กัวอวี่ชิงพูดไว้ไม่ผิด สถานการณ์ที่เจียงชิวไป๋เผชิญหน้าอยู่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านการสู้สุดกำลังโดยไม่ออมพลัง ตอนนี้เขาสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองไปแล้ว เป็นสุนัขประหลาดตาสองสีที่แบกเขาเดิน ขาและแขนขาดไปข้างหนึ่ง กระดูกขาวโผล่ออกมาข้างนอก เสียเลือดไปไม่น้อย อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
ทั่วร่างส่วนที่ยังคงอยู่สมบูรณ์ ก็เหลือเพียงใบหน้างดงามนั่นแล้ว
“สู้ไม่ได้ก็หนีสิ เจ้าน่ะเจ้าฝืนไม่เข้าท่า คนเดียวสู้กับสองคน สุดท้ายโดนชาวบ้านตัดแขนตัดขา เจ้าโง่รึเปล่าเนี่ย” สุนัขประหลาดตาสองสีบ่นอย่างไม่พอใจ “แล้วก็นะ เจ้าเอาแต่ปกป้องหน้าเจ้าทำไมกัน จุดอ่อนอยู่ที่ใบหน้ารึไง? นี่ เจ้าอย่าตายนะ ควบคุมหน่อย อย่าให้เลือดไหลออกมาทำขนสวยๆ ของข้าสกปรกล่ะ”
เจียงชิวไป๋ไอ หอบหายใจถี่รัว
มารดามันเถอะ ข้าก็อยากจะหนีเหมือนกันนั่นแหละ หากทิ้งพวกเจ้าหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกหนึ่งสุนัข ก็หนีพ้นไปนานแล้วมิใช่หรือ?
ซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเป็นกังวล รีบร้องห้ามว่า “นายพล เลิกยั่วโมโหเขาได้แล้ว”
ก่อนหน้านี้ตอนหนีเอาชีวิตรอด สุนัขตัวนี้หลุดชื่อของตัวเองออกมาว่านายพล
เป็นชื่อที่น่าไม่อายเอาเสียเลย
“โฮ่ง หากไม่ใช่ว่าแม่สาวน้อยมีกลิ่นอายวิชาของเจ้าเด็กบ้าหลี่มู่นั่น ข้าไม่ช่วยพวกเจ้าหรอกนะ ตอนนี้ถูกคนไล่ฆ่าอย่างกับสุนัข โฮ่งๆ” เอกลักษณ์เด่นของเจ้านายพลคือพูดมาก ที่กล่าวกันว่าปากสุนัขพ่นงาช้างออกมาไม่ได้ก็คือมันนี่เอง ทั้งที่กำลังทำดีแท้ๆ แต่มันไม่เคยพูดจาดีๆ อะไร
เจียงชิวไป๋อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป “อะไรที่เรียกว่า…แค่กๆ ถูกคนไล่ฆ่าอย่างกับสุนัข เจ้าเอง…แค่กๆ ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่งจริงๆ นี่” เขาพูดพลางไอกระอักเลือด
ซ่างกวนอวี่ถิงกุมขมับ
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขข้างหน้านี้เหมือนจะเป็นคู่พิฆาต เมื่ออยู่ด้วยกันก็เริ่มพ่นน้ำลายใส่กันเลย
จากบทสนทนาเมื่อครู่ นางรู้แล้วว่าสุนัขประหลาดชื่อนายพลตัวนี้รู้จักกับหลี่มู่จริง อีกทั้งบอกว่าหลี่มู่คือสัตว์เลี้ยงมนุษย์ที่มันเก็บมาเลี้ยง จากนั้นก็หลุดหายไป มันตามหาสัตว์เลี้ยงมนุษย์ของมันมาโดยตลอด…พี่มู่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของสุนัขตัวนี้ไปได้อย่างไร? สุนัขตัวนี้ไม่น่าเชื่อถือเกินไปแล้ว
“อ่าฮ่า รู้จักเถียงแล้ว ยังไม่ตายสนิทนี่” เจ้านายพลแขวะเจียงชิวไป๋กลับ “บอกมาซิว่าต่อไปพวกเราจะหนีไปที่ไหน” มันรู้สึกว่ากลิ่นอายของผู้ไล่สังหารใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
“ไปฟ้านิจนิรันดร์” เจียงชิวไป๋โมโหจนกลอกตา “มุ่งไปข้างหน้าตามที่ข้าบอก”
เขาชี้ทางอย่างยากลำบากยิ่ง
“โฮ่ง ต้องเร่งความเร็วแล้ว” เจ้านายพลสะบัดตัวเล็กน้อย มันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ตัวพองขยายออกมาราวกับลูกโป่ง เพียงชั่วครู่เดียวตัวมันก็ใหญ่เท่าลูกม้า “สาวน้อย เจ้าขึ้นมาขี่เอง…” อืม ถ้าหลี่มู่อยู่ละก็ คาดว่าคงอัดมันน่วมเพราะประโยคนี้แน่
มันแบกเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิงไว้ และเร่งความเร็วขึ้น
มันเองก็ค่อนข้างกลัวอยู่เหมือนกัน
เพราะการต่อสู้เมื่อครู่ ถึงแม้มันจะกัดมือของผู้ใช้คลื่นวารีที่ค่อนข้างกระตุ้งกระติ้งคนนั้นขาด แต่ก็โดนกระบี่ของ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ เข้ากระบี่หนึ่ง ทั้งยังโดนแส้วารีของผู้ใช้คลื่นวารีฟาดเอาจนหลังเกือบหัก นี่ทำให้มันตระหนักได้ว่ามีอันตราย…ดังนั้นจะต้องหนี
รู้อย่างนี้ไม่น่ามาเลย
รอหลี่มู่อยู่ที่ทุ่งหิมะก็พอแล้ว
เหล่าสนมวังหลังหมาป่าขาวที่แข็งแรงเหล่านั้น ไม่รู้ว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้ข้ารึเปล่า?
เจ้านายพลวิ่งพลางคิดไปด้วย
หวังว่าเจ้าหนูมู่จะรีบตามมา มิฉะนั้นวันนี้หากถูกไล่ตามทันจริงๆ คงถูกสับเป็นหม้อไฟเนื้อสุนัขแน่แล้ว
มันแบกซ่างกวนอวี่ถิงและเจียงชิวไป๋ ทะยานไปอย่างบ้าคลั่งราวหมาป่าที่ไร้พันธนาการ
ไม่นานนัก ทางด้านหลังก็มีแสงน้ำและแสงดาบไล่ตามมาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
ลำแสงสองสายเพียงกะพริบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นร่างคนร่อนลงบนผืนดิน
เป็นผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารีและเจ้าสำนักฟ้าคราม ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ นั่นเอง
“เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทำไมยังหนีได้เร็วขนาดนี้?” ผู้ใช้คลื่นวารีร่างกายค่อนข้างสะบักสะบอม ผิวกายปกคลุมด้วยประกายน้ำสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งเสมือนเสื้อคลุมโปร่งบาง มือข้างที่ถูกกัดขาดครึ่งยังมีเลือดไหลชุ่มโชก
บุคคลในเก้ายอดคน ต่อให้เป็นกระดูกขาวก็ยังเกิดเนื้อขึ้นมาใหม่ได้ ตามหลักแล้วฝ่ามือที่ขาดเพียงชั่วหนึ่งความคิดก็น่าจะงอกขึ้นใหม่ได้ แต่น่าแปลกนัก ฝ่ามือที่ถูกสุนัขตัวนั้นกัดขาดกลับไม่อาจฟื้นคืนอีก นี่ทำให้จิตสังหารในใจของผู้ใช้คลื่นวารีลุกโชน เขาเคยน่าอเนจอนาถแบบนี้ที่ไหนกัน
ส้นเท้าของ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงก็มีรอยเขี้ยวรอยหนึ่ง เลือดไหลอาบเช่นกัน
พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ บุคคลในเก้ายอดคนกลับมาถูกสุนัขกัดเสียนี่
สารรูปของพวกเขาตอนนี้…ไม่ต่างจากขโมยโง่ๆ ไปขโมยของแล้วถูกสุนัขกัด สภาพจนตรอกเป็นที่สุด
“สุนัขโง่สมควรตายตัวนั้นค่อนข้างประหลาด…รอให้ข้าจับมันได้ก่อนเถอะ จะต้องดื่มเลือด กินเนื้อ ป่นกระดูกมันแน่” ผู้ใช้คลื่นวารีโมโหจนกัดฟันกรอด บุคลิกท่าทางของบุคคลระดับเก้ายอดคนมลายหาย
แต่ว่า เรื่องที่เขาไม่รู้ก็คือ ตนไม่ใช่บุคคลระดับเก้ายอดคนแรกที่ถูกสุนัขตัวนี้ทำให้โมโหจนเสียกิริยา
“อย่าพูดจาไร้ประโยชน์พวกนี้เลย คลาดกันเสียแล้ว ในวิหารเทพหมาป่ามีของประหลาดมากมาย…ตาเจ้าแล้ว อัญเชิญเซียนเถอะ” ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้าเซิงเอ่ยอย่างเย็นชา พลางโยนรูปปั้นหมาป่าสีดำแกมแดงที่ปั้นขึ้นจากวัสดุลึกลับขนาดฝ่ามือไปให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา