มีเสียงเคาะประตูจากภายนอก
หลี่มู่ขมวดคิ้ว เปิดประตูห้องฝึกยุทธ์ออก
ด้านนอกประตู นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงที่เหงื่อออกเต็มหน้ายืนกระสับกระส่ายอยู่
“มีเรื่องอะไร?” หลี่มู่ถาม
การตั้งสมาธิฝึกฝนถูกขัดจังหวะ เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่พูดตำหนิออกมาตรงๆ เพราะแม้ว่าเฝิงหยวนซิงจะเป็นคนสอพลอ แต่ก็เป็นคนสอพลอที่รู้ว่าช่วงไหนควรรุกช่วงไหนควรรับ ทั้งยังมาขัดจังหวะการฝึกเป็นครั้งแรก จะต้องมีเรื่องสำคัญยิ่งมารายงานเป็นแน่
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยพบเรื่องใหญ่ร้ายแรงเข้า จำต้องมาขัดจังหวะการฝึกของท่านเพื่อรายงาน” สีหน้าเฝิงหยวนซิงย่ำแย่นัก เขากดเสียงต่ำ ท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่เล็กน้อย โน้มเข้ามาใกล้แล้วเอ่ย “ใต้เท้า ฐานะของหลี่ปิงค่อนข้างเป็นปัญหาขอรับ”
“หมายความว่าอย่างไร?” หลี่มู่มุมปากกระตุกวูบหนึ่ง
“บนตัวเขาข้าเจอของจำพวกตราประทับราชการบางส่วน หากคาดเดาไม่ผิด หลี่ปิงคนนี้ก็คือบุตรชายของท่านเจ้าเมืองหลี่กัง” สีหน้าเฝิงหยวนซิงกระอักกระอ่วนใจอย่างมาก แข้งขาอ่อนแรง วันนี้หลี่มู่ทำตามอำเภอใจ ทำร้ายบุตรชายของคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าต่อหน้าชาวบ้านจนสะบักสะบอม หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว
มารดามันเถอะ
มุมปากหลี่มู่กระตุกแรงๆ หลายที ในใจคิดว่าตอนซินแสเฒ่าส่งเขามาที่ดวงดาวดวงนี้ลืมดูปฏิทินโหราศาสตร์หรือไม่ ทำไมเล่นละครกับทะเลาะวิวาทในถิ่นของตัวเอง กลับไปกระตุกหนวดตัวอันตรายประเภทนี้เข้าได้?
ก่อนนี้เท้าหน้าก็ไปยั่วโทสะพรรคจันทราโลหิตและสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์สองอิทธิพลใหญ่ในยุทธจักร เท้าหลังก็ล่วงเกินคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า เช่นนี้นับว่าเขาลบหลู่ครบทั้งขุนนางและคนในยุทธภพแล้ว
หลี่มู่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมเล็กน้อย
ในเมื่อเจ้าเป็นลูกชายของเจ้าเมือง ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกเล่า จงใจรอให้ข้าก่อความผิดอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าเมืองมีอะไรพิเศษ? องค์ชายฝ่าฝืนกฎหมายมีความผิดเท่าสามัญชน ข้ายอมให้ไม่ได้” หลี่มู่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมและยิ่งฮึกเหิม จนท้ายที่สุด อารมณ์คนหนุ่มในส่วนลึกของนิสัยก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง ความโกรธปะทุขึ้นในจิตใจจนถึงขีดสุด เขาสงบจิตใจลง กัดฟันพูดว่า “อย่างไรก็ล่วงเกินไปแล้ว อย่าคิดให้มากนักเลย ไปจับเจ้าสารเลวพวกนี้เข้าคุกให้ข้าก่อน ไม่เชื่อฟังก็ทักทายหนักๆ เสียหน่อย…จริงสิ ค้นหาตำราวิชาลับเจอหรือไม่?”
เฝิงหยวนซิงได้ยินแล้วอยากจะร้องไห้ออกมา
ติดตามนายที่พึ่งพาไม่ได้แบบนี้เป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายจริงๆ มาถึงเวลานี้แล้วท่านยังจะคิดเรื่องตำราวิชาลับอีก พวกเราไม่ควรหารือกันว่าจะจัดการเรื่องหลี่ปิงที่เป็นเผือกร้อนลวกมืออย่างไรดีหรือ?
ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดมาก ขยับออกไป เผยให้เห็นกล่องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใบหนึ่งข้างหลัง “ใต้เท้า ข้าวของที่รวบรวมจากหลี่ปิงและพรรคพวกล้วนอยู่ในกล่องนี้แล้ว ข้าน้อยเป็นคนลงมือด้วยเอง ไม่มีผู้อื่นล่วงรู้ นอกจากเคล็ดวิชาลับยังมีของจิปาถะอื่นๆ อีกเล็กน้อย ใต้เท้าอาจจะใช้ได้ ข้าน้อยจึงตัดสินใจส่งมาให้ท่านทั้งหมด”
หลี่มู่มองดูแวบหนึ่ง ของทั้งหมดในกล่องหนึ่ง เช่นนี้ก็ได้มาไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ?
เขายินดีอยู่ในใจ นี่นับว่าเป็นข่าวดีอย่างหนึ่งเลย
หลี่มู่รับตำรามาแล้วพยักหน้ากล่าว “ดี ครั้งนี้เจ้าทำดีมาก ข้าจะให้รางวัล”
พูดจบเขากลับลืมเรื่องอื่นเสียหมด หันกายจะกลับเข้าไปศึกษาตำราวิชาลับในห้องฝึกยุทธ์ และค้นหาวิธีฝึกกำลังภายในของตน
เฝิงหยวนซิงก้าวสองก้าวตามไปอย่างรีบเร่ง “ใต้เท้า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุดเถิด ควรนำพวกหลี่ปิง…” เขาทำมือปาดคอ ก่อนกล่าวว่า “ทำลายหลักฐานที่เหลืออยู่ คนตายไม่อาจพูดได้” แม้วันนี้มีผู้คนมากมายเห็นหลี่มู่ทำร้ายหลี่ปิงแล้วจะทำไม หลี่ปิงไม่ได้แสดงตัวตนออกมาในตอนนั้น
หลี่มู่สูดหายใจเฮือกอยู่ภายใน อดไม่ได้ที่จะหันไปสบตาเฝิงหยวนซิง
มารดาเจ้าสิ เจ้าคนประจบประแจงผู้นี้ช่างใจคอโหดเหี้ยมเสียจริง
แต่หลี่มู่คิดๆ แล้วก็ส่ายหัว จากนั้นแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ไม่ ไว้ชีวิตก่อน อาจจะมีประโยชน์ภายหลัง”
ส่วนจะมีประโยชน์อย่างไร หลี่มู่ไม่มีความคิดอะไรชัดเจนเลย
ไม่สังหารพวกหลี่ปิง นอกจากเหตุผลที่ว่าหลี่มู่แค่ไม่อยากฆ่าคน อีกทั้งหลี่ปิงและพวกทำความผิดไม่ถึงโทษตาย มากกว่านั้นก็เป็นเพราะไม่อยากให้เฝิงหยวนซิงจูงจมูก
“น้อมรับคำสั่ง” เฝิงหยวนซิงได้แต่ตอบรับอย่างจนปัญญา
หลี่มู่หันกายเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาทันควัน แล้วพูดว่า “อ้อ จริงสิ ช่วงนี้มีผู้คนในยุทธภพเข้าอำเภอขาวพิสุทธิ์มาจำนวนมาก?”
เฝิงหยวนซิงพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ เป็นเพราะการประลองของใต้เท้ากับ ‘จอมมารจันทราโลหิต’ ดึงดูดพวกเขามา ผู้คนในยุทธภพพวกนี้ชอบเรื่องครื้นเครงเช่นนี้เป็นที่สุด ตั้งแต่โบราณมา ผู้แข็งแกร่งใช้วิชายุทธ์ทำลายความสงบ หากในอำเภอเมืองมีจอมยุทธ์มากหน่อยจะเกิดความขัดแย้งได้ง่าย อีกอย่างพวกเขาไม่ค่อยเคารพกฎเกณฑ์ พวกเราขุนนางก็บริหารจัดการไม่ดี เหมือนกับวันนี้…”
นี่นับว่าเป็นการร้องทุกข์
อำเภอขาวพิสุทธิ์มีคนมีฝีมือไม่กี่ร้อยคน กับจอมยุทธ์ที่ผ่านไปผ่านมาก็ยังควบคุมยากอยู่บ้าง
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา แค่ต้องจัดส่งกำลังคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจอมยุทธ์เหล่านั้น โดยเฉพาะยอดฝีมือบางคน มาจากพรรคหรือสำนักใด พลังสูงหรือต่ำ มาทำอะไรที่อำเภอเมืองนี้ มาพบผู้ใดบ้าง พักอยู่ที่ไหน บันทึกไว้แล้วสรุปเป็นเอกสารราชการมารายงานข้าทั้งหมด”
หลี่มู่พูดประโยคนี้ทิ้งไว้ จากนั้นหันหลังเดินเข้าห้องฝึกยุทธ์ไป
“เอ๋?”
เฝิงหยวนซิงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกปิดประตูใส่
เขาเองก็ไม่กล้าเคาะประตูอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา