จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 342

หมาป่าและเป้ยใช้ชีวิตร่วมกัน

ตำนานเล่าว่าเป้ยไม่มีขาหน้า ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จำต้องเกาะอยู่บนหลังหมาป่า ต้องให้หมาป่าแบกจึงจะเคลื่อนไหวได้

และเมื่อเทียบกับความดุร้ายโหดเหี้ยมกับหมาป่า ถึงแม้เป้ยจะพลังต่อสู้ไม่สูง แต่มีปัญญาอันเฉียบแหลมยิ่ง มักจะสมคบคิดออกอุบาย ในฝูงหมาป่าฝูงหนึ่ง หากมีเป้ยถือกำเนิดขึ้นละก็ นั่นเท่ากับว่ามันเป็นกุนซือให้กับฝูงก็ว่าได้ เช่นนั้นระดับความน่ากลัวของฝูงหมาป่าจะยกขึ้นอีกหลายระดับ

เพียงแต่ เรื่องทำนองนี้ส่วนมากเป็นเรื่องในตำนาน

โดยเฉพาะตำนานพื้นบ้านต่างๆ

ปัญหาคือ คนที่เคยพบสัตว์ประเภทเป้ยอย่างแท้จริงมีน้อยมากนัก

ต่อให้เป็นยอดยุทธ์มากมายในที่ราบทุ่งหญ้าซึ่งเคยเห็นหมาป่ามานักต่อนัก ก็ไม่เคยเห็นเป้ยเลยสักครั้ง

ดังนั้นจึงมีคำบอกเล่าอีกอย่างหนึ่งว่า อันที่จริงสัตว์อย่างเป้ยนั้นไม่มีอยู่จริง เป้ยในตำนานพื้นบ้านก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น

ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงต่างเป็นตัวประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตยืนยาว จึงย่อมเคยได้ยินตำนานพวกนี้มาบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นเป้ยตัวหนึ่งด้วยตาตัวเอง อีกทั้งฐานะของเป้ยตัวนี้ยังพิเศษเช่นนี้ เป็นถึงจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่า บุคคลหนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้า…พูดได้ว่าอยู่จุดสูงสุดในโลกมนุษย์แล้ว

ความลับเช่นนี้ หากแพร่งพรายออกไปก็มากพอที่จะสั่นคลอนฟ้าดินได้

ทว่า ตอนนี้พวกเขาล่วงรู้ความลับนี้เข้า กลับเหมือนว่า…ต้องตายแน่แล้ว

เป้ยที่มีขนสีเหลืองทองทั่วร่าง ขาหน้าสั้นๆ เหลือเพียงข้างเดียว ขาหลังก็เหลือเพียงข้างเดียวเช่นกัน มีรอยแผลเช่นเดียวกับเจียงชิวไป๋ในร่างคน มันยังคงยืนตระหง่าน ทั่วร่างส่องกะพริบด้วยประกายแสงสีทอง เหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ เส้นขนก็เหมือนกำลังเผาไหม้เป็นเถ้าธุลีทีละนิด

มันยังคงเผาผลาญชีวิตของมัน

และในกรงขังกำแพงแสงทองนี้ พลังกดดันยิ่งน่าครั่นคร้ามขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ใช้คลื่นวารีคำรามอย่างโมโห ร่างถูกพลังกดดันที่มองไม่เห็นบีบจนเปลี่ยนรูปแล้ว เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากตาหูจมูกปาก และพุ่งออกมาตามรอยแผล ก่อเป็นละอองหมอกเลือดหุ้มเขาเอาไว้ข้างใน กู้ป้านเซิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน กระดูกทั่วร่างถูกบีบเสียงดังกร๊อบๆ กล้ามเนื้อเปลี่ยนรูป มือ เท้า แขน ขาถูกพลังกดดันไร้รูปร่างบีบอัดจนเป็นก้อนเนื้อ

และสิ่งที่น่ากลัวไปยิ่งกว่านั้นคือ กำแพงแสงสีทองเหมือนจะสามารถดูดซับเลือดที่พุ่งออกมาจากร่างกายพวกเขา แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน สะท้อนกลับมาเป็นพลังที่กำราบพวกเขาเอาไว้

“อ๊ากกก” ผู้ใช้คลื่นวารีร้องเสียงดัง

กู้ป้านเซิงดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้า

พวกเขาสัมผัสได้ถึงความตายที่มาเยือน

นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้

พวกเขากระตุ้นของวิเศษ วิชาลับ เวทลับ คิดอยากจะหนีไป รัศมีประหลาดต่างๆ พวยพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขา โจมตีไปยังกำแพงแสงสีทองอย่างบ้าคลั่ง

ผู้ใช้คลื่นวารีอ้าปากคายมุกที่เหมือนหลอมขึ้นจากน้ำทะเลบริสุทธิ์ออกมา นี่คือ ‘มุกเจียว’ สมบัติล้ำค่าพิทักษ์สำนักมหาวารี ส่วนกู้ป้านเซิงก็กระตุ้น ‘กระบี่ศิลาเทพมารหยินหยาง’ โดยไม่เสียดายว่าต้องจ่ายด้วยสิ่งใด ประกายแสงสองสายที่แฝงไว้ด้วยพลังราวจะล้างโลกโจมตีไปบนกำแพงแสงสีทองเต็มแรง!

“หึๆ ช้าไปแล้ว…ตายเสียเถอะ”

ในดวงตาเป้ยที่เป็นร่างจริงของเจียงชิวไป๋ฉายแววเหี้ยมเกรียมไร้จิตใจ

ตูม!

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ‘มุกเจียว’ และ ‘กระบี่ศิลาเทพมารหยินหยาง’ ถูกกรงขังแสงทองบดแหลกละเอียด กลายเป็นธุลีปลิวกระจาย ลวดลายเต๋า พลังงาน และพลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นหลั่งไหลออกมา ขณะเดียวกันกรงแสงทองก็ดูดซับมันเอาไว้ทันที

ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงกระอักเลือดออกมาอึกใหญ่พร้อมกัน

นี่เป็นถึงสมบัติของสำนัก ของวิเศษที่ควบคุมชะตาของสำนักเชียวนะ ไม่นึกว่ากลับถูกทำลายไปแล้ว

“กรงแสงทองเหนี่ยวนำพลังแห่งฟ้านิจนิรันดร์ สังหารได้กระทั่งเทพมาร นับประสาอะไรกับพวกเจ้า ละโมบในของของวิหารเทพหมาป่าข้า ยื่นกรงเล็บแห่งโลภะออกมา พวกเจ้าจะต้องแบกรับสิ่งที่ต้องจ่าย” ร่างของเป้ยแก่ชราลง สูญเสียพลังชีวิต แต่สายตากลับเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

เพียงชั่วพริบตา ร่างของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงก็สลายไปทั้งเป็น เลือดเนื้อกระดูกลายเป็นไอหมอก ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในกรงขังแสงทอง

ร่างวิญญาณของพวกเขาปรากฏออกมา กรีดร้องดิ้นรน แต่ก็ไร้ประโยชน์ใดๆ

“สังเวยให้ข้าไปเสียเถิด” เป้ยเอ่ยอย่างเย็นชา

นึกย้อนไปถึงยามสำเร็จทางสายหลักในตอนนั้น และได้ร่างมนุษย์จากในฟ้านิจนิรันดร์มา ตนเคยสาบานเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง วันนี้ได้สละชีพรักษามันเอาไว้แล้ว

ศิษย์พี่ ข้าปกป้องมันให้ท่านแล้ว

วิหารเทพหมาป่าเป็นของท่าน ผู้ใดก็ชิงไปไม่ได้

ด้านหน้าประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ใบหน้าของเป้ยแย้มยิ้ม แต่พลังชีวิตที่ฉายในดวงตาค่อยๆ หม่นแสงลง

ในตอนนี้เอง…

ฟุ่บ!

ประกายแสงสีแดงเลือดสายหนึ่งกะพริบวาบขึ้นในกรงขังแสงทอง

กลับเป็นรูปปั้นหมาป่าดำสีแดงเลือดที่อยู่กับผู้ใช้คลื่นวารี จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้น เสมือนมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น มันดูดซับแก่นจากหมอกเลือดในกายของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงที่ถูกบดขยี้ จากนั้นเพียงแค่เสี้ยวพริบตาก็ราวกับมีชีวิต แปลงเป็นหมาป่ายักษ์สีดำตัวขนาดเท่าลูกวัว ทั่วร่างมีละอองหมอกสีดำแดงไหลวน ดวงตาแดงก่ำดั่งบ่อเลือดมีแสงแดงฉานเดือดพล่าน เต็มไปด้วยกลิ่นอายอย่างหนึ่งที่ชั่วร้ายยากจะบรรยาย

ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงเมื่อได้เห็น ดวงตาก็เป็นประกายทันที

“ท่านเซียน ช่วยพวกเราด้วย…”

พวกเขาเหมือนคนจมน้ำที่คว้าฟางช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ร่างวิญญาณร้องอ้อนวอนกันใหญ่

ทว่า ดวงตาหมาป่ายักษ์สีดำฉายแสงสีแดงชั่วร้าย แค่กวาดมองมันก็พุ่งกายออกไป จัดการอ้าปากฉีกกระชากร่างวิญญาณของผู้ใช้คลื่นวารี กัดกินเป็นอาหาร เพียงไม่กี่คำก็กินร่างของผู้ใช้คลื่นวารีจนหมดสิ้น จากนั้นร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ใหญ่พอๆ กับม้าหนุ่ม ขนสีแดงดำสยาย ประหนึ่งหมาป่าอสูรที่ออกมาจากนรก…

มันหอนเสียงยาว

จากนั้นก็พุ่งชนกำแพงแสงสีทองอย่างรุนแรง

ครืน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา