เมื่อเห็นร่างของเถี่ยมู่เจิน เหล่านักรบเผ่ายิงจันทร์ก็ล้อมมาแล้วคุกเข่าลง มีคนร่ำไห้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ต่อให้เป็นชายชาตรี ในใจก็มีความรู้สึก พวกเขาล้วนเป็นนักรบติดตามข้างกายเถี่ยมู่เจินที่ภักดีที่สุด แต่กลับปกป้องหัวหน้าเผ่าของตัวเองไม่ได้ ตอนนี้จะไม่ร้องไห้ให้กับการตายของหัวหน้าเผ่ายิงจันทร์ที่กล้าหาญที่สุดได้อย่างไร?
เทพธิดาสงครามใบหน้าหมองหม่น เศร้าโศกเหลือทน
เถี่ยมู่เจินเป็นพี่ใหญ่ของนาง เหมือนกับญาติพี่น้อง
หากไม่ใช่เพราะเถี่ยมู่เจิน ตอนนั้นที่หน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอัน เกรงว่านางคงประสบเคราะห์กรรมอะไรไปแล้ว
แน่นอนว่านางรู้ถึงความรู้สึกที่เถี่ยมู่เจินมีให้ตน แต่น่าเสียดายนักที่ใจนางมีเงาของใครบางคนอยู่แล้ว รอยเงารางเลือนแต่กลับเป็นสายใย ตัดไม่ขาดจิตใจว้าวุ่น
อีกทั้งนางยังเป็นธิดาเทพแห่งวิหารเทพหมาป่า นั่นหมายความว่าจะรับใช้เทพหมาป่าตลอดชีวิต มีหมาป่าเป็นเพื่อนโดดเดี่ยวกลางลมหิมะ บางทีอาจจะเป็นได้แค่นี้กระมัง
เงาร่างนั้นยามนี้ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ไกลสุดเอื้อมถึง
ที่ราบทุ่งหญ้าก็โหดร้ายเช่นนี้ วีรบุรุษผู้กล้าอย่างเถี่ยมู่เจินก็มีวันที่ล้มลงเช่นกัน
บนทุ่งหิมะหนาวเหน็บแห่งนี้ ชะตาชีวิตโหดร้ายเสียนี่กระไร
ตอนนี้เอง หลี่มู่หยิบตราหยกออกมาชิ้นหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “แต่สถานการณ์ก็ไม่นับว่าเลวร้ายที่สุด ยังมีโอกาสเส้นบางๆ อยู่ ข้าใช้วิชาลับเรียกวิญญาณของเขามากักเก็บเอาไว้ในหยกชิ้นนี้ สามารถหล่อเลี้ยงเอาไว้ด้านในได้ วันหลังหากมีเคล็ดวิชาเซียนดาราสมุทรที่เหมาะสมกับการฝึกฝน บางทีเขาอาจจะเดินไปได้อีกทางหนึ่ง แต่น่าเสียดาย ตามไปสายเกินไป ร่างของเขาเยือกแข็งสูญเสียพลังชีวิตไปแล้ว จึงยากที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่”
เถี่ยมู่เจินมีพลังฝึกขั้นฟ้าประทาน แต่เดิมร่างที่ตายไปแล้วเก็บรักษาไว้ได้นานมาก แต่หิมะและน้ำแข็งบนที่ราบทุ่งหญ้าหนาวเหน็บเหลือประมาณ อีกทั้งเขายังตายเพราะใยแมงมุม พิษแมงมุมมารแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย เนื้อหนังกระดูกถูกทำลาย ดังนั้นจึงเกินจะเยียวยาแล้ว
เขามอบตราหยกให้กับเทพธิดาสงคราม
วิชาเต๋าเรียกวิญญาณ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยใช้เรียกวิญญาณของสาวใช้ ตอนนี้ยังหล่อเลี้ยงอยู่ที่เรือนดาบอยู่เลย หลี่มู่ไม่ได้สำแดงครั้งนี้เป็นครั้งแรก
เพียงแต่โลกใบนี้เหมือนจะไม่เหมาะกับการฝึกฝนภูตผีมากนัก และก็ไม่เคยได้ยินเรื่องฝึกภูตผีเช่นกัน
แต่ว่า จะร้ายดีอย่างไรก็เป็นความหวัง
เผ่ายิงจันทร์ทั้งหลายต่างเอ่ยขอบคุณหลี่มู่ไม่ขาดปาก
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นสามจิตเจ็ดวิญญาณของเถี่ยมู่เจินออกจากตราหยกมาปรากฏต่อหน้าคนทั้งหลาย ก็ยิ่งดีใจเป็นหนักหนา ถึงแม้เถี่ยมู่เจินในสภาวะเช่นนี้จะทำไม่ได้แม้แต่ยกสิ่งของ แต่หลี่มู่ถ่ายทอดวิชาผสานวิญญาณที่เหมาะสมให้กับเขาแล้ว ขอแค่ฝึกฝนตามวิชานี้ อย่างน้อยๆ วิญญาณของเถี่ยมู่เจินก็จะไม่แตกดับ
“ขอบคุณ” เทพธิดาสงครามก็เอ่ยปากขอบคุณเช่นกัน
หลี่มู่ส่ายหน้าให้
เรื่องวันนี้เขากับกัวอวี่ชิงรู้ช้าเกินไป ตอนที่ตามมาก็สายไปเสียแล้ว
มิฉะนั้นเถี่ยมู่เจินก็จะไม่ตาย เผ่ายิงจันทร์จะไม่สูญเสียสาหัสเช่นนี้
“เอ๋?” สายตาของหลี่มู่สังเกตเห็นโลหิตเทพแมงมุมมารที่ลอยอยู่กลางอากาศหยดนั้น
เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของวัตถุนอกพิภพได้
พลังจิตวิญญาณราวตาข่ายเหนี่ยวนำโลหิตเทพแมงมุมมารหยดนี้มาลอยอยู่กลางฝ่ามือ หลี่มู่แทรกพลังจิตวิญญาณสายหนึ่งเข้าไป ก็สัมผัสได้กลิ่นอายทางลบที่เชี่ยวกรากราวมหาสมุทร เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง แฝงไว้ด้วยพลังมากมายมหาศาล
กัวอวี่ชิงไม่สนใจเลือดหยดนี้ ดังนั้นหลี่มู่จึงเก็บมันไป
อะไรก็ตามที่เป็นของเกี่ยวกับวัตถุนอกพิภพ หลี่มู่ล้วนสนใจทั้งสิ้น
ในเลือดหยดนี้แฝงไว้ด้วยพลังงานอันแข็งแกร่ง และพลังงานที่มาจากนอกพิภพชนิดนี้แฝงด้วยกฎและพลังจากนอกพิภพ ราคาอยู่เหนือกว่าหินดารา ขอแค่กำจัดกลิ่นอายด้านลบรุนแรงในนั้นได้ พลังงานบริสุทธิ์ที่เหลือสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มหาศาล
ทุกคนกลับไปยังฐานที่มั่นของเผ่ายิงจันทร์ด้วยกัน
การต่อสู้จบลงแล้ว
ก่อนหน้านี้จ้าววิหารเทพแมงมุมมาเยือน กองกำลังของวิหารเทพแมงมุมสังหารนักรบและคนแก่เด็กเล็กในฐานที่มั่นเผ่ายิงจันทร์อยู่ข้างหลัง เมื่อหลี่มู่ไปถึง กองกำลังวิหารเทพแมงมุมก็โจมตีจนยับเยินแล้ว ตอนนี้ชาวเผ่ายิงจันทร์กำลังฝืนทนความเศร้าโศกเก็บกวาดสนามต่อสู้
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ประชากรของเผ่ายิงจันทร์มีจำนวนไม่ถึงหนึ่งในสามของอดีต สูญเสียสาหัส เสียงร้องไห้ระงม โลหิตไหลนอง…
ความเจ็บปวดที่สงครามนำมาให้แก่ผู้คน ยากที่จะลบเลือนไปได้ตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่าหมานก็ตาม
ข่าวจ้าววิหารเทพแมงมุมถูกสังหารเล่าลือออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เผ่ายิงจันทร์เริ่มประกอบพิธีเซ่นไหว้ผู้ตาย
ส่วนหลี่มู่ที่โจมตีกองกำลังวิหารเทพแมงมุมจนพ่ายยับเยินก็กลายเป็นวีรบุรุษของเผ่ายิงจันทร์ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าก็ตาม
“คนที่ราบทุ่งหญ้าแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน นับจากวันนี้คุณชายคือแขกผู้สูงศักดิ์ที่สุดของเผ่ายิงจันทร์แล้ว” เทพธิดาสงครามเอ่ย
หลี่มู่หยุดเดินทางชั่วคราว ลงมือวางค่ายกลวิชาเต๋าเอาไว้รอบๆ ฐานที่มั่นเผ่ายิงจันทร์ เพื่อป้องกันวิหารแมงมุมมารอาจจะมาโจมตีอีกครั้ง…แน่นอน อัตราความเป็นไปได้นี้น้อยมาก เพราะจากการแตกดับของจ้าววิหารเทพแมงมุม การร่วมมือของกุนซือที่เขาใช้กำลังบังคับรวมขึ้นจะสลายตัวไปเมื่อใดก็เป็นแค่เรื่องของเวลา แต่ว่า การวางค่ายกลอย่างน้อยๆ ก็สามารถป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ ตอนนี้เผ่ายิงจันทร์อ่อนแอนัก
คืนนั้น หลี่มู่ต้องขอตัวจากไปก่อน
“ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย ข้ารู้ที่ตั้งของวิหารเทพหมาป่า” เทพธิดาสงครามขันอาสา
นางเป็นหนึ่งในธิดาเทพแห่งวิหารเทพหมาป่า มีการตอบสนองกับวิหารเทพหมาป่าอย่างหนึ่ง วิหารเทพหมาป่าซึ่งลอยล่องไม่อยู่กับที่ไปในที่ราบทุ่งหญ้า มีเพียงเหล่าธิดาเทพและบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านพิธีแสงเทพชำระล้างของวิหารเทพหมาป่ามา จึงจะสามารถสัมผัสตำแหน่งที่วิหารเทพหมาป่าตั้งอยู่ในอาณาบริเวณและระยะห่างที่แน่นอนได้
หลี่มู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”
……
“ยังตามมาอีกหรือ?”
ซ่างกวนอวี่ถิงมองสุนัขประหลาดตาสองสีที่ตามมาข้างหลังอย่างแปลกใจ
เทพแห่งสุนัขที่ควบคุมฝูงหมาป่าขาวตัวนี้ หลังจากพบเจอนางก็ทิ้งบริวารของตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตัวเองมาตามติดอยู่กับนาง จะสลัดก็สลัดไม่หลุด
สุนัขประหลาดตัวนี้เหมือนจะมีพลังทะลุเวลาและมิติได้
ก่อนหน้านี้อยู่ทางหนึ่ง เสี้ยวขณะต่อมาอยู่อีกทางหนึ่ง เมินเฉยต่อพลังสกัดกั้นทุกสิ่ง แม้แต่เจียงชิวไป๋เทวะผู้นี้ยังทำอะไรมันไม่ได้
เจียงชิวไป๋มองสุนัขพิลึกตัวนี้อย่างกลัดกลุ้มยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา