินวิ่งตะบึง
หลี่มู่สวมเสื้อชั้นเดียว ขี่ดาบพุ่งทะยานไปบนฟ้าเหนือยอดเขาขาวพิสุทธิ์อันกว้างไกล เขาก้มลงมองป่าดงดิบเบื้องล่าง ยอดเขาสลับเรียงราย คลื่นหิมะราวทะเล ทิวทัศน์งดงามชวนให้หลงใหล
หลายวันมานี้ นอกจากเวลาฝึกฝน เขาก็สำรวจภูมิประเทศของเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ในระยะพันลี้ซ้ำไปซ้ำมา
เขามองเห็นความมหัศจรรย์บางอย่างจริงๆ
ทิวเขาขาวพิสุทธิ์เป็นยอดเขาที่ขึ้นชื่อในจักรวรรดิฉินตะวันตก ยอดเขาส่วนมากเกิดจากหินมหึมา ภูเขาแข็งแรง ที่ตั้งชัยภูมิดียิ่ง เทือกเขาหลายร้อยยอดมีทางเดินมากมาย คดเคี้ยววกวนไปสี่ทิศ กว้างใหญ่เป็นที่สุด มองจากที่สูงลงไปเหมือนกับมังกรหลายตัวขดตัวรวมกันในเทือกเขาแห่งนี้
เมื่อใช้เนตรสวรรค์ หลี่มู่สามารถมองทะลุลงไปใต้ภูเขาสองลี้
เขามองเห็นทิศทางของชีพจรมังกรและฮวงจุ้ยพลังธรรมชาติได้ชัดเจน
ฟุ่บ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา