เจียงชิวไป๋หัวเราะ ใบหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามถึงที่สุด “เข้าใจสถานการณ์ผิดแล้วกระมัง วิหารเทพหมาป่า ข้างในฟ้านิจนิรันดร์นี้ เมื่อไรกันที่โจรต่างถิ่นอย่างพวกเจ้ามาหยิ่งผยองชี้ไม้ชี้มือได้?”
ผู้ใช้คลื่นวารีได้ยินก็แค่นหัวเราะเย็นชา “โง่เขลาเบาปัญญา”
กู้ป้านเซิงถอนหายใจ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงเตรียมพร้อมป้องกันตัวครั้งสุดท้ายเสียเถอะ”
เจียงชิวไป๋ผงกศีรษะเอ่ยตอบ “มีอยู่หนึ่งคำถามที่ข้าอดใจถามไม่ได้ พวกเจ้าลอบเข้ามาในวิหารเทพหมาป่าได้อย่างไร?”
ผู้ใช้คลื่นวารียิ้มเย็นชาไม่พูดอะไร สายตาคมกริบดุจใบมีดจ้องไปที่เจ้านายพลสุนัขประหลาด
ในใจเขาเกลียดสุนัขตัวนี้มากนัก
กู้ป้านเซิงกลับตอบว่า “จ้าววิหารเจียง เจ้าก็น่าจะสังเกตเห็นแล้ว ฟ้าดินเปลี่ยนไป เทพมารลงมาเยือน โลกตอนนี้ไม่เหมือนกับโลกแต่ก่อนอีกแล้ว ยุคแห่งการแตกสลายครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง ผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดก็ใกล้จะไม่ใช่เก้าสำนักเทพกับจักรวรรดิอีกต่อไป พวกเราอยากหลุดพ้นออกจากฟ้าดินนี้ เข้าสู่ห้วงดาราสมุทรอันไร้ขอบเขต จึงต้องประนีประนอมบางอย่าง…”
“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่า เจ้าสำนักกู้พูดได้มีวาทะศิลป์เหลือเกิน” เจียงชิวไป๋เอนตัวพิงประตูทองคำ เลือดสดย้อมกำแพงประตู ยิ้มหยันพลางผงกศีรษะ “แต่ข้าก็ยังฟังออกอยู่ ฮ่าๆ ประนีประนอม? พวกเจ้าก็แค่วางอัตตาลง แล้วไปเป็นสุนัขให้คนอื่นไม่ใช่หรือ?”
สีหน้ากู้ป้านเซิงไม่น่าดูในทันที
ผู้ใช้คลื่นวารีก้าวเข้ามาทีละก้าว จิตสังหารเต็มเปี่ยม ไม่คิดพูดจาไร้สาระอีก
แต่เจ้านายพลกลับเห่าแล้วกระโดดขึ้นมา กล่าวอย่างโมโหโกรธาว่า “พูดมาให้ชัดเจนเสียก่อน เป็นสุนัขแล้วไม่ดีตรงไหน?”
เจียงชิวไป๋หัวเสียแล้ว
นี่มันใช่เวลาสอดปากสอดคำไหม?
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าววิหารเจียง จงตายเสียเถอะ” กลางฝ่ามือป้านกู้เซิงมีแสงกระบี่ส่องระยิบระยับเป็นชั้นๆ จิตกระบี่หมุนวน
เจียงชิวไป๋เผยสีหน้าทะนงตน หัวเราะเย้ยหยัน และเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเหมือนจะลืมบางเรื่องไป”
“อะไร?”
“ข้า มาจากฟ้านิจนิรันดร์” เจียงชิวไป๋กล่าวด้วยท่าทีเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
เท้าของผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหยุดชะงักพร้อมกัน ใบหน้าปรากฏอาการหวาดเกรง
จริงสิ เกือบจะลืมไปแล้ว เจียงชิวไปเป็นผู้ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์
ฟ้านิจนิรันดร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามมารและเซียน ในนั้นมีความลับยิ่งใหญ่ มีโอกาสครั้งใหญ่ และมีกับดักสังหารอยู่ แม้เป็นเทวะก็อาจถูกฝังอยู่ด้านในได้ เจียงชิวไป๋ที่มาจากฟ้านิจนิรันดร์ต้องคุ้นเคยกับความลับด้านในมาก ดูจากการที่เขาแสดงท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้ หรือว่าที่ด้านหน้าประตูใหญ่จะมีกับดักใดแอบซ่อนเอาไว้?
เห็นประตูของฟ้านิจนิรันดร์กำลังจะเปิดอยู่ตรงหน้า เวลานี้ ใครก็ไม่อยากจะพลาดขั้นตอนสุดท้ายทั้งนั้น
กู้ป้านเซิงกับผู้ใช้คลื่นวารีมองตากัน ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าอีก
ก่อนหน้าในวิหารเทพหมาป่า ถึงแม้เจียงชิวไป๋จะแพ้ล่าถอยหลายครั้ง แต่นั้นเพราะว่าเขาสู้หนึ่งต่อสอง ย่อมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เป็นธรรมดา ซ้ำยังต้องคอยปกป้องหญิงสาวอีกคน เลี่ยงไม่พ้นที่ต้องแบ่งสมาธิไป มีหลายครั้งที่ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงกระบวนท่าโหดเหี้ยมกับหญิงคนนั้นโดยไม่สนใจฐานะตนเอง บีบให้เจียงชิวไป๋ต้องฝืนต้านซึ่งหน้า ถึงจะโจมตีเจียงชิวไป๋ให้เจ็บหนักได้หลายครั้ง มิเช่นนั้น เจียงชิวไป๋ที่ใช้อุปสรรคและค่ายกลภายในวิหารเทพหมาป่าคงรักษาสถานภาพไม่แพ้ไว้ได้
ถึงตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในจุดได้เปรียบ แต่วิธีของเจียงชิวไป๋ยังทำให้ใจของพวกเขารู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว
ดังนั้นในตอนนี้ เพียงแค่ประโยคเดียวของเจียงชิวไป๋ก็ทำให้ยอดยุทธ์ทั้งสองสูญเสียอำนาจบีบต้อนเช่นก่อนหน้านี้ไปแล้ว
เจียงชิวไป๋เพียงเอนพิงประตู ใบหน้ามีรอยยิ้มเย้ยหยัน จ้องมองทั้งสองคน
บรรยากาศดูแปลกประหลาด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
ซ่างกวนอวี่ถิงยืนอยู่ข้างกายเจียงชิวไป๋ กำลังพันแผลให้กับเขา
ตลอดการเดินทาง เจียงชิวไป๋ปกป้องนางเป็นอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย หลายครั้งที่ทำให้ตนต้องบาดเจ็บเพราะช่วยนางให้รอดจากเงื้อมมือของผู้ใช้คลื่นวารี
ซ่างกวนอวี่ถิงรู้สึกว่าความจริงแล้วตนเองคอยถ่วงเจียงชิวไป๋ ตั้งแต่อำเภอขาวพิสุทธิ์จนถึงที่ราบทุ่งหญ้า ตั้งแต่กลางพายุหิมะมาจนถึงวิหารเทพหมาป่า จากนั้นก็มาถึงใต้ประตูใหญ่วังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของฟ้านิจนิรันดร์ ตลอดการถูกไล่ล่า ภาพประทับที่ซ่างกวนอวี่ถิงมีต่อชายผู้ชิงตัวตนเองมาคนนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในตอนนี้ นางจำต้องยอมรับว่าเจียงชิวไป๋เป็นคนดี เป็นชายที่มีบุคลิก สถานะ และมาดของเก้ายอดคนโดยแท้จริง เทียบกับเก้ายอดคนอื่นๆ อย่างผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงแล้วไม่รู้ว่าองอาจกว่ากันตั้งกี่เท่าตัว
นางอยากช่วยเจียงชิวไป๋
แต่พลังของนางยังห่างชั้นอยู่มากเกินไป
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่นางจะเข้าไปร่วมได้เลย
เจียงชิวไป๋ไอสองสามครั้ง มุมปากยังมีเลือดไหลออกมา
นับตั้งแต่ที่ตนเองออกมาจากฟ้านิจนิรันดร์ หลังจากประสบความสำเร็จด้านยุทธ์ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้
วิชาของวิหารเทพหมาป่าค่อนข้างเอนไปทางการฝึกฝนกาย กายเนื้อของเจียงชิวไป๋แข็งแกร่งยิ่งนัก พลังการฟื้นฟูก็น่าตกใจ ทว่า คนที่ทำเขาบาดเจ็บเป็นถึงสุดยอดวิถียุทธ์เก้ายอดคนเหมือนกัน ในบาดแผลนั้นมีพลังพิษของผู้ใช้คลื่นวารีรวมถึงจิตกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายสองชนิดของกู้ป้านเซิงคอยลุกลามทำลายไม่หยุด แขนขาที่ขาดไปจึงทำได้เพียงฝืนห้ามเลือดไว้ หากคิดจะฟื้นฟูเกรงว่าต้องใช้เวลาหลายปี
ทว่าตอนนี้ สิ่งที่เขาขาดไปมากที่สุดก็คือเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย
สถานการณ์คุมเชิงกันเช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งถ้วยชาเต็ม
ในที่สุด ผู้ใช้คลื่นวารีก็ทนไม่ไหวแล้ว
“ถ้าเจ้ามีลูกไม้อะไรอีก คงงัดออกมาใช้คุมสถานการณ์ก่อนแล้ว ไม่น่าจะรอนานขนาดนี้” เขาจ้องเจียงชิวไป๋ ยิ้มเย็นชากล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าจงใจพูดเช่นนั้นก็แค่คิดจะทำให้ข้าเกรงกลัว กำลังถ่วงเวลาไว้เท่านั้น คิดจะรอให้ประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเปิดออกแล้วหายตัวเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์เพื่อต่อชีวิต ใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา