สะสมเสบียงอาหาร สร้างกำแพงสูง แต่งตั้งบรรดาศักดิ์อ๋อง
เป็นประโยคที่หลี่มู่ชื่นชอบมากที่สุด
ทว่าหลังจากที่ ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ตกอยู่ในเมืองฉางอัน สร้างข่าวโหมกระพือไปยังโลกภายนอก กลยุทธ์สามคำสุดท้าย ดูท่าหลี่มู่คงทำไม่ได้แล้ว
เพราะหลังจากอยู่อย่างสุขสงบได้ไม่กี่วัน หลังจากที่หลี่มู่เพิ่งหลอมดาบวัฏจักรเสร็จเรียบร้อย ปรับแก้ยกระดับค่ายกลในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ทั้งหมด คนนับไม่ถ้วนจากฝ่ายต่างๆ ก็มาขอเข้าพบหลี่มู่ด้วยของกำนัลที่แตกต่างกันไปแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน
ความรู้สึกที่มีคนมาขอร้องเกาะขาขอพึ่งพา แน่นอนว่าสุขใจสุดๆ
แต่ปัญหาคือมีคนเกาะขาร้องขอมากเกินไป ต่อให้ขาใหญ่ขนาดไหน ไม่ช้าก็เร็วอาจจะหักเอาได้…ต่อให้ขาไม่หัก ก็รู้สึกเหนื่อย
ตอนนี้หลี่มู่รู้สึกแบบนั้นแล้ว
ศาลาใกล้น้ำย่อมได้ยลจันทร์ก่อน
หลายวันมานี้ ผู้ที่มาถึงก่อนคือสำนักเล็กใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ในเมืองฉางอัน นำของกำนัลมาขอพบหลี่มู่
ราชาปีศาจหลี่มู่ที่หลงตัวเองสุดๆ ทีแรกยังออกมาต้อนรับตัวแทนต่างๆ อย่างกระดี๊กระด๊า แต่หลังจากเห็น ‘ของกำนัล’ ที่ว่าก็หมดความรู้สึกแปลกใหม่และความตื่นเต้น
จากนั้นหน้าที่ต้อนรับตัวแทนสำนักเหล่านี้ก็ตกอยู่ที่เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยชิงเฟิง
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เหล่าทูตจากสำนักต่างๆ ก็ล้วนดีใจกันมาก
เพราะพวกเขาสืบมาแน่ชัดแล้ว ชิงเฟิงคือคนสนิทอันดับหนึ่งที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดของปฐมเทวะ ตำแหน่งพูดได้ว่าอยู่เหนือคนทั้งปวง อยู่ใต้คนคนเดียวเท่านั้น ยามพูดคุยกับปฐมเทวะหลี่มู่ พวกเขากดดัน ระแวดระวัง ไม่กล้าพูดมาก แต่พูดคุยกับชิงเฟิงอย่างน้อยความกดดันก็ลดลงไปมาก
โดยเฉพาะเมื่อเด็กรับใช้บัณฑิตคนนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ไม่รีบไม่ร้อน พูดจาดีกับตัวแทนสำนักทุกคน ทำให้คนของสำนักใดก็แล้วแต่ล้วนเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ ต่อให้เป็นผู้ฝึกไร้สังกัดบางคนที่ได้ยินข่าวแล้วมาขอพึ่งอาศัย ก็ไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองถูกเพิกเฉยและโดนดูถูก
ส่วนหลี่มู่กลับไปที่เรือนดาบ เก็บเนื้อเก็บตัวฝึกฝนต่อไป
จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงเข้ามารายงานว่าทูตของเจิ้นซีอ๋องขอเข้าพบ
“เจิ้นซีอ๋อง?” หลี่มู่ลูบคาง
นี่แปลกแล้ว
คนคนนี้ไม่ใช่ว่ามีความแค้นสังหารบุตรชายกับตน ภายหลังลอบส่งนักฆ่ามาสังหารตนไม่หยุดหย่อน จะให้ตนตายให้ได้หรือ? ตอนนี้กลับส่งทูตมา…น่าสนใจดีนี่
“เจ้าไปต้อนรับก็แล้วกัน แค่กบฏคนหนึ่งเท่านั้น” หลี่มู่ไม่สนใจ ให้เด็กรับใช้บัณฑิตไปจัดการเต็มตัว
หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วยาม ชิงเฟิงก็กลับมาพบอีกครั้ง
“เจิ้นซีอ๋องก่อกบฏแล้ว” ชิงเฟิงพูดด้วยสีหน้าซับซ้อนทันทีที่ได้พบหน้า “เมืองฝูเฟิงและเมืองเฟิ่งเสียงประกาศกบฏในเวลาเดียวกัน โดยมีเจิ้นซีอ๋องเป็นแกนนำ มีกำลังทหารสองแสน จะโค่นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน”
กบฏแล้ว?
วางแผนกบฏ?
หลี่มู่ตกใจมาก
นี่เป็นการกบฏของจริงเลยนะ เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่ในละครโทรทัศน์หรือนิยายอิงประวัติศาสตร์บนโลก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเกิดขึ้นข้างตัวแบบนี้…อืม แต่ว่า นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเสียเท่าไหร่
“พวกเขามาเพราะอยากให้ข้าร่วมกบฏด้วยใช่หรือไม่?” หลี่มู่ถามอย่างสนอกสนใจ
ชิงเฟิงพยักหน้า “หากได้รับการสนับสนุนจากปฐมเทวะเช่นคุณชาย เช่นนั้นพวกเขาก็จะมีความมั่นใจในการต่อกรกับฉินตะวันตก ดังนั้นเจิ้นซีอ๋องแสดงท่าทียินดีเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร ส่งของกำนัลมา หวังว่าคุณชายจะเข้าร่วมกับพวกเขา โค่นรัชทายาท เจิ้นซีอ๋องยังเปิดเผยอีกว่าก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทยื่นฎีกาต่อคณะเสนาบดีจะจับคุณชายลงโทษ…”
เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยเล่าข่าวซุบซิบที่รวบรวมได้จากฝ่ายต่างๆ ให้หลี่มู่ฟัง สำหรับเรื่ององค์รัชทายาทยื่นฎีกาน่าจะไม่ใช่เจิ้นซีอ๋องสร้างเรื่องขึ้นเอง
หลี่มู่หยิบรายการของกำนัลของอ๋องเจิ้นซีขึ้นมาดู ก็ยิ้มเบิกบานทันที
มารดามันสิ อ๋องพวกนี้ช่างมือเติบดีจริงๆ
หยกชั้นเลิศประมาณพันจิน และยังมีแร่ล้ำค่าต่างๆ เคล็ดวิชายุทธ์ เงินทองของล้ำค่า แล้วก็…ฮ่าๆ หญิงงามอีกหลายสิบคน ของกำนัลเช่นนี้ถ้าไม่รับไว้ก็รู้สึกขอโทษตัวเองแล้ว
หลี่มู่โยนรายการของกำนัลให้ชิงเฟิง ก่อนจะสั่ง “รับไว้ รับไว้ให้หมด”
เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยมองหลี่มู่อย่างตกใจ “คุณชาย ท่านจะเข้าร่วมกลุ่มกบฏเจิ้นซีอ๋องจริงๆ หรือ? หากคุณชายประสงค์จะชิงอำนาจ ตัวเลือกมีมากมาย เจิ้นซีอ๋องผู้นี้ชื่อเสียงไม่ค่อยดี เป็นคนทะเยอทะยาน ถึงแม้จะมีกำลังทหารสองเมือง แต่เทียบกับจักรวรรดิฉินตะวันตกแล้วก็ยังคงเสียเปรียบ อีกทั้งสำนักทุ่งปิดภูผาที่มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์มาโดยตลอดก็ยังไม่แสดงท่าที…ท่าทางเหมือนยังเป็นกังวล”
หลี่มู่มองเขาพลางเอ่ย “หา? ชิงอำนาจ? ก่อกบฏ?” เขาดีดหน้าผากเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยที่สุขุมผู้นี้ไปทีหนึ่ง “อายุน้อยๆ แค่นี้ ทำไมความคิดความอ่านถึงได้ซับซ้อนแบบนี้ ระวังหัวจะล้านเอานะเจ้า…ของกำนัลรับเอาไว้ แล้วก็เตะส่งทูตเจิ้นซีอ๋องไปซะ”
เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยกุมหน้าผากป้อยๆ พูดไม่ออกเล็กน้อย
รับของกำนัลแล้วไล่ทูต?
คุณชายของเราคนนี้นอกจากพลังยุทธ์จะน่าตื่นตะลึงแล้ว ความหนาของหน้า เอ่อ…ก็ยังน่าตกใจเหมือนกันอีกด้วย
แต่ว่า เขาไม่เข้าร่วมกบฏกับเจิ้นซีอ๋อง ก็ทำให้เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยที่เป็นกังวลวางใจลงไปอีกเยอะ
กระนั้นแล้วเขาจึงหมุนตัวไปจัดการเรื่องราว
ทว่าหลังจากนั้นประมาณหนึ่งก้านธูป เด็กรับใช้บัณฑิตก็กลับมาอีกครั้ง
“คุณชาย…”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ทูตขององค์ชายหกขอเข้าพบ”
“รับของกำนัลไว้ คนไสหัวไป”
“ขอรับ”
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป
“คุณชาย ทูตขององค์ชายแปด…”
“เอาของทิ้งไว้ ให้คนไสหัวไป”
ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา