ถึงแม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคนจากกองกำลังกระบี่เหล็กจึงบุกโจมตีประตูเมืองฝั่งบูรพากันอย่างไม่กลัวบาดเจ็บล้มตาย แต่ในใจของอู๋เป่ยเฉินชัดเจนมาก ประตูเมืองฝั่งบูรพานี้ สำหรับทหารกบฏแล้วต้องเป็นจุดที่สำคัญยิ่งจุดหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ก็ต้องปกป้องไว้ให้ได้
มิหนำซ้ำด้วยหน้าที่รับผิดชอบของเขา ทำให้เขาไม่มีช่องให้พลิกสถานการณ์ได้เลย
เขาเป็นห่วงแม่เฒ่าไช่กับหลานสาว
ทว่าคำสั่งทหารดุจขุนเขา เขาไม่สามารถปลีกตัวออกไปช่วยคนในตอนนี้ได้
แต่เมื่อคิดถึงว่ายามนี้คนผู้นั้นก็อยู่ที่ด่านเมืองมังกรด้วย ใจเขาก็พลันสงบลงได้พอสมควร
ถ้าหากคนผู้นั้นลงมือ คืนนี้ด่านเมืองมังกรจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
“สังหาร ต่อให้ตายก็ต้องปกป้องไว้ให้ได้”
อู๋เป่ยเฉินสู้สุดชีวิต ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด
เวลานี้เอง ร่างเงาร่างหนึ่งพุ่งตรงสังหารมาที่เขาดุจสายฟ้าแลบ ลงมือฉับพลันดุจสายลม กลิ่นอายพลังน่ากลัวเป็นที่สุด แหวกฝ่าทหารชายแดนฉินตะวันตกรอบๆ กระเด็นออกไป กระบี่เหล็กราวงูพิษแทงตรงมายังกลางคอหอยของอู๋เป่ยเฉิน
“เมิ่งเจิน”
อู๋เป่ยเฉินสะบัดกระบี่ขึ้นต้านไว้
เขาจำได้ ร่างนี้ก็คือองครักษ์คนสนิทของผู้บัญชาการใหญ่ ‘กองกำลังกระบี่เหล็ก’ โจวอัน นามว่าเมิ่งเจิน ได้รับฉายาว่า ‘กระบี่เหล็กเมืองมังกร’ เป็นยอดฝีมืออันดับที่สองแห่งกองกำลังกระบี่เหล็กรองจากโจวอัน
ในเวลาปกติ เขาเป็นชายที่ตรงไปตรงมาและมีคุณธรรมถึงที่สุดคนหนึ่ง มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากในหมู่ทหารชายแดนของด่านเมืองมังกร เคยเป็นบุรุษเหล็กที่ทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับอู๋เป่ยเฉินในสนามรบด้วยกันมาแล้ว ทว่า ตอนนี้กลับกวัดแกว่งกระบี่เข้าใส่ ลงมืออย่างไม่ปรานี
กองกำลังกระบี่เหล็กก่อกบฏ เมิ่งเจินที่เป็นถึงองครักษ์คนสนิทของผู้บัญชาการใหญ่ไม่มีทางไม่รู้เรื่อง
ดังนั้นไม่ต้องถามเลย เขาก็กบฏด้วยเหมือนกัน
อู๋เป่ยเฉินคิดไม่ออก บุรุษเช่นเขาทำไมจึงไปสมคบคิดกับพวกที่ราบทุ่งหญ้าได้
แต่ว่า เวลานี้ไม่จำเป็นต้องถามอีกแล้ว
“สังหาร”
เขาสะบัดกระบี่ยาว กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่าหมุนวนเวียนตรงเข้าไปปะทะ
คมดาบกระทบกัน สะเก็ดไฟสาดกระจาย
แสงไฟที่แสบตาส่องสว่างจนเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์และเด็ดเดี่ยวของทั้งคู่
ทุกคนล้วนมีเหตุผลที่ตนเองเลือกทำและยืนหยัดในสิ่งนั้น
และเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นอู๋เป่ยเฉินหรือเมิ่งเจิน พวกเขาต่างเชื่อมั่นว่าตัวเลือกของตนเองนั้นถูกต้องแล้ว
…
“ท่านคือใคร?”
‘แปดกรพิพากษา’ จงเหว่ยลอยค้างอยู่กลางอากาศ สายตาจ้องมองร่างเงาที่มาขวางเขาไว้ตรงหน้าอย่างโกรธกริ้ว
เมื่อครู่เขาที่รีบร้อนมาสนับสนุนประตูฝั่งบูรพาถูกยอดฝีมือลึกลับผู้ปรากฏตัวกะทันหันขวางเอาไว้ ในฐานะผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยของด่านเมืองมังกร เขาที่กำลังโกรธมากจึงซัดออกไปหลายกระบวนท่า แต่กลับถูกร่างเงาประหลาดที่ทั่วตัวปกคลุมด้วยแสงสีทองต้านทานเอาไว้ได้อย่างสบาย
จงเหว่ยตระหนักขึ้นมาได้ ศัตรูร่างทองตรงหน้าเป็นยอดฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจงเหว่ย ยอดฝีมือในแสงสีทองไม่ส่งเสียงใดๆ ตอบกลับ
เขาเงียบงันราวกับทองก้อนหนึ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
คลื่นพลังขั้นเหนือมนุษย์ม้วนเข้ามา ยอดฝีมือลึกลับออกกระบวนท่าอีกครั้ง
ปราณดาบอันรวดเร็วดุดันไหลวน เขตแดนของขั้นเหนือมนุษย์แผ่ขยายออกมา พลานุภาพกดดันหมุนโคจร หมายจะพันรัดสังหาร ‘แปดกรพิพากษา’ จงเหว่ยให้ตาย
จงเหว่ยทั้งตกใจทั้งโมโห ทดลองติดกันหลายต่อหลายครั้งก็ไม่อาจล้มอีกฝ่ายลงในเวลากระชั้นชิดได้ ซ้ำยังเกือบเจ็บหนักเสียด้วยซ้ำ จึงทำได้เพียงสงบใจตั้งสมาธิ และรับมืออย่างระวัง
แต่ใจของเขากลับจมดิ่งลงไปอย่างช้าๆ
กองกำลังกระบี่เหล็กก่อกบฏอย่างไม่มีสัญญาณเตือน การปรากฏตัวของยอดฝีมือลึกลับ การยื่นมือเข้ายุ่งของคนจากที่ราบทุ่งหญ้า…
ทั้งหมดนี้ทำให้จงเหว่ยตระหนักได้ว่า ด่านเมืองมังกรกำลังพบกับแผนร้ายบางอย่างที่เตรียมการเอาไว้นานแล้ว ในฐานะที่เป็นประตูด่านแรกสู่ฉินตะวันตก ด่านเมืองมังกรไม่ใช่เมืองทหารที่ใหญ่ที่สุดในชายแดนจักรวรรดิ แต่เป็นจุดสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์จุดหนึ่งแน่ หากป้องกันด่านเมืองมังกรไม่ได้ กำแพงเหล็กที่รวมขึ้นจากสิบเมืองชายแดนของฉินตะวันตกก็จะถูกตีแตก ยากที่จะเชื่อมกลับได้อีก
ดังนั้น หากรอจนหน่วยสนับสนุนมาถึงไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่มีใจคิดแผนแต่ไร้แรงป้องกัน คืนนี้เกรงว่าด่านเมืองมังกรจะอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ตกก็คือ เพราะอะไรกองกำลังกระบี่เหล็กจึงก่อกบฏ?
นี่เป็นถึงกองกำลังใหญ่อันดับหนึ่งของด่านเมืองมังกร แต่ไหนแต่ไรล้วนได้รับความสำคัญ ไม่มีเหตุผลใดที่จะก่อกบฏเลย
“อ๊าก…” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลๆ
จงเหว่ยหันไปตามเสียง เห็นผู้บัญชาการใหญ่ ‘กองกำลังบุกฐานที่มั่น’ ดาบเหมันต์ด่านมังกรเซี่ยจื้อหย่วนเข้าพอดี ขณะรบอย่างดุเดือดกับโจวอัน จู่ๆ ก็เจอการโจมตีจากสองร่างเงาดำประหลาด ถูกฟันที่เอวจนขาดสองท่อน เลือดสดสาดกระเซ็น เห็นได้ชัดว่าคงไม่รอดแน่นอน…
“สมควรตาย!”
จงเหว่ยคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
เพียงไม่นาน รอบตัวของเขาก็ปรากฏร่างสีดำหนาทึบราวภูตผีสี่ร่างค่อยๆ ประชิดเข้ามา
กลิ่นอายความตายอันแสนชั่วร้ายที่เข้มข้นหลั่งไหลออกมาจากร่างเงาทั้งสี่ ราวกับหนวดรยางค์ลุกลามเต็มท้องฟ้า ประหนึ่งแมงมุมพิษที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด เกาะรวมตัวกันเป็นตาข่ายสีดำกลางอากาศ เชื่อมประสานกันและกันเสมือนตาข่ายฟ้าดิน จากนั้นจึงหดตัวบีบเข้ามา
ในฐานะขุนพลคนสำคัญของด่านเมืองมังกร ‘แปดกรพิพากษา’ จงเหว่ยกำพู่กันตุลาการเหล็กเย็นเยียบคู่หนึ่งที่ราวกับหอกยาวไว้ กำลังตกอยู่ในสภาพจนตรอก
……
“ใครกัน?”
เจ้าสำนักธวัชใหญ่เพิ่งพาลูกศิษย์ในสำนักมาถึงปากถนน ก็พบเงาดำสี่ร่างที่ทั่วตัวมีหมอกดำประหลาดดุจปีศาจนกเค้าแมวในความมืดยืนขวางทางคนทั้งกลุ่มเอาไว้ ทั้งยังแผ่ไอสังหารอย่างไม่ปิดบัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา