กล่าวโดยทั่วไป ลักษณะภายนอกของบุคคลเป็นสิ่งตายตัว นี่เป็นลักษณะพื้นฐานที่แตกต่างจากผู้อื่นของแต่ละบุคคล
บนโลกมนุษย์ การศัลยกรรมความงามของเกาหลีเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในสี่เวทมนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เนื้อแท้คือการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของคนผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนกล้ามเนื้อและกระดูก แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่น่าตกใจและผลข้างเคียงต่างๆ แต่ตำรา ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ กลับใช้ทักษะและพลังสายยุทธ์เปลี่ยนกล้ามเนื้อและโครงกระดูกของบุคคลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้รูปลักษณ์ของคนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นวิธีการศัลยกรรมความงามบนโลกวิถียุทธ์
หลี่มู่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม อ่านหนังสือในมืออย่างตั้งใจ
จนกระทั่งอ่านจบ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง”
นี่คือข้อสรุปของหลี่มู่
เพราะเขาพบว่าเคล็ดลับที่อธิบายไว้ในหนังสือเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ได้จริง ยิ่งเป็นผู้มีความชำนาญด้านยุทธ์มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวิธีการหมุนเวียนกำลังภายในกับวิธีฝึกกล้ามเนื้อบางอย่าง มีเหตุผลและพิสูจน์ได้ อีกทั้งก็ไม่ได้เป็นวิชาลึกลับเลิศล้ำอะไร น่าจะไม่นับว่าหายากในยุทธจักรของแผ่นดินใหญ่เสินโจว
‘น่าเสียดาย มีเพียงคนในขั้นรวมปราณที่ฝึกได้กำลังภายในแล้วเท่านั้น ถึงจะฝึกฝนวิชาเปลี่ยนร่างนี้ได้’
หลี่มู่เสียดายเล็กน้อย
ทักษะและวิธีการสำคัญบางอย่างที่อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้จะต้องใช้ร่วมกับพลังภายในทั้งสิ้น
ดูอันอื่นแล้วกัน
หลี่มู่เริ่มค้นหาในกล่องอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ค้นพบตำราลับวิชาการต่อสู้เช่นดาบสะบั้นหยก เพลงดาบมือซ้าย เคล็ดฝึกลมปราณ ย่างก้าวอสุนี วิชาบำรุงปราณกำหนดลมหายใจ พลังเหล็กกล้า เคล็ดระลอกปราณ และอื่นๆ อีกมากมายราวสิบกว่าเล่ม นับได้ว่ากำไรหนาทีเดียว อีกทั้งส่วนใหญ่ในนั้นก็เป็นตำราลับระดับเก้า สินสงครามมากกว่าที่เก็บรวบรวมมาจากพรรคเสินหนงเสียอีก
เมื่อหลี่มู่เริ่มเข้าสู่วงโคจรของวิถียุทธ์ เขามีความมุ่งมั่นในการฝึกอย่างแรงกล้า นอกจากภารกิจที่แบกไว้บนบ่า เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่ไหนบ้างไม่มีความฝันที่จะเป็นวีรบุรุษแบกกระบี่เดินทางไปสุดขอบฟ้า
เขาไม่เลือกมาก เปิดหนังสืออ่านทีละเล่ม พยายามศึกษาวิเคราะห์ หมกหมุ่นจมดิ่งลงไปโดยสมบูรณ์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งคืนผ่านพ้นไป
เช้าตรู่วันที่สอง เด็กชายรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงนำอาหารเช้ามาส่งถึงหน้าประตูห้องฝึกยุทธ์ หลี่มู่ที่กำลังหมกมุ่นอยู่ไม่ได้สนใจจะกินมัน
จนกระทั่งเช้าวันที่สาม ในที่สุดหลี่มู่ก็อ่านและศึกษาตำราวิชาลับทั้งหมดอย่างละเอียดครบหนึ่งรอบ
แกรก!
ประตูถูกเปิดออก
เขาออกมาจากห้องฝึกยุทธ์พร้อมด้วยขอบตาดำ ทำให้หมิงเยวี่ยและชิงเฟิงที่หน้าประตูต่างสะดุ้งตกใจ
“คุณชายขอบตาท่านดำ…”
“นี่เป็นสัญญาณของความบกพร่องที่ไต…คุณชาย ท่านทำอะไรในห้องฝึกยุทธ์กันแน่?”
เด็กรับใช้บัณฑิตทั้งสองโดยเฉพาะหมิงเยวี่ยเด็กน้อยเจ้าอารมณ์ตะโกนออกมาเสียเกินจริง
หลี่มู่กุมหน้าผากด้วยสีหน้าอึมครึม
“เด็กเมื่อวานซืนสองคนรู้ว่าอะไรคือไตบกพร่อง อย่ามาพูดเหลวไหลน่ะ…ไป เอาน้ำแกงเนื้องูมาให้ข้าชามหนึ่ง ข้าเริ่มหิวแล้ว” ในหัวของเขากำลังมีข้อมูลมากมายและความคิดแล่นผ่าน หลังจากอ่านเคล็ดวิชาการต่อสู้ไปหลายสิบเล่มจนหมด เขาเข้าใจศิลปะการต่อสู้ลึกซึ้งมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหิวเล็กน้อย
สภาพแบบนี้เหมือนตอนที่เขาอ่านนิยายกำลังภายในทั้งคืน แล้วตอนเช้าเดินไปตามภูเขาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจผสมกับความเหนื่อยล้าทางกาย ทำให้รู้สึกเต็มอิ่มมีความสุข
เด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงลังเลอยู่สักครู่ แล้วมองไปยังเด็กรับใช้บัณฑิตหมิงเยวี่ย
ฝ่ายหลังพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก “เอ่อ คุณชาย มีข่าวไม่ค่อยดีนัก หากฟังแล้วอาจจะไม่พึงพอใจ แต่ความจริงคือ…เนื้องูมังกรเขียวนั้นไม่มีเหลือแล้วเจ้าค่ะ”
“เป็นไปได้อย่างไร?” หลี่มู่ตกตะลึง “งูตัวนั้นพอให้พวกเราสามคนกินกันครึ่งปีเลยมิใช่หรือ? จะไม่มีเหลือแล้วได้อย่างไร?”
สีหน้าหมิงเยวี่ยปรากฏแววเขินอาย ไม่เอ่ยอะไรอีก
ชิงเฟิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่รวมรวบความกล้าอธิบาย “คุณชาย…เรื่องเป็นอย่างนี้ขอรับ ช่วงนี้ความอยากอาหารของหมิงเยวี่ยค่อนข้างมาก” ความหมายก็คือถูกหมิงเยวี่ยเด็กน้อยเจ้าอารมณ์กินหมดแล้ว
หลี่มู่มองหมิงเยวี่ยด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ฝ่ายหลังพยักหน้าอย่างใสซื่อยิ่ง “คุณชาย อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นสิเจ้าค่ะ…จริงๆ แล้วข้าก็แค่ไม่ทันระวังกินมากไปหน่อย…มากไปนิดเดียวเท่านั้นเอง”
หลี่มู่จนคำพูดในทันที
‘นี่เราเลี้ยงเด็กรับใช้โลลิหรือเลี้ยงหมูกันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา