ประเทศจีนสมัยโบราณ คนบนดาวโลกออกมานอกดวงดาวด้วยหรือ?
ฟังแล้วเหมือนไร้สาระ ซ้ำยังไร้สาระอย่างแปลกประหลาดไม่มีหลักการอีกด้วย
แต่หลี่มู่มาคิดๆ ดู เรื่องที่ตนเองถูกส่งจากดาวโลกมายังโลกใบนี้ ก็เพียงพอจะเป็นกรณีตัวอย่างได้แล้ว
ในเมื่อซินแสเฒ่าสามารถส่งตนออกมาในยุคมืดที่พลังวิญญาณบนโลกกำลังแห้งขอดได้ ก็รับรองได้ยากว่าในยุคที่พลังวิญญาณยังไม่เหือดแห้งจะมีคนถูกส่งออกมาได้จริง หากพวกตำนานเรื่องเล่าในนิยายห้องสินเป็นเรื่องจริงละก็ เงื่อนไขข้อแรกนี้ก็เหมือนจะได้รับการยืนยันจากลานแสดงธรรมที่หลี่มู่พบในฟ้านิจนิรันดร์แล้ว ถึงอย่างไรวิชาเทพอย่างปาจิ่วเสวียนและขี่เมฆาเหินฟ้า เขาก็ได้รับมาเรียบร้อย เขาหลิงไถฟางชุ่นก็เห็นมากับตาด้วยเช่นกัน
ส่วนคำว่า ‘ดาวโลก’ ที่ออกมาจากปากอวี๋ฮว่าหลงคนสมัยราชวงศ์ถังฟังแล้วดูผิดปกติ แต่ความจริงก็เข้าใจได้ไม่ยาก
เพราะในยุคชุนชิวจั้นกั๋ว[1] ข้อความที่สลักไว้บนเครื่องสำริดมีการอธิบายถึงคำว่า ‘ประเทศจีน’ เอาไว้แล้ว ดังนั้นสำหรับปรัชญาเมธีที่เดินทางออกจากโลกรวมไปถึงระบบสุริยะเหล่านั้น เมื่อเทียบกับเรื่องที่คนบนดาวโลกใช้คำว่า ‘โลก’ มาช้านานกว่า จึงไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้อะไร อย่างไรเสียเป็นไปได้ว่าช่วงเวลาที่พวกเขาเห็นรูปทรงของโลกกลมเหมือนลูกบอลในจักรวาล อาจเกิดขึ้นนานแสนนานก่อนที่คนบนโลกจะเห็นรูปทรงดาวโลกหลังจากสร้างยานอวกาศขึ้นได้เสียอีก
หลี่มู่เกาหัวอย่างห่อเหี่ยวใจ
จังหวะนี้มันไม่ค่อยจะถูกต้องนา
ข้าแค่มานั่งเผือกเฉยๆ หรอก
เดิมทีข้าก็มาเป็นผู้ชม มาดูรัชทายาทแห่งต้าเยวี่ยคนนี้แสดงละคร แล้วทำไมเผือกนี้กินไปกินมา ตนเองจึงถูกดึงเข้าไปในละครด้วยเสียอย่างนั้น
หลี่มู่พบว่าใจตนเองค่อยๆ ยอมรับตรรกะของอวี๋ฮว่าหลง เชื่อเรื่องราวที่เขาเล่าทั้งหมด
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าไปผจญภัยในฟ้านิจนิรันดร์ละก็ หลี่มู่คงหลุดหัวเราะไปแล้ว
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ลานแสดงธรรมของพระอาจารย์โพธิในฟ้านิจนิรันดร์ หลี่มู่รู้สึกว่าตนเองอาจต้องเปลี่ยนท่าทีในการมองตำนานเทพปีศาจมากมายของจีนเสียใหม่
หลี่มู่ขยี้ผมและเอ่ยขึ้น “ชื่อของปรัชญาเมธีเหล่านั้น เจ้าไม่รู้จักเลยแม้แต่ชื่อเดียวหรือ?”
อวี๋ฮว่าหลงยิ้มบางๆ ตอบกลับว่า “นี่ไม่ใช่ความลับอะไร หากเจ้าคิดอย่างละเอียด จะพบว่าในประวัติศาสตร์สมัยโบราณของประเทศจีนมักจะมีคนบางกลุ่มมีอิทธิพลต่อยุคสมัยหนึ่ง แต่จุดจบสุดท้ายของพวกเขา บางคนไม่ชัดเจน บางคนความตายท้ายสุดก็เต็มไปด้วยเรื่องอัศจรรย์ไม่ใช่หรือไร? จริงๆ แล้วในกลุ่มพวกเขา มีหลายคนไม่ได้ตายลงอย่างคนธรรมดา แต่ออกจากดาวโลกมา”
หลี่มู่ใจสั่นวูบหนึ่ง
อันดับแรก เขาคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที
“อย่างเช่น?” หลี่มู่ย้อนถาม
“เช่นเหลาจื่อ (เล่าจื๊อ) ผู้ประพันธ์คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ‘เต้าเต๋อจิง’[2] เจ้ารู้ไหมว่าจุดจบของเขาคืออะไร?” อวี๋ฮว่าหลงย้อนถามหลี่มู่
เป็นคนนี้จริงๆ ด้วย
หลี่มู่ตอบ “ประวัติศาสตร์บันทึกไว้แค่ว่า เหลาจื่อออกจากด่านหานกู่ มีเมฆมงคลลอยมาจากตะวันออก และต่อมาเหลาจื่อก็ขี่วัวดำไปทางตะวันตก ไม่ได้เจ็บป่วยตาย ไม่มีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ หรือว่า…”
หรือว่าเหลาจื่อจะขี่วัวดำข้ามแม่น้ำดารามายังดาวดวงนี้?
อวี๋ฮว่าหลงพยักหน้า เอ่ยว่า “บันทึกประวัติศาสตร์เดิมกล่าวไว้ เหลาจื่อเขียนคัมภีร์เต้าเต๋อจิง เนื้อหาคำสอนไม่ได้ทำเพื่อแสวงหาชื่อเสียง เขาอาศัยอยู่ในเมืองโจวมานาน ครั้นเห็นว่าราชวงศ์โจวนับวันยิ่งเสื่อมถอยจึงออกมาจากที่นั่น ขณะที่เดินผ่านด่าน นายด่านทักขึ้นอย่างยินดีว่า ‘ท่านจะปลีกตัวไปอยู่อย่างสันโดษแล้ว เขียนหนังสือให้ข้าสักเล่มเถิด’ เหลาจื่อจึงเขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่ง แบ่งเป็นสองบท บรรยายถึงคุณธรรมไว้ห้าพันอักษร จากนั้นจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย…บันทึกส่วนนี้เจ้าที่เป็นคนรุ่นหลังน่าจะรู้จักกระมัง?”
หลี่มู่พยักหน้า
ตอนเขาอยู่กับซินแสเฒ่าที่หมู่บ้านวัดหรานเติง ซินแสเฒ่าสนใจคัมภีร์เต๋ามาก โดยเฉพาะของปรัชญาเมธีเหลาจื่อยิ่งเทิดทูนอย่างยิ่งยวด
จากการที่ฟังและเห็นจนซึมซับ เขาจึงคุ้นเคยกับเรื่องน่าสนใจบางส่วนของเหลาจื่อ
และในตำนานที่เกี่ยวข้องกับเหลาจื่อทั้งหมด สิ่งที่หลี่มู่สนใจมากที่สุดก็คือจุดจบสุดท้ายของเหลาจื่อ ในบันทึกประวัติศาสตร์เขียนไว้ว่าท่านประพันธ์เต้าเต๋อจิงแล้วก็หายสาบสูญไป ในหมู่ประชาชนเล่าลือกันว่า เหลาจื่อผ่านด่านหานกู่ไปทางตะวันตก มีเมฆาม่วงลอยมาจากตะวันออก จากนั้นจึงขี่วัวดำลอยขึ้นฟ้าไป หลี่มู่รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นเพราะความเคารพเลื่อมใสที่ชาวบ้านมีต่อปรัชญาเมธีเหลาจื่อจึงแต่งเรื่องเช่นนี้ออกมา ไม่คิดเลยว่า…ตำนานนี้จะเป็นเรื่องจริง
หรือก็คือเหลาจื่อจริงๆ แล้วทะลวงสวรรค์ออกมาจากดาวโลกแล้วนั่นเอง
ขั้นทะลวงสวรรค์
เหลาจื่อเป็นยอดยุทธ์คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
ยังดีที่ผ่านการปูพื้นฐานก่อนหน้ามาบ้าง หลี่มู่ค่อยๆ เห็นเรื่องแปลกเป็นไม่แปลกไปแล้ว
“ยังมีใครอีก?” หลี่มู่สูดลมหายใจลึก ถามขึ้นอีก “ก่อนนี้เจ้าเคยบอกว่าปรัชญาเมธีที่ออกมาจากโลกไม่ได้มีคนเดียว หรือว่า…ท่านขงจื่อก็ใช่ด้วย?”
อวี๋ฮว่าหลงส่ายศีรษะ “ท่านขงจื่อเดินคนละสายกับท่านเหลาจื่อ เขาเลือกต่อสู้อยู่บนดาวโลก จึงไม่ได้ออกมาสู่นอกดวงดาว”
หลี่มู่พยักหน้า
บันทึกประวัติศาสตร์ว่าไว้ หลู่ไอกงปีที่สิบหก ขงจื่ออายุเจ็ดสิบสามล้มป่วยและจากไป
ไม่เหมือนกับจุดจบสุดท้ายอันน่ามหัศจรรย์ของเหลาจื่อ แต่บันทึกปีเกิดและตายของขงจื๊อไว้อย่างชัดเจน ทว่าหลี่มู่ก็รู้ หากเหลาจื่อมีพลังฝึกเหยียบเข้าสู่ห้วงดาราได้ ขงจื่อที่มีชื่อเสียงเท่ากับเหลาจื่อจะไม่มีพลังฝึกเช่นนี้หรือ? อายุเจ็ดสิบสามปี สำหรับขั้นเทวะแล้วแทบจะเหมือนช่วงของเด็กน้อย อาการป่วยประเภทไหนกันที่ทำให้เทวะดับสูญจากไปได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา