จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 356

ตอนนี้หลี่มู่ถึงได้มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ย้อนถามว่า “ที่เดียวกัน?”

อวี๋ฮว่าหลงก็ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เอ่ยตอบตามตรง “ดาวโลก”

หลี่มู่เงียบงันทันที

เขากำลังขบคิด คำพูดนี้ของอวี๋ฮว่าหลงมีความน่าเชื่อถืออยู่กี่ส่วนกันแน่

ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่กัวเคยบอกไว้ว่าราชวงศ์ต้าเยวี่ยคือราชวงศ์ที่ปีศาจนอกพิภพก่อตั้ง สร้างพายุฝนคาวเลือดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่เสินโจว สุดท้ายทำให้สรรพชีวิตในแผ่นดินใหญ่ไม่อาจทนรับได้ ดังนั้นจึงจับมือกัน หลังจากผ่านสงครามอันยากลำบากมา ในที่สุดก็โค่นล้มราชวงศ์ชั่วร้ายนี้ได้ และสร้างขั้วอำนาจแผ่นดินใหญ่เช่นทุกวันนี้ขึ้นมา

มองจากมุมมองของสรรพชีวิตบนแผ่นดินใหญ่เสินโจว มนุษย์โลกมาจากนอกพิภพ ก็นับว่าเป็นปีศาจร้ายนอกพิภพจริงๆ นั่นแหละ

นี่ถูกต้องแล้ว

แต่ว่าล้อเล่นอะไรกัน?

หนึ่งพันปีก่อนก็มีมนุษย์โลกข้ามแม่น้ำดวงดาวมาถึงดาวดวงนี้ แล้วสร้างจักรวรรดิอันแข็งแกร่งปกครองแผ่นดินใหญ่…นี่ไม่ใช่โคลัมบัสค้นพบดินแดนใหม่ ไม่ใช่การสร้างเรือลำใหญ่สี่ห้าลำขนข้าวของไปแลกเปลี่ยนบรรณาการ และก็ไม่ใช่เรื่องที่อาศัยแค่คลื่นลมก็สำเร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องพาย ดาราสมุทรไกลโพ้นเชียวนะ เป็นเรื่องง่ายเพียงนั้นเสียที่ไหนกัน

หลี่มู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ไม่สิ

เขาตระหนักได้ถึงปัญหาอีกข้อหนึ่ง

หนึ่งพันปีก่อนเป็นแค่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ต้าเยวี่ยล่มสลาย

จากบันทึกประวัติศาสตร์ ราชวงศ์ต้าเยวี่ยปกครองแผ่นดินใหญ่ยาวนานถึงพันปี หรือก็คือก่อตั้งตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีก่อน

เช่นนั้นดูจากคำพูดของอวี๋ฮว่าหลง เมื่อสองพันกว่าปีก่อนก็มีมนุษย์โลกทะลุมิติข้ามทางช้างเผือกมาถึงดาวดวงนี้ และก่อตั้งราชวงศ์ต้าเยวี่ยขึ้นมา…อืม สองพันปีก่อน ประเทศจีนอยู่ในสมัยราชวงศ์ใด? เหมือนจะเป็น…หลี่มู่นวดขมับพลางขบคิด น่าจะประมาณราชวงศ์ฮั่น ช่วงหวางหม่างกบฏฮั่น[1] สมัยฮั่นขนาดรถยนต์ยังไม่มีเลย แล้วจะเอายานอวกาศข้ามจักรวาลมาจากไหน?

หลี่มู่รู้สึกว่าความรู้ด้านประวัติศาสตร์กับการคิดคำนวณของตัวเองไม่มีปัญหา พูดแบบนี้ไม่ผิดแน่

แต่กระนั้น เขาก็ถามขึ้น “บอกข้าได้หรือไม่ว่าใครคือผู้ก่อตั้งราชวงศ์ต้าเยวี่ย?”

คนเมื่อสองพันปีก่อน น่าจะมีชื่อกันกระมัง

อวี๋ฮว่าหลงตอบ “เหล่าผู้ก่อตั้งราชวงศ์ในตอนนั้นจากไปหมดแล้ว พวกเขาเดินทางออกไปนอกพิภพ หาหนทางกอบกู้ อีกทั้งราชวงศ์ต้าเยวี่ยไม่ได้ก่อตั้งขึ้นด้วยคนคนเดียว แต่เป็นเลือดเนื้อแรงใจของปรัชญาเมธีหลายสิบคน”

เจ้าก็ว่าไปนั่น

หลี่มู่ทำท่าอย่างข้าจบชั้นมัธยมต้นแล้ว อย่าคิดว่าแต่งเรื่องอะไรมั่วๆ มาก็จะหลอกกันได้

ไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นคนกลุ่มหนึ่ง?

ข้าเป็นคนที่มีเหตุผลขนาดนี้ จะเชื่อคำบอกเล่าน่าขบขันของเจ้าไปได้อย่างไร

แต่ว่า ด้วยความเคารพต่ออวี๋ฮว่าหลง ‘ศิลปิน’ ที่จมดิ่งอยู่กับการแสดงโดยสมบูรณ์ หลี่มู่ยังฟังต่อไปอย่างอดทน

อวี๋ฮว่าหลงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “สองพันปีก่อน ยามเหล่าปรัชญาเมธีมาถึงโลกใบนี้ สรรพชีวิตบนแผ่นดินใหญ่ยังมีชีวิตอยู่กันโดยดื่มเลือดห่มขนสัตว์ เสมือนคนป่าเถื่อน มีอารยธรรมเสียที่ไหน เป็นพวกเขาที่นำอารยธรรมมายังโลกที่โง่งมใบนี้ จุดไฟแห่งอารยธรรมขึ้นมา สั่งสอนพวกเขา สร้างตัวอักษร พัฒนาการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การค้า บุกเบิกพื้นที่รกร้าง สังหารสัตว์ร้ายและอสูรปีศาจที่ยึดครองดินแดนรกร้าง ถึงได้มีพื้นที่ราบภาคกลางอันรุ่งเรืองอย่างแผ่นดินใหญ่เสินโจวเช่นทุกวันนี้ ภายหลังจึงสร้างราชวงศ์ต้าเยวี่ยขึ้น…” พูดถึงตรงนี้ อวี๋ฮว่าหลงก็ถอนหายใจ หันมามองหลี่มู่แล้วถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมชื่อของราชวงศ์จึงตั้งว่าต้าเยวี่ย?

หลี่มู่ฟังจนเพลิน ได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็ส่ายหน้า

“ประเทศจีนในยุคโบราณ ผู้คนเปรียบพระจันทร์เป็นบ้านเกิด มองจันทร์แล้วคำนึงถึงบ้านเก่า เหล่าปรัชญาเมธีจากโลกมา ท่องไปในห้วงแม่น้ำดาราก็เพราะจำเป็น ไม่มีใครชอบพเนจรร่อนเร่ พวกเขาทำไปก็เพื่อปกป้องโลก ดังนั้นถึงได้จากไป ด้วยคิดจะหาหนทางกอบกู้ช่วยเหลือ ทุกครั้งที่มองดวงจันทร์กลางท้องฟ้าก็คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนอย่างอดไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้คำว่าเยวี่ย (พระจันทร์) ตั้งชื่อ ราชวงศ์ที่ก่อตั้งขึ้นจึงมีนามว่าต้าเยวี่ย ฝากฝังความหมายเชิงคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนลงไป” อวี๋ฮว่าหลงเอ่ยอย่างเจ็บปวดใจ

หลี่มู่จำต้องยอมรับว่า เรื่องเล่าเรื่องนี้ช่างทำให้คนซาบซึ้งจริงๆ

อวี๋ฮว่าหลงเหมือนจะเศร้าโศกเล็กน้อย เขายกแก้วเหล้าดื่มหมดในรวดเดียว ก่อนจะขับกวีอย่างเนิบช้า “แสงจันทร์ส่องจ้าหน้าตั่งเตียง สาดบนพื้นดุจเกล็ดน้ำค้างพราวพร่าง แหงนหน้ามองจันทรากระจ่างกลางฟ้า ก้มหน้าคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน…พระจันทร์ที่บ้านเกิด ข้าก็ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วเช่นกัน”

หลี่มู่ขำทันที

เดี๋ยวก่อนนะ

หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้วน่ะ

“กลอนบทนี้ไม่ใช่กลอนเมื่อสองพันปีก่อนนี่” หลี่มู่พูด

เซียนกวีหลี่ไป๋เกิดในราชวงศ์ถัง ประมาณหนึ่งพันสองร้อยปีก่อน แต่จากคำพูดของอวี๋ฮว่าหลง เหล่าปรัชญาเมธีของต้าเยวี่ยมาถึงดาวดวงนี้เมื่องสองพันปีก่อน ดังนั้นเหล่าปรัชญาเมธีที่ว่าไม่มีทางรู้จักกลอนของนักกวีหลังจากที่พวกเขาจากโลกไปแล้วแปดร้อยกว่าปีแน่นอน นี่คือจุดขัดแย้งของตรรกะ

อวี๋ฮว่าหลงแย้มยิ้มบางๆ “แน่นอน นี่คือผลงานชิ้นเยี่ยมของเซียนกวีหลี่ไป๋แห่งราชวงศ์ถังเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน จะว่าไป ใต้เท้าหลี่ก็ลอกบทกวีของหลี่ไป๋อยู่หลายบทเหมือนกันนี่ ดังนั้นข้าเลยแปลกใจนัก ท่านอ๋องหลี่ ท่านมาจากโลกในยุคใดกัน?”

หลี่มู่ไม่ชอบใจแล้ว

เรื่องของคนมีการศึกษา จะเรียกว่าลอกเลียนได้ยังไง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา