รัชทายาทเหมือนคนใบ้กินหวงเหลียน ขื่นขมระทมใจแต่พูดไม่ได้
เพราะเรื่องที่ให้หลี่มู่รับบาปเรื่องนี้เป็นหลี่กังที่แนะนำมา ในฐานะคนสนิทที่เขาเชื่อใจมากที่สุด หลี่กังมีตำแหน่งสูงมากในใจของเขามาโดยตลอด เป็นขุนพลบัณฑิตที่เพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ โดยเฉพาะครั้งนี้ หลังจากกำจัดองค์ชายสองได้ที่เมืองฉางอัน หลี่กังก็นั่งตำแหน่งบุคคลหมายเลขหนึ่งขององค์รัชทายาทได้อย่างมั่นคง
วันนั้น จดหมายของหลี่กังเสนอให้รัชทายาทโยนให้หลี่มู่เป็นแพะรับบาปโทสะขององค์จักรพรรดิที่อาจมาถึง องค์รัชทายาทตกใจมาก
เพราะเขารู้ว่าหลี่มู่คือลูกชายของหลี่กัง
ตอนนั้นทันทีที่ได้ยินว่าองค์ชายสองถูกหลี่มู่สังหาร รัชทายาทก็เคยคิดจะรับหลี่มู่ที่ศักยภาพไร้ขีดจำกัดเอามาไว้ใช้เอง ให้พ่อลูกสกุลหลี่ทั้งสองร่วมมือกัน กลายเป็นเรื่องเล่าขานอันงดงามไปชั่วขณะหนึ่ง
อย่างไรเสีย องค์รัชทายาทก็มีใจที่ชื่นชอบคนมีความสามารถ
แต่ในจดหมายของหลี่กังกลับแนะนำว่าหลี่มู่ไม่อยู่ในการควบคุม ดื้อแพ่งพยศ ไม่อาจทำงานเพื่อองค์รัชทายาทได้ จึงเสนอให้กำจัดทิ้งเสีย
รัชทายาทขบคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็เห็นด้วยกับข้อแนะนำของขุนพลคนสนิทคนนี้
หนึ่งคือจะปฏิเสธความคิด เมินเฉยต่อความหวังดีของหลี่กังในตอนนี้ไม่ได้ สองคือองค์รัชทายาทในตอนนั้นก็คิดว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่อยู่ในกำมือของตนแล้ว ขั้นฟ้าประทานที่พอจะมีศักยภาพนิดหน่อยคนหนึ่ง ใช่ว่าจะสละไม่ได้สักหน่อย
แต่ว่าตอนนี้…รัชทายาทอยากจะลากตัวหลี่กังมาถามต่อหน้าเสียจริงว่า เขาเสนอแนะความคิดเห็นบ้าบออะไรออกมา ให้ทิ้งคนที่จับเป็นครึ่งขั้นเทวะเอาไว้ได้ อีกทั้งยังให้ปีศาจที่น่ากลัวขนาดนี้ไปรับบาปแทนตนอีก
นี่มันแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ
ไพ่ดีๆ ในมือ เล่นเสียจนเละเทะไปหมด
ยังมีเรื่องที่น่าเศร้ากว่านี้อีกไหม?
แต่สุดท้ายแล้วองค์รัชทายาทก็สะกดโทสะของตนเอาไว้ได้
อย่างไรเสียหลี่กังก็เป็นผู้ช่วยที่ควรค่าแก่การเชื่อใจของเขา หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยทำพลาดเลยสักครั้ง อีกทั้งยังจงรักภักดี หากตำหนิเขาเพราะเรื่องนี้ จะดูไร้น้ำใจไปนิด สิ่งที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้นคือ หลี่กังอย่างไรก็เป็นบิดาแท้ๆ ของหลี่มู่ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องสกปรกโสมมอะไรระหว่างทั้งสองคน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือดเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจตัดขาดได้ ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้ทั้งสองจะเกี่ยวข้องอะไรกันอีกหรือไม่
ในห้องหนังสือ หลังจากทุ่มชั้นวางพู่กันสีเขียวอ่อนที่ตนรักที่สุดลงพื้น รัชทายาทก็ค่อยๆ สงบลง
“ใครก็ได้”
เขาเรียกสาวใช้เข้ามาเก็บกวาดห้อง
จากนั้นขันทีคนสนิททั้งหลายก็รับคำสั่งจากไปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป บุคคลสำคัญบางคนในกลุ่มขั้วอำนาจขององค์ชายสองถูกเรียกมายังวังบูรพา
“ใต้เท้าทุกท่าน ลองว่ามาซิว่าควรจะแก้ไขอย่างไร” องค์รัชทายาทกลับสู่ความสุขุม แย้มยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย
ปีนี้เขาอายุสามสิบสี่กว่า บุคลิกทรงภูมิสง่างาม หน้าตาหล่อเหลา ยามเขาใจเย็นลงจะมีกลิ่นอายอบอุ่นน่าเข้าใกล้ และส่วนมากเขาก็คบค้าให้ความสำคัญกับนักปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้คนมากมายในจักรวรรดิฉินตะวันตกรู้สึกว่าเขามีลักษณะอย่างผู้ปกครอง จึงได้รับการสนับสนุนอย่างมาก
“จะต้องรีบส่งคนไปอำเภอขาวพิสุทธิ์” ชายชราเคราแพะเอ่ยปากโดยแทบไม่ต้องคิด
คนทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันกับความคิดนี้
ไม่มีอะไรต้องหารือ นี่คือข้อคิดเห็นที่ตรงกัน
บุคคลน่าครั่นคร้ามที่จับเป็นครึ่งเทวะได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นเทวะ และสำหรับขั้นเทวะแล้ว ต่อให้เป็นจักรพรรดิยังต้องยอมถอยให้ ในมือของขั้นเทวะควบคุมพลังที่น่ากลัวเอาไว้ เพียงแค่หนึ่งความคิดก็สามารถทำลายเมืองหนึ่ง เป็นบุคคลที่ไม่อาจใช้จำนวนต่อกรด้วยได้
“เช่นนั้นส่งใครไป?” รัชทายาทกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “ทุกท่านก็น่าจะรู้แล้ว ก่อนหน้านี้เพราะข้าไม่ตรวจสอบให้ดีก็ส่งฎีกาให้คณะเสนาบดีลงโทษหลี่มู่ เกรงว่าข่าวนี้คงรู้ไปถึงหูหลี่มู่ และสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางเมืองขาวพิสุทธิ์ผู้นี้แล้ว แผนครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก” เขาไม่ได้บอกกับคนอื่นว่าฟังข้อเสนอมาจากหลี่กัง นับว่าปกป้องฝ่ายนั้นจากเรื่องนี้
เหล่าขุนนางและที่ปรึกษาทั้งหลายต่างขมวดคิ้ว
เรื่องใดๆ ก็ตามแต่หากเกี่ยวพันถึงผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะ ล้วนทำให้คนรู้สึกว่าก้าวต่อไปได้ยากลำบากนัก ไม่มีใครกล้าลอบวางแผนต่อเทวะ ทำได้แค่ใช้ผลประโยชน์ ใช้ชื่อเสียงดึงเข้าเป็นพวก
แต่ปัญหาคือ องค์รัชทายาทในตอนนี้มอบอะไรให้ได้?
หรือเปลี่ยนเป็นอีกประโยคคือ หลี่มู่ในตอนนี้ต้องการอะไร?
ต้องซื้อใจ ถึงอาจจะดึงมาเป็นพวกได้
ทว่า คนทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ เมื่อคิดย้อนอย่างละเอียดก็พบว่าตัวเองไม่เข้าใจหลี่มู่เลยสักนิด
พวกเขาล้วนเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิฉินตะวันตก แค่กระทืบเท้าก็สร้างแรงสั่นสะเทือนได้ มีทั้งขุนนางใหญ่ในคณะเสนาบดี มีสมุหนายกที่ควบคุมการยื่นฎีกา มีเสนาบดีที่ควบคุมกรมอาญา และยังมีนักปราชญ์ที่ชื่อเลื่องลือไปทั้งเมืองฉิน
สิ่งที่พวกเขาสนใจล้วนเกี่ยวกับชะตาของจักรวรรดิ หรือเรื่องใหญ่ในราชสำนัก
สำหรับพวกเขาที่สูงส่งเหนือผู้อื่น ก่อนหน้านี้ได้ยินชื่อของหลี่มู่ก็เป็นเรื่องบังเอิญยิ่ง อีกทั้งแค่รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านยุทธ์เลิศล้ำคนหนึ่งเท่านั้น คนที่ให้ความสำคัญกับอนาคตก็แค่จับตาดูบ้าง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าต้องไปเข้าใจสืบข่าวเด็กหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ ก็เหมือนกับมังกรที่ไม่มีทางไปสนใจมดปลวกที่แข็งแกร่งเล็กน้อย
ทว่าตอนนี้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืน หลี่มู่กลายเป็นปฐมเทวะแล้ว
จากก้มมองดูเมื่อก่อน กลายเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมอง พวกเขาไม่ค่อยชินเอาเสียเลย
ความชอบ นิสัย อารมณ์ และเรื่องต่างๆ พวกนี้ของหลี่มู่ พวกเขาไม่รู้เลยสักนิด…ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามขององค์รัชทายาท ก็ไม่มีใครเอ่ยปากตอบได้ในทันที
“ได้ยินว่าหลี่มู่ประมูลสาวงามไปหลายสิบคนจากหน่วยเลี้ยงรับรอง และเคยแต่งบทกวีอมตะให้กับนางคณิการะดับสูงฮวาเสี่ยงหรง…จึงอนุมานได้ว่าคนคนนี้จะต้องลุ่มหลงนารีเป็นอย่างมากแน่นอน” เสนาบดีกรมอาญาเอ่ยเนิบช้า “อายุน้อยมีชื่อเสียง เลือดร้อนมากพลัง หากลงมือจากด้านนี้ละก็…”
รัชทายาทดวงตาฉายประกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา