นักพรตตาบอดรู้สึกว่าในน้ำเสียงของหลี่มู่มีทั้งการดูถูกและเหยียดหยาม
เขาพ่นลมออกมา “ไม่มีอะไรต้องบอกเจ้า”
หลี่มู่เห็นดังนั้นก็ชักสนุก
ให้ตายเถอะ ข้าไม่ได้มาหาเรื่องเสียหน่อย เจ้ายังจะมาทำท่าหยิ่งผยองอีก
เมื่อหลี่มู่คิดในใจ ดาบวัฏจักรใต้เท้าสั่นไหว แสงดาบสว่างวาบ ก่อนพุ่งเข้าทำลายเกราะป้องกันเป็นชั้นๆ ของนักพรตตาบอดในพริบตา และไปหยุดอยู่ที่หน้าคอหอยของเขา ปราณดาบแผ่กระจาย หากเข้าไปข้างหน้าอีกนิด จะเฉือนผิวของนักพรตเต๋าออกไปแล้ว
“ความอดทนของข้ามีไม่มากนักหรอกนะ” หลี่มู่กล่าวอย่างหมดความอดทน “ตอนแรกเจ้าลักพาเด็กรับใช้บัณฑิตของข้า จนทำให้นางหายตัวไปไร้ร่องรอย บัญชีนี้ข้ายังไม่ได้คิดจากเจ้าเลย ต่อให้สังหารเจ้าทิ้งก็ยังเบาไปด้วยซ้ำ”
นักพรตตาบอดหัวเราะเย็นชา “ข้องเกี่ยวกับเผ่าปีศาจ เจ้ามันก็แค่เศษเดนมนุษย์ จะสังหารก็ทำเสีย”
โอ้โห หัวแข็งจริงๆ แฮะ
หลี่มู่รู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก
เจ้าทำชั่วไปก่อนหน้านี้ ชิงตัวคนของข้าไป ยังจะมาทำตัวเป็นคนดีใส่ข้าอีก สมองเจ้านี่มีปัญหาหรือเปล่า
แต่หากสังหารไปจริงๆ เบาะแสการหายตัวไปของหมิงเยวี่ยน้อยก็จะขาดหายไปโดยสมบูรณ์
หลี่มู่ขบคิดไปมา จู่ๆ ก็มองอีกาดำที่บินร่อนอยู่บนฟ้าตัวนั้น ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา ดาบถลาลมที่ลอยอยู่หน้าคอหอยของนักพรตตาบอดแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปทันที
“ก้า…” ได้ยินเสียงร้องโหยหวนลากยาวของอีกาดำ ขนนกสีดำปลิวว่อนบนฟ้า
กาดำตัวยักษ์ร่วงหล่นลงมาที่พื้นดิน
“เจ้า…” สีหน้าของนักพรตตาบอดเผยความตึงเครียดสุดขีด ล้มลุกคลุกคลานพุ่งเข้าไปกอดอีกาดำเอาไว้แน่น ตอนนี้เองถึงได้พบว่าปีกข้างหนึ่งของมันถูกยิงทะลุ ยังดีที่หลี่มู่ไม่ได้สังหารมันทิ้งจริง
หลี่มู่ทำหน้าตาเยี่ยงผู้ร้าย ย่างสามขุมเข้าไปหา เอ่ยขึ้นว่า “ถ้ายังปากแข็งอีกละก็ ดาบต่อไป สิ่งที่อยู่ในอ้อมอกเจ้าจะกลายเป็นศพกาทันที”
“เจ้า…เจ้าจะดีจะเลวอย่างไรก็นับเป็นคนฝ่ายธรรมะ แต่กลับลงมือกับนกแค่ตัวเดียว ต่ำช้านัก” นักพรตตาบอดพูดด้วยอารมณ์โมโหระคนหมองเศร้า
หลี่มู่ตอบกลับอย่างดูแคลน “เจ้าบอกว่าข้าเป็นเศษเดนมนุษย์อยู่เลยไม่ใช่หรือ? แต่ต่อให้ข้าต่ำช้าแล้วจะทำไม? อย่างไรก็เทียบกับเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว กล้าบุกเข้ามาที่ว่าการอำเภอของข้าแล้วลักพาเด็กน้อยไป อีกาของเจ้าตัวนี้ หรือว่าจะเป็นปีศาจ? ข้าดูแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นนกดีอะไรเลย?” พูดถึงจุดนี้ หลี่มู่อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ‘ไม่เห็นจะเป็นนกดี’ เจ็ดคำนี้ เอามาพูดที่นี่แล้วช่างเหมาะเสียยิ่งกว่าอะไร
พูดจบเขาก็ทิ้งตัวลงมา ก่อนตบหน้าผากตัวเอง “ลืมไปเลย เจ้าปากแข็งแล้วสินะ เช่นนั้นข้าเด็ดหัวเจ้านกนี่เลยก็แล้วกัน…” ยามกล่าว ดาบถลาลมส่งเสียงวู้มๆ บินเข้ามา
“อีกาดำตัวนี้ สำหรับข้าแล้วเป็น…” นักพรตตาบอดร้อนรน รีบพูดขึ้น “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าพูดแล้ว ขอทานคนนั้น เป็นผู้อาวุโสจากพรรคกระยาจกอันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือ เขามาจากซ่งเหนือ ตอนนี้น่าจะกลับไปที่ซ่งเหนือแล้ว ข้ารู้เพียงแค่นี้เอง”
ดาบถลาลมหยุดอยู่ตรงหน้าของอีกาดำ
หลี่มู่แปลกใจ “พรรคกระยาจก? โลกนี้มีพรรคกระยาจกด้วยหรือ?”
นักพรตตาบอดไม่สนใจหลี่มู่อีก กอดอีกาดำเอาไว้แน่นด้วยอาการเคร่งเครียด พลางร่ายเวทรักษา เจ้าอีกาดำก็ทำตัวราวกับเด็กน้อย คลอเคลียอยู่ในอ้อมอกเขา ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
“พรรคอันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือ ขั้วอำนาจแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? น่าจะไม่ใช่หนึ่งในเก้าสำนักเทพกระมัง?” หลี่มู่ถาม
นักพรตตาบอดตอบโดยไม่เงยหน้า “แน่นอนว่าไม่ใช่หนึ่งในเก้าสำนักเทพ ที่เรียกว่าพรรคอับดับหนึ่ง ก็เพราะศิษย์พรรคนั้นมีจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของซ่งเหนือ เครือข่ายข่าวสารทั่วถึง และเพราะพรรคกระยาจกมีสถานการณ์พิเศษ จึงไม่ถูกจัดอยู่ในระดับเดียวกับสำนัก แต่ผู้แข็งแกร่งในพรรคก็มีอยู่ไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของพรรคกระยาจกจั่วลู่อี้ ในอดีตเคยถูกขนานนามว่าเป็นผู้แกร่งที่สุดใต้ฟ้าประกายดาว เป็นอันดับหนึ่งใต้ขั้นทะลวงสวรรค์ แม้กระทั่งเจ้าสำนักของเก้าสำนักเทพยังไม่ใช่คู่มือของเขา เพียงแต่คนผู้นี้ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆ ต่อมาก็หายสาบสูญไป…”
ในเมื่อก่อนหน้าเปิดปากพูดแล้ว นักพรตตาบอดจึงไม่ต่อต้านอะไรอีก
แล้วเขาก็พบว่า แท้จริงเมื่อสักครู่หลี่มู่ออมมือเอาไว้ แค่เด็ดขนอีกาดำไม่กี่เส้นก่อนปล่อยลงมาที่พื้นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะหักปีก
“ว่าไงนะ? ตาเฒ่านั่นก็เหมือนจะเรียกตัวเองว่าจั่วลู่อี้นี่?” หลี่มู่ได้ยิน ในใจก็สะดุ้งเบาๆ
นักพรตตาบอดแค่นเสียงกล่าว “ขอทานเฒ่าคนนั้นสติสตังไม่ค่อยจะดี เลี้ยงสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง ไล่คุยโม้โอ้อวดไปเรื่อยว่าตนเองเป็นจั่วลู่อี้สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินใหญ่ในอดีต แต่ว่า ฝีมือแค่หนึ่งในสิบของจั่วลู่อี้เขายังไม่มีเลย มักจะถูกคนอื่นไล่ตีหนีกระเจิง…”
หลี่มู่พูดไม่ออกในฉับพลัน
ที่แท้ก็คนสติไม่ดีหรือนี่
หมิงเยวี่ยน้อยตกอยู่ในมือของคนสติไม่ดีอย่างนี้ คงไม่เกิดเรื่องอันตรายขึ้นกระมัง?
ราวกับมองเรื่องที่หลี่มู่กังวลออก นักพรตตาบอดเอ่ยตามมาว่า “เจ้าวางใจเถอะ ตาเฒ่าคนนั้นถึงแม้จะบ้าๆ บอๆ แต่ไม่ทำอะไรเลวร้ายหรอก กระทั่งเผ่าปีศาจยังไม่กล้าสังหาร จะลงมือกับเด็กน้อยได้อย่างไร เขาเอาเด็กน้อยของเจ้าไปก็เพื่อจะปกป้องนางเท่านั้น เด็กน้อยของเจ้าถูกภูตปีศาจสิงร่าง มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงยี่สิบปีก็จะถูกกลืนกินวิญญาณไป ตาเฒ่านั่นน่าจะพานางหลบหนีไปเพื่อเอาภูตปีศาจในร่างนางออกมาเท่านั้น”
“มารดาเจ้าเถอะ รู้ว่านางถูกภูตปีศาจสิง แต่ตอนนั้นเจ้าก็ยังจะสังหารหมิงเยวี่ยนี่นะ?” หลี่มู่โมโหขึ้นมาแล้ว
นักพรตตาบอดหน้าแดงก่ำ
เรื่องนี้ จริงๆ แล้วเขาก็เพิ่งครุ่นคิดเอาตอนนี้
เขาจึงค่อยเข้าใจว่าในวันนั้น ตนเกือบจะทำเรื่องผิดมหันต์ลงไปแล้ว
เขาเคยสาบานไว้ว่าจะไล่สังหารปีศาจบนผืนพิภพนี้ให้สิ้น แต่หมิงเยวี่ยถูกภูตปีศาจสิงร่าง นับเป็นผู้เคราะห์ร้าย หากวันนั้นเขาสังหารนางไป ก็เท่ากับทำร้ายคนไร้ความผิด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกละอายใจต่อหลี่มู่และหมิงเยวี่ยอยู่บ้าง มิเช่นนั้นต่อให้หลี่มู่ขู่เข็ญ เขาก็คงไม่พูดมากขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา