“พวกหูตัวยังไม่มาอีกอย่างนั้นรึ?”
บนหอทูตส่งสาร อูลาปู้ตัวใช้ภาษาที่ราบทุ่งหญ้าเอ่ยด้วยใบหน้าหงุดหงิด
ขั้นปรมาจารย์สูงสุดสามคน ยอดปรมาจารย์หนึ่งคน และองครักษ์สี่คนไปจัดการเด็กไร้ชื่อไร้สกุลคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนกับใช้มือบี้มด ตอนนี้กลับเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทั้งสี่คนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
วันนี้ตอนบ่ายพวกเขาสังเกตบนร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น ก็ไม่มีคลื่นกำลังภายในแม้แต่น้อย
ต่อให้อู๋เป่ยเฉินส่งคนไปแอบคุ้มกันก็ใช่ว่าจะคุ้มครองได้
ทว่า คนที่หายตัวไปไม่ใช่เด็กหนุ่มผมสั้น แต่กลับเป็นยอดฝีมือสี่คนใต้บัญชาการของเขา
แปลกนัก
อูลาปู้ตัวสังหรณ์ใจไม่ดี
“ไม่มีร่องรอยการลงมือ ไม่พบรอยเลือดและศพ” ว่าที่ขั้นฟ้าประทานที่ท่าทางเหมือนขุนพลชายแดนของฉินตะวันตกคนหนึ่ง ใบหน้าก็ฉายแววงุนงงสงสัยเช่นกัน “หากประมาณการตามหลักแล้วละก็ ด้วยพลังของพวกเขา น่าจะเจอกับยอดฝีมืออย่างน้อยๆ ก็เป็นผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานสมบูรณ์ ถึงได้ไม่เหลือแม้แต่ซาก”
อูลาปู้ตัวแค่นเสียงเย็น เปลี่ยนสีหน้า แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ยอดฝีมือขั้นฟ้าประทานบริบูรณ์? ผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานสมบูรณ์ในเมืองก็มีไม่กี่คน ทั้งหมดล้วนอยู่ใต้บัญชาการของข้า ต่างไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น คงไม่ใช่…คนของพวกเจ้าราชวงศ์ต้าเยวี่ยลงมือหรอกกระมัง?”
ขุนพลฉินตะวันตกตอบ “ทำแบบนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเราเลย ท่านทูตอู วันนี้พวกเราร่วมมือกันแล้ว อย่าได้คาดเดาโดยไม่มีมูลเหตุ”
อูลาปู้ตัวแค่นเสียงหยัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เอง เสียงโห่ร้องสังหารดังขึ้นในด่านเมืองมังกร แสงไฟลุกโชติช่วงส่องสะท้อนฟ้ายามราตรีในเวลาห้ามออกจากเคหสถาน เมฆดำถูกย้อมด้วยแสงไฟจนแดงฉานเหมือนดวงตาที่มีเลือดแดงสดไหลริน
สงครามที่พวกเขาเฝ้ารอปะทุขึ้นแล้ว
อูลาปู้ตัวตื่นเต้นคึกคัก เดินมายังหน้าต่างแล้วเปิดออก
หอที่เขาอยู่ห่างจากค่ายของกองกำลังกระบี่เหล็กประมาณสองลี้ สามารถมองเห็นด่านเมืองมังกรตอนนี้ได้ว่าโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว เสียงตะโกนสังหารดังรอบทิศ
ทหารชายแดนฉินตะวันตกที่ปักหลักอยู่ในเมืองมีทั้งหมดสามหมื่นนาย
ในนั้นมีกองกำลังกระบี่เหล็กหนึ่งหมื่น กองกำลังบุกฐานที่มั่นกับกองกำลังทวนสังหารรวมแล้วมีประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันคน รองลงมาคือทหารรักษาเมืองที่คอยดูแลความเรียบร้อยอีกห้าพันกว่านาย การก่อกบฏของกองกำลังกระบี่เหล็กที่ควบคุมกำลังพลมากที่สุด เห็นได้ชัดว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน เกราะหนังสีดำของกองกำลังกระบี่เหล็กเหมือนคลื่นบ้าคลั่งในด่านเมืองมังกรท่ามกลางฟ้าราตรี โหมบ่าไปยังประตูเมืองฝั่งตะวันออกอย่างทรงพลัง คิดจะครอบครองเมืองฝั่งตะวันออกในทันที
หากมีคนยืนอยู่บนที่สูงแล้วก้มมองดู จะเห็นว่าห่างจากด่านเมืองมังกรไปประมาณสิบลี้ มีทหารขี่หมาป่าจากที่ราบทุ่งหญ้าสามหมื่นนายของเผ่าแมงมุมดำที่เคารพนับถือวิหารเทพแมงมุมเป็นสัญลักษณ์พุ่งโจมตีมายังประตูเมืองฝั่งตะวันออกของด่านเมืองมังกร ราวกับสายน้ำไหลบ่าไร้เสียงสีดำมืด
นี่คือการกบฏที่มีการวางแผนล่วงหน้า
กองกำลังกระบี่เหล็กของทัพชายแดนร่วมมือกับวิหารเทพแมงมุมแห่งที่ราบทุ่งหญ้า
อูลาปู้ตัวมองเมืองด่านมังกรที่อยู่ท่ามกลางไฟลุกท่วมยามกลางคืน บนใบหน้าอ้วนฉุเผยยิ้มเหี้ยมเกรียม
ดินแดนฉินตะวันตกทั้งอุดมสมบูรณ์และเย้ายวนใจ
แต่ไหนแต่ไร ชนเผ่าที่ราบทุ่งหญ้าใฝ่ฝันว่าจะย่างก้าวเข้ามาในแผ่นดินกว้างใหญ่ผืนนี้ตลอด แต่ทหารชายแดนของฉินตะวันตกกลับขัดขวาง นักรบผู้กล้าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าต้องถูกฝังอยู่ชายแดนฉินตะวันตกนับไม่ถ้วน ยากที่จะได้เหยียบย่างเข้ามาในผืนดินนี้ และตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ในที่สุดเผ่าแมงมุมดำก็จะทำประวัติศาสตร์ให้เป็นจริงแล้ว
เสียงตะโกนสังหาร เสียงร้องน่าสังเวช เสียงคำรามโกรธแค้น เสียงร้องอ้อนวอน…
เสียงเหล่านี้ สำหรับอูลาปู้ตัวแล้วก็ไม่ต่างจากเพลงบรรเลงอันงดงาม
ทันใดนั้น…
ตูม!
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานสายหนึ่ง คลื่นพลังราวครึ่งขั้นเหนือมนุษย์พวยพุ่งสู่ท้องฟ้าเหนือที่ทำการขุนพลใจกลางด่านเมืองมังกร ตลบกระจายไปทั่วทั้งเมือง
“กองกำลังกระบี่เหล็กก่อกบฏ โจวอันปลุกปั่น ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป สังหารมันให้หมด”
เสียงอันเคยคุ้นคือเสียงของ ‘แปดกรพิพากษา’ จงเหว่ย ขุนพลรักษาการณ์ด่านเมืองมังกรนั่นเอง
เสียงนี้ทำให้กองกำลังอื่นๆ ในด่านเมืองมังกรที่แตกตื่นวุ่นวายได้สติขึ้นมาบ้าง
ชื่อเสียงและบารมีของ ‘แปดกรพิพากษา’ จงเหว่ยในด่านเมืองมังกรเป็นที่เลื่องลือมาก ปกป้องคุ้มครองที่แห่งนี้มาสิบปีราวกับหลักศิลา เคยสังหารคนที่ราบทุ่งหญ้าจนแค่ได้ยินชื่อก็ขวัญหนี เสียงของเขาเหมือนยากระตุ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ทำให้ทหารฉินตะวันตกที่สับสนสงบใจลงเล็กน้อย
และแทบจะในขณะเดียวกัน กลิ่นอายแข็งแกร่งอีกหลายสายก็พวยพุ่งขึ้นมา สะดุดตาเหมือนสัญญาณควันไฟท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คลื่นพลังซัดโหมดุจคลื่นคลั่ง นั่นคือหัวหน้ากองกำลังบุกฐานที่มั่น ‘ดาบเหมันต์ด่านมังกร’ เซี่ยหย่วนจื้อและหัวหน้ากองกำลังทวนสังหาร ‘ทวนสะท้านมังกร’ เปาอีเหมิง ในที่สุดก็ลงมือพร้อมกัน
“โจวอัน ตาย”
เสียงคำรามของเซี่ยหย่วนจื้อดังกังวานเป็นพิเศษท่ามกลางฟ้าราตรี
เห็นได้ชัดมากว่าหัวหน้ากองกำลังบุกฐานที่มั่นที่อารมณ์ฉุนเฉียวประจันหน้ากับหัวหน้ากองกำลังกระบี่เหล็ก ‘กระบี่สะท้านเมืองมังกร’ โจวอันที่ก่อกบฏ ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานบริบูรณ์สองคนเข้าประหัตประหาร สิ่งก่อสร้างไม่รู้เท่าไหร่พังครืนในชั่วพริบตา
ทูตอูหมุนตัวกลับเข้าห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา