ได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าของสวีเซิ่งก็ฉายแววตะลึงสุดขีดทันที
“หรือว่า…จะเป็นเขา?” บนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักขุนคีรีที่แม้แขนสองข้างขาดก็ยังคงยิ้มสบายๆ ได้ ตอนนี้กลับเผยความหวาดเกรงอยู่ลึกๆ
หลี่มู่ถามอย่างสงสัย “ใครกัน?”
สวีเซิ่งตอบไป “หวังว่าจะไม่ใช่เขา หากเป็นเขาจริงๆ ละก็ เกรงว่าพวกเราคงไม่เหลือโอกาสแม้แต่เศษเสี้ยวแล้ว”
พวกชิวอิ่นได้ยินดังนั้น ใจก็สั่นสะท้านเช่นกัน
คนที่ทำให้สวีเซิ่งหวาดเกรงได้เช่นนี้ จะเป็นคนอย่างไรกันแน่?
“ดูก่อนค่อยว่ากัน หวังว่าจะไม่ใช่เขา” สวีเซิ่งมองบริเวณที่ห่างออกไปสามร้อยจั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท้องฟ้ามีเรือเหาะขนาดใหญ่ที่บินมาอย่างเนิบช้า
เรือเหาะแบบนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ทางอากาศที่มีกำลังรบสูงที่สุดของจักรวรรดิฉินตะวันตกแล้ว และเป็นผลสำเร็จสูงสุดของวิชาหลอมโลหะลายดาราของยุคสมัย มีชื่อว่าเรือวาฬทะยานฟ้า
เรือวาฬทะยานฟ้าขับเคลื่อนด้วยค่ายกลลายดารา วัสดุที่ใช้พิเศษมาก มีทั้งทอง เงิน ไม้ ดิน รูปร่างเหมือนวาฬที่แหวกว่ายไปในท้องฟ้า ลอยอยู่กลางอากาศ ความเร็วไม่นับว่ามากนัก แต่เป็นอาวุธระดับกลยุทธ์ สามารถบรรทุกทหาร หลบหลีกการโจมตีจากหน่วยสอดแนมได้ บนนั้นมีหน้าไม้ยิงหิน ปืนพลังลายดารา ล้วนแต่เป็นฝันร้ายของเมือง ฐานที่มั่น และสำนักภูเขาทั้งสิ้น ภายใต้การโจมตีของหน้าไม้ยิงหิน สิ่งที่นำมาให้มีแต่หายนะเสมอ
ทหารขี่เหยี่ยวของฉินตะวันตกก็กลายเป็นเหมือนฝูงเครื่องบินร่อนของเรือเหาะ อยากล่มเรือเหาะพวกนี้ต้องจัดการกับทหารขี่เหยี่ยวที่แสนจะว่องไวพวกนี้ให้ได้เสียก่อน และทหารขี่เหยี่ยวทุกนายอย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์ มีชุดอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน มีอาวุธต่างๆ นานาทั้งธนูหน้าไม้ ขวานบิน โซ่บิน ตาข่าย ไม่ว่าจะโจมตีเดี่ยวหรือกลุ่มล้วนชวนให้น่าปวดหัวทั้งนั้น
แน่นอน สำหรับยอดยุทธ์ขั้นเหนือมนุษย์สมบูรณ์ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ เรือเหาะทุกลำของจักรวรรดิฉินตะวันตกมีเทวะหรือครึ่งเทวะคนหนึ่งควบคุมดูแล
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
จำนวนรวมของเรือวาฬทะยานฟ้าในจักรวรรดิฉินตะวันตกมีแค่ยี่สิบลำเท่านั้น
ครั้งนี้เพื่อที่จะล้างบางสำนักขุนคีรีก็นำออกมาทีเดียวสามลำแล้ว จะเห็นได้ถึงระดับความสำคัญที่มีให้สำนักขุนคีรี
ท่ามกลางเสียงกลองศึกและแตรเขาสัตว์กระหึ่ม ศึกโจมตีสำนักขุนคีรีเปิดฉากที่เหี้ยมโหดกว่าเดิมขึ้นอีกครั้ง
ร่างเงานับไม่ถ้วนทะยานมายังซุ้มประตูสำนักขุนคีรีราวกับมดยุบยับ
กลางท้องฟ้า จอมยุทธ์และจอมเวทที่บินอยู่สำแดงวิชาต่อสู้โจมตีไม่หยุด พลังและเสาแสงวิชาเวทสีต่างๆ หลายพันสายโจมตีไปบนเกราะแสงค่ายกลคุ้มกันภูเขาของสำนักขุนคีรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นลายน้ำเป็นชั้นๆ การสั่นสะเทือนรุนแรงทำให้ยอดเขาหลักทั้งลูกสั่นไหวเบาๆ
นี่เป็นภาพที่ทำให้คนสิ้นหวัง
เรือวาฬทะยานฟ้าสามลำหยุดอยู่กลางฟ้าห่างจากซุ้มประตูสำนักขุนคีรีไปเกือบสองร้อยจั้ง
ร่างเงาหลายร่างปรากฏขึ้นบนเรือธงแกนนำ
“เป็นรัชทายาทของฉินตะวันตก!”
ครั้นชิวอิ่นเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีดำ เสื้อคลุมสีเหลืองสดด้านหลังสะบัดตามลมบนเรือลำนั้น ก็จำได้ทันทีว่าเป็นรัชทายาทคนปัจจุบันของฉินตะวันตกนั่นเอง
เชื้อพระวงศ์นำทัพมาเองจริงๆ ด้วย
ในหมู่เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก องค์รัชทายาทเป็นสมาชิกที่เป็นรองเพียงจักรพรรดิเท่านั้น
ที่แท้เป็นเขามาด้วยตนเอง มิน่าเล่า บนเรือวาฬทะยานฟ้าถึงได้มีธงวิหคทมิฬเก้าหัว
จักรพรรดิไม่ออกจากปิดด่าน รัชทายาทดูแลงานราชการแทน แบกรับหน้าที่ปกครองดูแลบ้านเมือง ฉินตะวันตกวุ่นวายถึงระดับนี้ มีทั้งศึกนอกและศึกใน ไม่ต่างจากเป็นกลากเกลื้อน เป็นไปทั่วทุกหัวระแหง รัชทายาทที่เดิมควรรักษาการณ์เมืองหลวงกลับนำทัพมาปราบสำนักขุนคีรีด้วยตัวเอง นี่จะไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยหรือ? อีกทั้งหวงเซิ่งอี้สู้แพ้ตายไปเพิ่งจะเท่าไหร่เอง กองทัพของฉินตะวันตกก็มาถึงแล้ว นับเวลาดู เกรงว่าข่าวการตายของหวงเซิ่งอี้ยังส่งไปไม่ถึง กองทัพของรัชทายาทก็เดินทางมาถึงเรียบร้อย
หลี่มู่ได้ยินชิวอิ่นพูดแบบนี้ จึงมองอีกนานหน่อย
รัชทายาทฉินตะวันตกหน้าตาสง่างามทรงภูมิ รูปร่างสูงมาก บุคลิกไม่ธรรมดา มีกลิ่นอายอย่างผู้ปกครอง ไม่ใช่พวกสำมะเลเทเมาที่ดีแต่เปลือก
แต่หลี่มู่ไม่มีความรู้สึกดีกับคนผู้นี้
เพราะตอนนั้น รัชทายาทฉินตะวันตกเคยส่งฎีกาจะลงโทษหลี่มู่ให้เขาเป็นแพะรับบาป ถึงแม้ภายหลังจะแต่งตั้งหลี่มู่เป็นไท่ไป๋อ๋องเป็นกรณีพิเศษ แต่นั่นก็เพราะพลังของเขาเอง สรุปแล้วรัชทายาทคนนี้เป็นพวกเจ้าแผนการ เป็นนักปกครองที่ได้มาตรฐาน แต่ไม่ใช่คนที่เลือกมาเป็นสหายได้แน่นอน ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ ไม่มีไมตรีจิต
แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ฉินตะวันตกวุ่นวายแบบนี้ แม้แต่จักรพรรดิก็ว่ากันว่าตายเพราะปิดด่านแล้วธาตุไฟเข้าแทรก รัชทายาทฉินตะวันตกไม่ใช่ว่าควรจะควบคุมสถานการณ์อยู่เมืองหลวง พยายามต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรอกหรือ? รัชทายาทไม่น่าใช่คนโง่ กลับทำข้อผิดพลาดของผู้ช่วงชิงอำนาจ ออกจากศูนย์กลางอำนาจมาปราบสำนักขุนคีรี เขาไม่โง่แน่ๆ แต่ทำไมถึงทำเช่นนี้?
สวีเซิ่งเอ่ย “องค์รัชทายาทไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือคนที่อยู่ด้านซ้ายของเขานั่น”
“เอ๋?” หลี่มู่กระตุ้นพลังเนตรมองไป
เห็นขันทีเฒ่ายืนอยู่ทางซ้ายมือของรัชทายาทฉินตะวันตก ผมเคราขาวโพลน คิ้วยาวจรดหู แก่หง่อม ร่างกายโค้งค่อม รูปร่างผอมหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังบนใบหน้าเหมือนเปลือกส้มตากแห้ง ริ้วรอยพาดเต็มไปหมด ตาหรี่ลงเหมือนถูกลมพัดจนลืมไม่ขึ้น ชุดขันทีสีแดงเข้มบนกายเขาเหมือนแขวนไว้บนไม้ไผ่ ทั่วทั้งร่างไม่มีกลิ่นอายปราณแท้ใดๆ
ข้างหลังขันทีเฒ่ามีขันทีน้อยหน้าตาขาวสะอาดดูดีสองคนพยุงเอาไว้
“ไม่เหมือนคนเป็นวรยุทธ์เลย” หลี่มู่พูด “แต่ขันทีน้อยสองคนข้างหลังเขามีพลังฝึกขั้นฟ้าประทาน ไม่ธรรมดาเลย ขันทีเฒ่าคนนี้มีประวัติอย่างไร?”
สวีเซิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าฉายแววหวาดเกรง “เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะ”
“เทวะ?” พวกหลี่มู่ตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา