จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 363

ได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าของสวีเซิ่งก็ฉายแววตะลึงสุดขีดทันที

“หรือว่า…จะเป็นเขา?” บนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักขุนคีรีที่แม้แขนสองข้างขาดก็ยังคงยิ้มสบายๆ ได้ ตอนนี้กลับเผยความหวาดเกรงอยู่ลึกๆ

หลี่มู่ถามอย่างสงสัย “ใครกัน?”

สวีเซิ่งตอบไป “หวังว่าจะไม่ใช่เขา หากเป็นเขาจริงๆ ละก็ เกรงว่าพวกเราคงไม่เหลือโอกาสแม้แต่เศษเสี้ยวแล้ว”

พวกชิวอิ่นได้ยินดังนั้น ใจก็สั่นสะท้านเช่นกัน

คนที่ทำให้สวีเซิ่งหวาดเกรงได้เช่นนี้ จะเป็นคนอย่างไรกันแน่?

“ดูก่อนค่อยว่ากัน หวังว่าจะไม่ใช่เขา” สวีเซิ่งมองบริเวณที่ห่างออกไปสามร้อยจั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท้องฟ้ามีเรือเหาะขนาดใหญ่ที่บินมาอย่างเนิบช้า

เรือเหาะแบบนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ทางอากาศที่มีกำลังรบสูงที่สุดของจักรวรรดิฉินตะวันตกแล้ว และเป็นผลสำเร็จสูงสุดของวิชาหลอมโลหะลายดาราของยุคสมัย มีชื่อว่าเรือวาฬทะยานฟ้า

เรือวาฬทะยานฟ้าขับเคลื่อนด้วยค่ายกลลายดารา วัสดุที่ใช้พิเศษมาก มีทั้งทอง เงิน ไม้ ดิน รูปร่างเหมือนวาฬที่แหวกว่ายไปในท้องฟ้า ลอยอยู่กลางอากาศ ความเร็วไม่นับว่ามากนัก แต่เป็นอาวุธระดับกลยุทธ์ สามารถบรรทุกทหาร หลบหลีกการโจมตีจากหน่วยสอดแนมได้ บนนั้นมีหน้าไม้ยิงหิน ปืนพลังลายดารา ล้วนแต่เป็นฝันร้ายของเมือง ฐานที่มั่น และสำนักภูเขาทั้งสิ้น ภายใต้การโจมตีของหน้าไม้ยิงหิน สิ่งที่นำมาให้มีแต่หายนะเสมอ

ทหารขี่เหยี่ยวของฉินตะวันตกก็กลายเป็นเหมือนฝูงเครื่องบินร่อนของเรือเหาะ อยากล่มเรือเหาะพวกนี้ต้องจัดการกับทหารขี่เหยี่ยวที่แสนจะว่องไวพวกนี้ให้ได้เสียก่อน และทหารขี่เหยี่ยวทุกนายอย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์ มีชุดอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน มีอาวุธต่างๆ นานาทั้งธนูหน้าไม้ ขวานบิน โซ่บิน ตาข่าย ไม่ว่าจะโจมตีเดี่ยวหรือกลุ่มล้วนชวนให้น่าปวดหัวทั้งนั้น

แน่นอน สำหรับยอดยุทธ์ขั้นเหนือมนุษย์สมบูรณ์ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ เรือเหาะทุกลำของจักรวรรดิฉินตะวันตกมีเทวะหรือครึ่งเทวะคนหนึ่งควบคุมดูแล

นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

จำนวนรวมของเรือวาฬทะยานฟ้าในจักรวรรดิฉินตะวันตกมีแค่ยี่สิบลำเท่านั้น

ครั้งนี้เพื่อที่จะล้างบางสำนักขุนคีรีก็นำออกมาทีเดียวสามลำแล้ว จะเห็นได้ถึงระดับความสำคัญที่มีให้สำนักขุนคีรี

ท่ามกลางเสียงกลองศึกและแตรเขาสัตว์กระหึ่ม ศึกโจมตีสำนักขุนคีรีเปิดฉากที่เหี้ยมโหดกว่าเดิมขึ้นอีกครั้ง

ร่างเงานับไม่ถ้วนทะยานมายังซุ้มประตูสำนักขุนคีรีราวกับมดยุบยับ

กลางท้องฟ้า จอมยุทธ์และจอมเวทที่บินอยู่สำแดงวิชาต่อสู้โจมตีไม่หยุด พลังและเสาแสงวิชาเวทสีต่างๆ หลายพันสายโจมตีไปบนเกราะแสงค่ายกลคุ้มกันภูเขาของสำนักขุนคีรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นลายน้ำเป็นชั้นๆ การสั่นสะเทือนรุนแรงทำให้ยอดเขาหลักทั้งลูกสั่นไหวเบาๆ

นี่เป็นภาพที่ทำให้คนสิ้นหวัง

เรือวาฬทะยานฟ้าสามลำหยุดอยู่กลางฟ้าห่างจากซุ้มประตูสำนักขุนคีรีไปเกือบสองร้อยจั้ง

ร่างเงาหลายร่างปรากฏขึ้นบนเรือธงแกนนำ

“เป็นรัชทายาทของฉินตะวันตก!”

ครั้นชิวอิ่นเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีดำ เสื้อคลุมสีเหลืองสดด้านหลังสะบัดตามลมบนเรือลำนั้น ก็จำได้ทันทีว่าเป็นรัชทายาทคนปัจจุบันของฉินตะวันตกนั่นเอง

เชื้อพระวงศ์นำทัพมาเองจริงๆ ด้วย

ในหมู่เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก องค์รัชทายาทเป็นสมาชิกที่เป็นรองเพียงจักรพรรดิเท่านั้น

ที่แท้เป็นเขามาด้วยตนเอง มิน่าเล่า บนเรือวาฬทะยานฟ้าถึงได้มีธงวิหคทมิฬเก้าหัว

จักรพรรดิไม่ออกจากปิดด่าน รัชทายาทดูแลงานราชการแทน แบกรับหน้าที่ปกครองดูแลบ้านเมือง ฉินตะวันตกวุ่นวายถึงระดับนี้ มีทั้งศึกนอกและศึกใน ไม่ต่างจากเป็นกลากเกลื้อน เป็นไปทั่วทุกหัวระแหง รัชทายาทที่เดิมควรรักษาการณ์เมืองหลวงกลับนำทัพมาปราบสำนักขุนคีรีด้วยตัวเอง นี่จะไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยหรือ? อีกทั้งหวงเซิ่งอี้สู้แพ้ตายไปเพิ่งจะเท่าไหร่เอง กองทัพของฉินตะวันตกก็มาถึงแล้ว นับเวลาดู เกรงว่าข่าวการตายของหวงเซิ่งอี้ยังส่งไปไม่ถึง กองทัพของรัชทายาทก็เดินทางมาถึงเรียบร้อย

หลี่มู่ได้ยินชิวอิ่นพูดแบบนี้ จึงมองอีกนานหน่อย

รัชทายาทฉินตะวันตกหน้าตาสง่างามทรงภูมิ รูปร่างสูงมาก บุคลิกไม่ธรรมดา มีกลิ่นอายอย่างผู้ปกครอง ไม่ใช่พวกสำมะเลเทเมาที่ดีแต่เปลือก

แต่หลี่มู่ไม่มีความรู้สึกดีกับคนผู้นี้

เพราะตอนนั้น รัชทายาทฉินตะวันตกเคยส่งฎีกาจะลงโทษหลี่มู่ให้เขาเป็นแพะรับบาป ถึงแม้ภายหลังจะแต่งตั้งหลี่มู่เป็นไท่ไป๋อ๋องเป็นกรณีพิเศษ แต่นั่นก็เพราะพลังของเขาเอง สรุปแล้วรัชทายาทคนนี้เป็นพวกเจ้าแผนการ เป็นนักปกครองที่ได้มาตรฐาน แต่ไม่ใช่คนที่เลือกมาเป็นสหายได้แน่นอน ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ ไม่มีไมตรีจิต

แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ฉินตะวันตกวุ่นวายแบบนี้ แม้แต่จักรพรรดิก็ว่ากันว่าตายเพราะปิดด่านแล้วธาตุไฟเข้าแทรก รัชทายาทฉินตะวันตกไม่ใช่ว่าควรจะควบคุมสถานการณ์อยู่เมืองหลวง พยายามต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรอกหรือ? รัชทายาทไม่น่าใช่คนโง่ กลับทำข้อผิดพลาดของผู้ช่วงชิงอำนาจ ออกจากศูนย์กลางอำนาจมาปราบสำนักขุนคีรี เขาไม่โง่แน่ๆ แต่ทำไมถึงทำเช่นนี้?

สวีเซิ่งเอ่ย “องค์รัชทายาทไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือคนที่อยู่ด้านซ้ายของเขานั่น”

“เอ๋?” หลี่มู่กระตุ้นพลังเนตรมองไป

เห็นขันทีเฒ่ายืนอยู่ทางซ้ายมือของรัชทายาทฉินตะวันตก ผมเคราขาวโพลน คิ้วยาวจรดหู แก่หง่อม ร่างกายโค้งค่อม รูปร่างผอมหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังบนใบหน้าเหมือนเปลือกส้มตากแห้ง ริ้วรอยพาดเต็มไปหมด ตาหรี่ลงเหมือนถูกลมพัดจนลืมไม่ขึ้น ชุดขันทีสีแดงเข้มบนกายเขาเหมือนแขวนไว้บนไม้ไผ่ ทั่วทั้งร่างไม่มีกลิ่นอายปราณแท้ใดๆ

ข้างหลังขันทีเฒ่ามีขันทีน้อยหน้าตาขาวสะอาดดูดีสองคนพยุงเอาไว้

“ไม่เหมือนคนเป็นวรยุทธ์เลย” หลี่มู่พูด “แต่ขันทีน้อยสองคนข้างหลังเขามีพลังฝึกขั้นฟ้าประทาน ไม่ธรรมดาเลย ขันทีเฒ่าคนนี้มีประวัติอย่างไร?”

สวีเซิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าฉายแววหวาดเกรง “เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะ”

“เทวะ?” พวกหลี่มู่ตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา